xs
xsm
sm
md
lg

จิตใจพันธมิตรฯ --หวงแหนทรัพยากรของชาติ รักบ้านรักเมือง รักในหลวง รักกันและกัน

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

(25 ธ.ค.55)

เจ็ดปีของการเคลื่อนไหว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้หลอมรวม “พลังอำนาจดี” ขึ้นในตนเองแล้ว

พลังอำนาจที่ว่า “ดี” นี้ วัดรู้กันได้ทั้งทางกายภาพและจิตใจ

ทางกายภาพ

พลังอำนาจนี้ เป็นพลังเกิดใหม่ เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยและเงื่อนไขเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ของสังคมไทย ในบริบทสังคมโลกยุค “ลมตะวันออกพัดกลบลมตะวันตก” ที่ผู้นำ ประเทศต่างๆทุ่มเทสรรพกำลังไปในการสร้างสันติภาพและพัฒนาประเทศ โดยถือเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง

อีกทั้ง มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดในห้วงประวัติศาสตร์นี้ เพื่อนำพาประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤติใหญ่ อันเป็นสภาวะเป็นจริงเฉพาะหน้า สืบเนื่องจากพระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯถูกท้าทายอย่างหนักจากกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณที่ถือว่าพระองค์ท่านเป็นอุปสรรคขัดขวางการสถาปนาอำนาจเผด็จการในระบบรัฐสภาขึ้นในประเทศไทย

ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของของพลังอำนาจใหม่นี้ จึงอยู่ที่การต่อสู้เอาชนะกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ พลิกวิกฤติใหญ่เป็นโอกาสใหญ่ ดำเนินการปฏิรูประบบการเมืองของประเทศไทย ให้เป็นการเมืองของประชาชน โดยการเลิกล้มระบบรัฐสภาซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มทุนในประเทศทุนนิยมตะวันตก และพิสูจน์แล้วว่าใช้ไม่ได้กับประเทศไทย เพราะในอดีตเป็นเพียง “เครื่องเล่น”ของผู้มีอำนาจในวงราชการ และในปัจจุบันได้กลายเป็น “เครื่องมือ” ทำมาหากินและแสวงประโยชน์ส่วนตนของพ่อค้านายทุนนักฉวยโอกาส

จากนั้น ดำเนินการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยในทุกๆด้าน เริ่มต้นด้วยการสถาปนาระบบสภาประชาชน วางรากฐานให้แก่การใช้อำนาจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยประชาชนอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทางจิตใจ

พลังอำนาจนี้ เป็นพลังก้าวหน้า ถือเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมในหลายๆด้าน เช่น “หวงแหนทรัพยากรของชาติ” “รักบ้านรักเมือง” “รักในหลวง” และ“รักกันและกัน” เป็นต้น

ความหวงแหนทรัพยากรของชาติ เป็นสำนึกร่วมสมัยของประชาชนในประเทศต่างๆ ที่มีความรักชาติ ต้องการให้ผู้บริหารประเทศบริหารจัดการทรัพยากรของชาติให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม ต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่นำทรัพยากรของชาติเร่ขายให้แก่กลุ่มทุนต่างชาติ หรือร่วมมือกับกลุ่มทุนต่างชาติปล้นทรัพยากรของชาติ ทั้งนี้ทรัพยากรของชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัด หมดแล้วหมดเลย เช่นแร่ธาตุหายาก แก๊ส น้ำมัน เป็นต้น

ในประเทศที่มีรัฐบาลเป็นตัวแทนผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน การพิทักษ์ทรัพยากรของชาติเป็นไปอย่างเคร่งครัดเอาจริงเอาจัง แม้จะเปิดรับการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ แต่ก็เป็นไปเพื่อให้สามารถนำเอาทรัพยากรของชาติขึ้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนของตน มีการตั้งเงื่อนไขและข้อปฏิบัติร่วมกันที่เป็นหลักประกันให้แก่การบรรลุเป้าหมายเช่นว่านี้อย่างรัดกุม ซึ่งหมายถึงว่าคณะผู้นำประเทศจะต้องรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง สามารถทำการเจรจาต่อรองกับต่างประเทศหรือกลุ่มทุนที่จะเข้ามามีส่วนได้เสียกับการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรของชาติได้ในทุกๆด้าน รัฐบาลเช่นนี้จะเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน ได้รับความนิยม สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่นยาวนาน

แต่ในบางประเทศ มีรัฐบาลที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน เพราะมุ่งใช้อำนาจแสวงประโยชน์ส่วนตน เข้าพรรคเข้าพวกเป็นสำคัญ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนที่ “รู้ทัน” จะต้องเผชิญกับการต่อต้าน ถูกเปิดโปง และลงจากอำนาจในที่สุด

ในประเทศไทย รัฐบาลตัวแทนกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ หรือรัฐบาลตัวแทนกลุ่มทุนอื่นๆ ที่ไม่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติของประชาชน มักจะใช้วิธีการตกลงกับรัฐบาลต่างประเทศหรือกลุ่มทุนข้ามชาติอย่างลับๆ มีการปิดบังข้อมูลบางส่วนที่พวกเขาแอบทำกันไว้ กระทั่งนำเสนอข้อมูลเท็จหรือข้อมูลด้านเดียวสู่สาธารณชน เพื่อเบี่ยงเบนความเข้าใจ หลบเลี่ยงการตรวจสอบ แต่ถึงที่สุด พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากการตรวจสอบของภาคประชาชน ที่นับวันตื่นรู้และเอาจริงเอาจังกับการพิทักษ์ทรัพยากรของชาติ

ปัจจุบัน ชาวพันธมิตรฯ กำลังรณรงค์เผยแพร่ความจริงในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่เรื่องน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีและสื่อในเครือของเอเอสทีวีผู้จัดการก็ทำการประมวลเสนอสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ก่อกระแสความตื่นตัวให้แก่ชาวพันธมิตรฯและกลุ่มองค์กรอื่นๆในขบวนการการเมืองภาคประชาชนอย่างชัดเจน ซึ่งหากพิจารณาในอีกมุมหนึ่ง กระแสความตื่นตัวลักษณะนี้ สามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังต่อสู้อันยิ่งใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนได้ในทันที

ความหวงแหนในทรัพยากรของชาติ จึงเป็นฐานกำเนิดสำคัญของพลังอำนาจ “ดี” มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของการดำเนิน “สงครามมวลชน” มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความหวงแหนลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้ที่ “ตื่นรู้” เป็นฐานใหญ่ของการสามัคคี “พลังอำนาจดี”ระดับชาติ ซึ่งอยู่เหนือเส้นแบ่งของ “สี” และ “ขั้วการเมือง”ใดๆ สามารถรองรับสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใหญ่และปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

กระนั้นก็ดี สูตรนี้ปัจจุบันยังไม่อาจใช้ได้กับกลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่ยังติดอยู่ในกรอบความคิด “โค่นอำมาตย์” ที่กลุ่มแกนนำ “นปช.”ออกแบบไว้ให้โดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่เคยได้ยินได้ฟังพวกเขาพูดถึงเรื่องการพิทักษ์ทรัพยากรของชาติ

มองในแง่ดี ในก้นบึ้งของหัวใจพวกเขาน่าจะมีสิ่งนี้(ความหวงแหนในทรัพยากรของชาติ)ดำรงอยู่ แต่เพราะพวกเขาประกาศตัวสนับสนุนนักการเมืองโกงชาติ มุ่งเล่นงานกลุ่มอำมาตย์ ทำให้การแยกผิดแยกถูกของพวกเขาเป็นหมัน สิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดจึงขัดแย้งกันอยู่ตลอดเวลา รู้สึกว่าพูดอะไรก็ไม่ถูก จึงเลือกที่จะพูดตามแกนนำเหมือนนกแก้วนกขุนทอง กระทั่งถึงขั้นถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “ฟาย”

ผู้เขียนเชื่อว่า ด้วยความบริสุทธิ์ของมวลชนเสื้อแดง สักวันหนึ่งพวกเขาก็จะเปล่งเสียงออกมาได้เช่นเดียวกับชาวพันธมิตรฯและมวลชนทั่วไปที่พร้อมเสมอที่จะแสดงออกถึงความหวงแหนในทรัพยากรของชาติ และเกิดความ “ตื่นรู้” ได้ว่า การพิทักษ์ทรัพยากรของชาติก็คือการปกป้องสิทธิประโยชน์ของประชาชนชาวไทย ซึ่งก็คือพวกเขาพวกเราด้วยกัน นั่นเอง

ในทางการเมือง การต่อสู้เอาชนะกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณและระบอบอื่นๆ(หากมี) โดยนัยก็คือการปกป้องทรัพยากรของชาติ มิให้ตกเป็นสมบัติส่วนตัวของกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศ จิตใจหวงแหนในทรัพยากรของชาติ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งของการสร้างสำนึกทางการเมืองที่ถูกต้องขึ้นในหมู่ประชาชน รวมทั้งกลุ่มมวลชนเสื้อแดง

ดังนั้น การปลูกฝังจิตใจหวงแหนทรัพยากรของชาติ จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ในการขยายฐาน “อำนาจกำหนด” การเปลี่ยนแปลงใหญ่ประเทศไทย โดยข้ามพ้นเส้นแบ่งของ “สี” และ “ขั้วการเมือง”

ผู้เขียนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยจิตใจหวงแหนในทรัพยากรของชาติร่วมกันของคนไทยนี่เอง จะทำให้เกิดการหลอมรวมกันเข้าครั้งใหญ่ของ “พลังอำนาจดี” ที่อยู่เหนือการแบ่งแยกใดๆ และไม่มีใครอาจแบ่งแยกได้

และนี่คือเหตุผลสำคัญยิ่งประการหนึ่ง ของความสามัคคีกลมเกลียวกัน “รักกันและกัน”ของชาวพันธมิตรฯ

จิตใจรักบ้านรักเมือง เป็นคุณสมบัติทั่วไปของชาวพันธมิตรฯ แสดงออกตรงที่ไม่ยอมให้ใครมาทำปู้ยี่ปู้ยำกับชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชาวพันธมิตรฯที่สูงวัย

นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไมชาวพันธมิตรฯจำนวนมากจึงเป็นผู้สูงวัย !

จิตใจนี้ชาวพันธมิตรฯวัยหนุ่มสาวจะต้องทำการสืบทอด และปลูกฝังไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ !

จิตใจที่รักในหลวง ของชาวพันธมิตรฯ มีความสูงส่งอย่างยิ่งในตัว ไม่เพียงเพราะซาบซึ้งในบุญบารมีของในหลวงเท่านั้น แต่ยังแฝงไว้ด้วยความกตัญญูรู้คุณ ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ อีกนัยหนึ่งก็คือ มีจิตกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ซึ่งเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพสกนิกรชาวไทยทุกเชื้อชาติและศาสนา ตลอดระยะเวลานับร้อยนับพันปี

ยิ่งเมื่อกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณเหิมเกริมหนัก ถึงขั้นจาบจ้วงอย่างรุนแรงแบบไม่บันยะบันยัง เพียงเพราะพระองค์ท่านไม่เห็นดีด้วยกับการใช้อำนาจเกินขีด และโกงกินเกินขีด

ชาวพันธมิตรฯ มักจะบริภาษ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกอยู่เสมอว่า พฤติกรรมชั่วของพวกเขาจะเทียบอะไรได้กับแม้ “ผงธุลี” แห่งคุณงามความดีของในหลวง แค่วัดกันว่าใครทำงานหนักมากกว่ากัน ในการหาทางแก้ไขปัญหาทำมาหากินของคนไทยตาดำๆ ก็ไม่เคยมีนักการเมืองหรือผู้นำประเทศคนใดหาญเทียบได้ พระองค์ท่านจึงได้รับการสดุดีไปทั่วโลกว่า เป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก

ความดีของในหลวง อยู่ตรงกันข้ามกับความชั่วของทักษิณอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้เอง ชาวพันธมิตรฯ จึงรักในหลวงและเกลียดทักษิณไปในคราวเดียวกัน

ยิ่งรักก็ยิ่งเกลียด !

ส่วนพวกสาวกเสื้อแดง ปากว่ารักทักษิณ ไม่รู้เอาอะไรมารองรับ เพราะความเป็นนักการเมืองชั่ว ทุจริตโกงกินชนิด “โคตรโกง” และ “โกงทั้งโคตร” คงหาความน่ารักอะไรได้ยากเต็มที

เอาเป็นว่าที่พวกเขารักก็เพราะ “ทักษิณให้” ก็แล้วกัน นั่นหมายถึงว่า หากถึงวันใดทักษิณไม่มีอะไรให้ ก็คงไม่รักอีกแล้ว

แบบนี้คงเรียกว่า “รัก” ไม่ได้ น่าจะเรียกว่า “สมใจอยาก” มากกว่า ไร้ซึ่งแก่นสารใดๆ

ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ตามการกระตุ้นของแกนนำ ส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่าตัวเองจะได้อะไรเป็นค่าตอบแทนมากกว่าสิ่งอื่นใด การแสดงออกจึงหยาบคายและรุนแรง มีอาการหน้ามืด ขาดสติ และพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งชาติบ้านเมือง

ชาวพันธมิตรฯ “รักกันและกัน” นับเป็นความสวยงามอย่างยิ่งที่ยากจะหาได้ในสังคมปัจจุบัน ที่ต่างก็พยายามทำมาหากิน ดิ้นรนเอาตัวรอด หรือไม่ก็แข่งขันกันสั่งสมความมั่งคั่งเฉพาะตน อวดประชันความรวย และพยายามไต่บันไดสังคมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ในหมู่ชาวพันธมิตรฯ เรามักจะรู้สึกถึงความยินดีที่มีต่อกัน ในแทบทุกโอกาส ของการร่วมกันต่อสู้ ต่อต้านการโกงชาติกินเมืองของกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ อาจเป็นเพราะด้วยความตระหนักรู้ในคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ ทำให้ชาวพันธมิตรฯทั่วไป รู้สึกกลมกลืนใจอย่างยิ่งในคำอุปมาของท่านมหาจำลอง(พล.ต.จำลอง ศรีเมือง)ที่ว่า เราพากันมา “ทำบุญ” มีความรู้สึกปลึ้มปิติและอิ่มเอิบอยู่ภายในอย่างชัดเจน

ในมิติหนึ่ง จิตใจ “รักกันและกัน” ของชาวพันธมิตรฯ สะท้อนถึงค่านิยมอันสูงส่งของชาวพันธมิตรฯ นั่นคือ เราจะรักในความดี คนดี สุดจิตสุดใจ

ความรักเช่นนี้ ทำให้เราเป็นสุข

พวกเราชาวพันธมิตรฯจึงทำงานด้วยความสุขเสมอ แม้บางเวลาจะขาด “ปัจจัย”

รวมความแล้ว จิตใจพันธมิตรฯ คือจิตใจที่งดงาม เป็นจิตใจที่คนไทยทั้งประเทศควรมี และจำเป็นต้องมี !
กำลังโหลดความคิดเห็น