ผ่าประเด็นร้อน
เปิดรายชื่อออกมาแล้วสำหรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3 หรือ “ปู 3” ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผที่เคยเปิดเผยออกมาตามสื่อก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าคราวนี้เป็นการการันตีออกมาอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเชื่อว่าหลายคนที่ติดตามการเมืองแบบรู้ทันก็คงไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
เพราะเท่าที่เห็นไม่ต่างจากการตบรางวัลให้กับลูกน้องของเจ้าของบริษัท ที่ทำงานรับใช้อย่างซื่อสัตย์ หรือไม่ก็เป็นประเภทลูกน้องหน้าใหม่ ที่เข้ามาทำหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา ตามช่วงเวลา ซึ่งรูปแบบก็ไม่ต่างจากการให้รางวัล และมอบหมายหน้าที่ใหม่ตามบัญชาแบบภารกิจเฉพาะกิจ ซึ่งเป้าหมายก็คือต้อง “รับใช้นาย” แลกเปลี่ยนกับตำแหน่งเพื่อเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูล
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวภายในครอบครัวของเจ้าของบริษัท ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีการแยกย่อยออกเป็นก๊วน แบ่งเค้ก แบ่งโควตา แบ่งผลประโยชน์ระหว่างกัน หากกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องบอกว่ามีอยู่ 3-4 กลุ่มหลักๆ คือ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลุ่มเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่มาในโควตาของ “ดามาพงศ์”
ภาพของบรรดารายชื่อรัฐมนตรีแต่ละคนที่ออกมา ทำให้เห็นภาพอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งในวงการก็รับรู้กันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากันอีกด้านหนึ่งก็อย่าไปคาดหวังกับผลงานและประโยชน์เพื่อประชาชนในอนาคต เพราะอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วก็คือ นี่คือผลตอบแทนให้กับคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ และเปลี่ยนตัวเปิดโอกาสให้ลูกน้องคนอื่นให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ตามพันธะสัญญากันบ้าง แต่เป้าหมายก็คือ ต้องรักษาผลประโยชน์และทำ “เพื่อนาย” เท่านั้น
ความเข้าใจดังกล่าวไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย เมื่อพิจารณาจากผลงาน และความเคลื่อนไหวในอดีตที่ผ่านมาหลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีมานานปีเศษ เริ่มจาก สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่คราวนี้ได้รับโบนัสเพิ่ม เป็นรองนายกฯ อีกตำแหน่งหนึ่ง ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะแน่นอนว่าหากถามจากคนทั่วไป และให้ยกตัวอย่างมาสักเรื่องกับผลงานเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแล้ว มีอะไรที่โดดเด่นน่าประทับใจบ้าง
แต่ถ้าถามว่าสร้างผลงานให้ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะ “นายใหญ่” และในฐานะเจ้าของบริษัทพอใจเรื่องใดบ้าง รับรองว่าความประทับใจต้องมีออกมาพรั่งพรูแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่าเดินทางเข้าประเทศหลังทันทีที่เขาเริ่มรับตำแหน่ง จากนั้นก็ติดตามอำนวยความสะดวกทำให้ ทักษิณ ได้เดินทางไปไหนมาไหนแบบไม่ต้องกลัวแบบเสียวสันหลังว่าจะโดนรวบส่งกลับประเทศ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
อีกทั้งในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของเขา ยังสร้างความสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นการทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติ ประชาชน หรือประโยชน์ของใครบางคนหรือไม่ หลังจากหลายครั้งที่มีการเจรจาเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน
รัฐมนตรีคนถัดมา ที่ไม่น่าเชื่อว่ายังสามารถอยู่ยงคงกระพันมาได้ เพราะหากพิจารณาจากผลงานอันอื้อฉาว “อัปยศ” จากโครงการรับจำนำข้าว แต่ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ยังคงเหนียวหนึบอยู่กับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกรณีนี้อาจมองได้หลายแง่ หลายมุม
มุมแรกเป็นเด็กของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในวงการรับรู้กันทั่ว แม้จะมีการปฏิเสธอยู่ตลอดเวลาว่าไม่เกี่ยวก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องเอาไว้ชี้แจง ปะทะชนกับฝ่ายค้านที่จะยื่นญัตติซักฟอกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เหมือนกับเป็น “กันชน” เป็น “สายล่อฟ้า” เบี่ยงเบนไม่ให้พุ่งเข้าหาตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ หรือว่าเป็นทั้งสองกรณีปะปนกัน เพราะไม่ว่ามองในมุมไหน หากพิจารณาจากผลงาน นอกจากห่วยแตก สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเรื่องค่าครองชีพ ข้าวของแพงไปทุกหย่อมหญ้าแล้ว อย่าว่าแต่ให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปเลย น่าจะอัปเปหิไปให้พ้นตั้งนานแล้วด้วยซ้ำไป
แม้แต่รายของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่โยกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถามว่าที่ผ่านมาได้สร้างความประทับใจเรื่องแก้ปัญหาราคายางพาราอย่างไรบ้าง เห็นแต่มีม็อบชาวสวนยางยกขบวนปิดถนนแทบไม่เว้นแต่ละวัน และคาดหมายว่าจะมาช่วยป่วนบิดเบือนเรื่องโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งโครงการธงฟ้าป่วนตลาดแค่ไหน แต่อย่างไรก็ดี นี่คือความหมายของ “ลูกน้องคนใหม่” ที่เลือกเข้ามาแทนหัวโจกคนเสื้อแดงรายอื่น ไม่ว่าจะเป็นจตุพร พรหมพันธุ์ หรือใครก็ตาม
แต่ที่น่าจับตานาทีนี้ก็คือการดึง พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แทน อารักษ์ ชลธาร์นนท์ น่าจับตาก็เพราะเรื่องพลังงานถือว่าเป็นผลประโยชน์หลักของ ทักษิณ ชินวัตร และที่ผ่านมาสำหรับ พงษ์ศักดิ์ ถือว่าทำหน้าที่ไม่ต่างจากตัวแทนผลประโยชน์ได้อย่างดี สำหรับ อารักษ์ แม้ว่าจะเป็นเหมือนกับ “เด็กในบ้าน” แต่ภารกิจข้างหน้ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังจะเข้าฮอร์สอยู่รอมร่อ ต้องใช้คนประเภทที่ต้อง “ด้าน” ทุกอย่าง บางจังหวะก็ต้องเปลี่ยนคนที่รับหน้าที่ใหม่ และเมื่อประสานจับมือกับกระทรวงการต่างประเทศของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ภารกิจในฝันก็ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ไม่ยาก
นี่ว่ากันเฉพาะบางรายที่โดดเด่นน่าจับตาเท่านั้น เพราะรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต กิตติรัตน์ ณ ระนอง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นต้น ยังอยู่กันครบถ้วน และหากพิจารณากันให้ดี ก็จะพบว่าการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้เป็นการ “กระชับอำนาจ” ของแต่ละก๊วนใน “ครอบครัวชินวัตร” และ “ดามาพงศ์” ที่แบ่งโควตากันอย่างชัดเจน เหมือนกับการแต่งตั้งให้รางวัลกับลูกน้องที่ซื่อสัตย์ทำงานได้เข้าตาของเจ้าของบริษัท ไม่ได้เกี่ยวกับชาวบ้านทั่วไป
ภาพที่มองเห็นมองได้อย่างนั้นจริงๆ !!