xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะก้าวข้ามตัวเองและ ปชป.ได้หรือไม่?

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

กลับมาจากมณฑลยูนนาน หนึ่งในโพสต์ที่ผมเขียนลงหน้า facebook ของตัวเองคือข้อความต่อไปนี้

“น่าพิจารณาว่าการเขียน facebook ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นเพียงแรงสะท้อนตอบต่อความกดดันชั่ววูบ หรือจะเป็นจุดเปลี่ยนยุทธศาสตร์พรรค และ/หรือยุทธศาสตร์ตัวเอง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเลือกที่จะเป็นเพียงผู้นำฝ่ายค้าน และจำกัดขอบเขตการต่อสู้ทางการเมืองไว้แค่ในระบบรัฐสภา หรือจะเลือกเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นผู้นำมวลชน ไม่จำกัดขอบเขตการต่อสู้ไว้เพียงแค่ในระบบรัฐสภาเท่านั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังเลือกเป็นเพียงนักการเมืองคนหนึ่ง หรือจะเลือกเป็นนักปฏิวัติสังคม

“ก่อนที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะชักชวนประชาชนก้าวข้ามตระกูลชินวัตรและพาประเทศเดินหน้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้อย่างจริงจังและจริงใจ

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่จะนำประชาชนก้าวข้ามตระกูลชินวัตรและพาประเทศเดินหน้าไปได้ แต่ก่อนอื่น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะต้อง ‘ก้าวข้ามความเป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและความเป็นปชป.’ เป็นปฐมบท

“หากยังกล้าๆ กลัวๆ ยึกๆ ยักๆ ผลลัพธ์ก็จะไม่ต่างไปจากเดิม...”


เป็นหนึ่งในข้อความที่ผู้สนใจเข้ามาอ่าน และกด like มากพอสมควรสำหรับมาตรฐานทั่วไปของผม และมีผู้แบ่งปันไปโพสต์ต่อมากกว่า 80 ครั้ง และได้ยินมาว่าถนอม อ่อนเกตุพล ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์บลูสกายนำไปเป็นคำถามถามคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะด้วย แต่ไม่ชัดเจนว่าคำตอบเป็นอย่างไร และในรายการตอบโจทย์ทาง Thai PBS ที่ผมอัดเทปไปแล้วสำหรับออกในคืนวันอังคารและวันพุธที่ 25 – 26 ธันวาคม 2555 นี้ ตอนแรกคือในคืนวันอังคารที่ 25 คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เขาก็ถามผมเรื่องนี้ด้วย

สังคมไทยวันนี้จมอยู่ในความขัดแย้งมายาวนานห้าหกปี คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะพูดอย่างไรคนที่จะฟังท่านก็จะมีเพียงคนที่เลือกท่านและพรรคท่านเท่านั้น

ตีเสียว่า 11 ล้านคนบวกลบ

ส่วนที่เหลืออีก 15 ล้านเสียงบวกลบเขาก็ฟังและเชื่อคุณทักษิณ ชินวัตรและเครือข่าย

ถ้าจะตัดสินชี้ขาดกันแค่การเลือกตั้งทั่วไป ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร คะแนนเสียงในหีบบัตรเลือกตั้งมันจะยันกันอยู่อย่างนี้ไม่แปรเปลี่ยนอะไรมากมายนัก ยกเว้นคุณทักษิณ ชินวัตรแกตายจากโลกนี้ไปก็ว่ากันอีกอย่าง

อย่างเรื่องประชามติรัฐธรรมนูญนี่ก็เหมือนกัน ถ้ารณรงค์กันแบบตรงไปตรงมาให้คนออกไปใช้สิทธิมากที่สุด เห็นอย่างไรก็ลงคะแนนไปตามนั้น แน่นอนครับว่าเสียงให้แก้รัฐธรรมนูญได้จะมีมากกว่า เป็นไปตามฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยประมาณ 11 ต่อ 15 ล้านเสียงนั่นแหละ บวกลบไม่เท่าไร เผอิญว่าการลงประชามติมีกฎข้อหนึ่งอยู่ในมาตรา 9 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ว่าการออกเสียงประชามติที่จะมีผลชี้ขาดจะต้องมีคนออกมาใช้สิทธิเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง การรณรงค์เพื่อให้ได้ชัยชนะจึงอาจทำได้โดยการรณรงค์ไม่ให้คนออกมาใช้สิทธิ โดยถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างหนึ่ง ใช้สิทธิโดยไม่ใช้สิทธิ เพื่อที่จะแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบยกฉบับ

การเขียน facebook ของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจึงชวนให้คิดว่าจะรณรงค์เยี่ยงนี้

แต่...แล้วยังไงล่ะครับ?

สมมติประชามติไม่ผ่าน คิดว่าคุณทักษิณ ชินวัตรเขาจะยี่หระหรือ เขาก็จะรณรงค์บอกว่าที่ประชามติไม่ผ่านก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะชกใต้เข็มขัด ไม่ต่อสู้ตามวิถีทางประชาธิปไตย แล้วเขาก็จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา

หรือเขาตัดสินใจยุบสภา คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้มากกว่าเดิมสักกี่เสียง

11 ล้านเสียงไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่มากพอจะชนะเลือกตั้ง

คำถามใหญ่ๆ คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะทำอะไรกับ 11 ล้านเสียงที่มีอยู่?

ผมไม่ได้บอกให้เป่านกหวีดนำมวลชนมาขับไล่รัฐบาลด้วยการชุมนุมใหญ่

แต่อยากจะบอกว่าอันที่จริงกฎเกณฑ์ทำนองเดียวกับมาตรา 9 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี และพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยใช้จากมัน จำการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2549 ได้มั้ยล่ะ พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจครั้งใหญ่ของพรรคบอยคอตการเลือกตั้งด้วยการไม่ส่งผู้สมัคร ทำให้พรรคคุณทักษิณ ชินวัตรติดกฎเกณฑ์ 20% ต้องดิ้นรนให้มีผู้สมัครพรรคเล็กโนเนมมาลงเพื่อหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์นี้ ที่สุดก็พลาด ต้องคดีที่นำไปสู่การยุบพรรคในที่สุด

ยังมีกฎเกณฑ์อื่นอีก เช่น การรณรงค์ให้ประชาชนไปกาในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนเพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมือง ซึ่งถ้าได้มากพอจะมีผลแน่นอน อย่างน้อยก็ผลในทางความชอบธรรม

เป็นผลที่จะดึงให้คุณทักษิณ ชินวัตรมาเจรจากันบนพื้นฐานที่ตัวเองต้องยอมรับผิดยอมเสียสละด้วย

หรือสูงสุดกว่านั้นก็ยังมี

ทยอยลาออกจากความเป็น ส.ส.ในจังหวะที่เหมาะที่ควร!

อย่าให้ผมขยายความเป็นรายละเอียดเลยว่าต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมการล่วงหน้าอย่างไร สมองนักเรียนในประเทศอย่างผมยังคิดได้ คิดออก สมองนักเรียนอังกฤษนักเรียนนอกอย่างคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและแกนนำพรรครุ่นใหม่ที่โคลนนิ่งท่านมามีหรือจะคิดไม่ได้ คิดไม่ออก

แต่ของพรรค์นี้มันอยู่ที่ “จุดยืน” ครับ

ว่าท่านเห็นการเมืองเป็นอะไร ระหว่างเป็นชีวิตจิตใจที่ต้องต่อสู้ หรือเป็นเพียงอาชีพหลักอาชีพเสริม

พรรคประชาธิปัตย์ถ้าไม่ก้าวข้ามความเป็นพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีอนาคตแน่นอนครับ เริ่มต้นมาพรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนของกลุ่มอำนาจเก่า ต่อสู้กับคณะราษฎรสายท่านปรีดี พนมยงค์ พอชนะตรงนั้นแม้ต่อมาบ้านเมืองจะปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหาร พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ต่อสู้อะไร ยามเปิดให้มีเลือกตั้ง พรรคก็ลงสมัครรับเลือกตั้ง ยามรัฐประหารเผด็จการเต็มรูปคนของพรรคก็แยกย้ายไปทำมาหากิน ช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พรรคก็เป็นรากฐานให้ท่านเต็มที่ ชุดนโยบายที่ถือว่าเป็นตัวตนของพรรคก็ไม่ชัดเจน แปรเปลี่ยนไปตามยุค

ผมไม่ได้มีอคติและไม่ประสงค์จะตำหนิ แต่เราต้องยอมรับความจริงในประวัติศาสตร์

แต่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและชาวประชาธิปัตย์ยุคนี้ร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้พรรคได้นี่ครับ

ถ้าเห็นว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมือง หรือระบบทักษิณ เป็นอันตรายต่อชาติต่อแผ่นดินจริง และถ้าการต่อสู้ทางการเมืองคือจิตวิญญาณคือหน้าที่ของท่านไม่ใช่เพียงอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ก็ต้องเร่งเปลี่ยนแปลงตัวเองครับ

11 ล้านเสียงบวกลบมีความหมายยิ่งใหญ่ แต่ท่านต้องใช้ให้ถูกทาง!

คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีความสามารถใหญ่หลวง โดยเฉพาะเสน่ห์สาธารณะและศิลปะในการพูดชักนำมวลชน มีไม่กี่คนในประเทศนี้หรอกที่ทำได้ทัดเทียมท่าน แต่มันอยู่ที่ท่านเองว่าจะจำกัดตัวเองให้เป็นเพียงนักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่ง หรือจะทะลวงผ่านกรอบตัวตนเดิมออกมาสู่ความเป็นผู้นำมวลชนควบคู่ไปด้วย

คุณทักษิณ ชินวัตรเขาชัดเจนไปแล้วว่าเดินยุทธศาสตร์ 2 ขา ทั้งสู้ในระบบและนอกระบบ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเขาก็ชัดเจนไปแล้วว่าเดินหน้าสู้นอกระบบปฏิเสธนักการเมืองทุกฟากฝ่าย วันนี้ก็เหลือแต่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นแหละครับว่าจะทบทวนตัวเองและตัดสินใจอย่างไร


เป็นกำลังใจให้ด้วยใจจริง!
กำลังโหลดความคิดเห็น