xs
xsm
sm
md
lg

กกต.แนะ ครม.ตั้งประเด็นให้ชัดก่อนทำประชามติ ติง “มาร์ค” เสี่ยงผิด กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิชาต สุขัคคานนท์ (แฟ้มภาพ)
ประธาน กกต.แนะ ครม.กำหนดประเด็นแก้ไข รธน.ให้ชัด เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลก่อนลงประชามติ ระบุควรเป็นคำถามปลายปิดให้ประชาชนเลือกเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น เตือน “อภิสิทธิ์” เสี่ยงผิดกฎหมายรณรงค์คว่ำประชามติ ขัดขวางประชาธิปไตยถึงขั้นอาจยุบพรรค

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ กกต.ดำเนินการก็พร้อม แต่ควรกำหนดประเด็นในการจะแก้ไขให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน ในส่วนของ กกต.ปรับปรุงระเบียบเพียงเล็กน้อย ก็สามารถจัดทำประชามติได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าวันออกเสียงประชามติน่าจะอยู่ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2556 ตามที่กฎหมายระบุให้ กกต.จัดทำประชามติไม่น้อยกว่า 90 วันแต่ไม่เกิน 120 วัน

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านระบุจะคว่ำการจัดทำประชามติครั้งนี้นั้น นายอภิชาต ขอไม่แสดงความคิดเห็น แต่หากมีบุคคลหรือฝ่ายใดดำเนินการดังกล่าว กกต.ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย

ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ประเด็นที่จะทำประชามติควรมีความชัดเจน ประชาชนเข้าใจง่าย เป็นลักษณะคำถามหรือหัวข้อปลายปิดเพื่อให้ประชาชนตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นคำถามที่เปิดให้ตอบแบบอธิบายยาว และเมื่อรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการให้มีการออกเสียงประชามติก็ต้องจัดเวทีให้ฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยได้โต้แย้งแสดงเหตุผลให้กับประชาชนได้รับทราบ โดย กกต.เป็นเพียงผู้จัดทำประชามติตามที่รัฐบาลต้องการเท่านั้น ซึ่งหาก ครม.มีมติในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.) ให้ กกต.เป็นผู้ทำประชามติ การจะเริ่มดำเนินการก็ต้องรอให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 15 วัน โดยกฎหมายกำหนดให้ กกต.ดำเนินการทำประชามติไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 120 วัน คาดว่าจะสามารถกำหนดวันออกเสียงประชามติได้ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 56

ส่วนกรณีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุจะรณรงค์ให้ประชาชนล้มการจัดทำประชามติครั้งนี้ นางสดศรีกล่าวว่า อาจสุ่มเสี่ยงผิดต่อมาตรา 43 (3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2552 ที่ระบุห้ามผู้ใดหลอกลวงบังคับขู่เข็ญหรือใช้อิทธิพลคุกคาม เพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง หรือเพื่อให้สำคัญผิดในวัน เวลา ที่ออกเสียง หรือวิธีการลงคะแนนออกเสียง ซึ่งอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ดังนั้นการกระทำใดที่ส่อเป็นความผิดอาจถูกร้องต่อ กกต. และศาลอาญาได้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดทางอาญา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการขัดขวางจะมีผลถึงขั้นถูกยุบพรรคหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 93 และ 94 บัญญัติความหมายไว้กว้างๆ ว่า หากพรรคการเมืองใดมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย หรือกระทำการที่เป็นปฏิปักษ์หรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อย อาจมีความผิดได้ รวมทั้งทำให้เกิดการร้องเรียนได้ง่าย ซึ่งก็ทำให้ศาลสามารถตีความได้กว้างว่า กรณีดังกล่าวสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายความผิดที่ต้องยุบพรรคหรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากมีทำประชามติแล้วประชาชนไม่ไปออกเสียงประชามติก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุให้เสียสิทธิเหมือนกับการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ แต่หากว่ามีบุคคลใดไปบังคับขู่เข็ญไม่ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ถือว่ามีโทษทางกฎหมาย จึงจำเป็นต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ตนเห็นว่าถ้าประชาชนคนไหนไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ควรจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนออกไปลงเสียงประชามติ และกากในช่องไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ ก็น่าจะดีกว่าและไม่ขัดกับหลักกฎหมาย

นางสดศรียังกล่าวถึงคะแนนเสียงที่จะใช้ในการออกเสียงประชามติว่า ประชามติจะเป็นผลได้คะแนนเสียงต้องเข้าข่าย 2 องค์ประกอบ คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งในขณะนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 46 ล้านคน ดังนั้นจะต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิราว 23 ล้านคนขึ้นไป จากนั้นเสียงที่ทำให้ประชามติครั้งนี้ผ่านต้องเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิก็คือต้องเกินกว่า 12 ล้าน หากไม่เป็นไปตามหลักข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะถือว่าการทำประชามตินั้นตกไปทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการออกเสียงประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2550 มีการใช้งบประมาณไปราว 2,000 ล้านบาท โดยเป็นในส่วนของ กกต.1,500 ล้านบาท สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรโดยรวมในส่วนของสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย 499 ล้านบาท กกต.จึงมีการประมาณการว่าการออกเสียงประชามติครั้งนี้จะใช้งบประมาณราว 2,200 ล้านบาท


เปิดขั้นตอนแก้ รธน.พรรคเพื่อไทย ปลดล็อกทุกเงื่อนไข-อุ้ม “ทักษิณ” กลับไทยได้แน่!
เปิดขั้นตอนแก้ รธน.พรรคเพื่อไทย ปลดล็อกทุกเงื่อนไข-อุ้ม “ทักษิณ” กลับไทยได้แน่!
“วราเทพ” เผยเพื่อไทยเดินเครื่องเต็มที่แก้รัฐธรรมนูญ ชี้ 4 เดือนเสร็จ มั่นใจประชาชนลงมติเห็นด้วย เพราะช่องกฎหมายไม่ได้ต้องการ 22 ล้านเสียง แต่ต้องการแค่ 11 ล้านเสียง เตรียมสั่ง “มหาดไทย” ลงพื้นที่รณรงค์ควบ “ส.ส.” พรรค ที่กำลังจะมีการวางยุทธศาสตร์รายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่พลังพรรคยังอ่อน ทั้งนี้เมื่อการลงประชามติเสร็จเรียบร้อย พร้อมนำเข้าที่ประชุมสภาฯ โหวตวาระ 3 มาตรา 291 เดินหน้าตั้ง สสร.แก้ รธน.ดึงทักษิณกลับประเทศไทยภายในปีหน้า โดยไม่มีมลทินติดตัว!
กำลังโหลดความคิดเห็น