xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฉายาร้อนการเมือง 55“ปู” ว.5 โอบามา –“โอ๊ค” รด.ปากแดง “เจ๊ ด.” แดกจุงเบย –“มาร์ค” ดรามาแมลงสาบ “ตู่” ผบ.menมา –“อู๋”สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำหรับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติงานประจำทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา กับการตั้ง “ฉายา” ให้กับรัฐบาลตลอดรวมถึงนักการเมืองและข้าราชการทั้งหลาย โดยพิจารณาจากพฤติกรรมและการทำงานเป็นสำคัญ

และก็ต้องยอมรับว่า ฉายาแต่ละฉายาที่ออกมาได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะคอการเมืองที่เฝ้าติดตามพร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากเลยทีเดียว

ปี 2555 นี้ก็เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฉายาดังกล่าวจะออกมา ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ในฐานะสื่อมวลชนที่ติดตามพฤติกรรมของนักการเมืองและข้าราชการอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับเมื่อพิจารณาความคิดเห็นของประชาชนที่เขียนจดหมายและส่งอีเมลเข้ามา กองบรรณาธิการจึงนำข้อมูลดังกล่าวมาสังเคราะห์และตั้งฉายาให้กับพวกเขาเหล่านั้นรวมทั้งหมด 16 ฉายาด้วยกัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี “ว.5 โอบามา”

เนื่องเพราะพฤติกรรมของนายกฯหญิงของไทยคนนี้เธอมีดีกรีในเรื่องของความอ้อล้อฉอเลาะ หูตาแพรวพราวราวสาวแรกรุ่น อันเป็นที่มาของปรากฎการณ์ 'วูแมน ทัช' ซึ่งเป็นประเด็นฮอตที่สื่อนอกพากันตีข่าวถึงภาพความสัมพันธ์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อครั้งเดินทางมาเยือนประเทศไทย กับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ดูจะดูดดื่มหวานล้ำเกินกว่า มิตรภาพทางการทูตตามปกติ โดยเฉพาะสายตาหยาดเยิ้มที่นายกฯยิ่งลักษณ์มองไปยังโอบามาขณะกุมมือของผู้นำสหรัฐนั้นช่างบ่งบอกความหมายที่ลึกล้ำเกิน คำ บรรยาย ขณะที่สังคมไทยต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการวางตัวที่ไม่เหมาะสมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทยโดยรวมด้วย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายกฯหญิงของไทยตกเป็นข่าวอื้อฉาวในเชิงชู้สาว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณี 'ว.5 โฟร์ซีซัน' ซึ่งนายกฯยิ่งลักษณ์ถูกเมาท์มอยถึง 'สัมพันธ์ลับ' กับนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 'โอ๋ลูกโอ๊ค'

จากท่าทีที่เจี๋ยมเจี้ยมสงบเสงี่ยมเจียมตนเมื่อครั้งที่มีการปะทะคมรมกับ 'โอ๊ค' พานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็นถึงลูกชายของ 'นายใหญ่' เจ้าของพรรคตัวจริงอย่างทักษิณ ชินวัตรกรณี “ดรามาท่าขี้เหล็ก” อันเป็นข่าวโจ๊กระดับตำนานเกี่ยวกับการลอบสังหาร 'นช.ทักษิณ ชินวัตร' ที่เตรียมเดินทางมาพบปะมวลชนคนเสื้อแดงที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ในระหว่างวันที่ 8-10 พ.ย. ทำให้หลายคนอดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดบิ๊กทหารที่ผ่านสมรภูมิรบมาโชกโชนอย่าง พล.อ.อ.สุกำพล จึงต้องทนทำบื้อใบ้ให้เด็กเมื่อวานซืนที่ความรู้ด้านการทหารแค่ระดับนักเรียน รด.เช่นพานทองแท้โขกสับ ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ทั้งๆที่กับบุคคลระดับปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น พล.อ.อ.สุกำพลกลับฟาดฟันเล่นงานกระทั่งพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว แต่ในแง่ของสถานนะและบารมีทางการเมืองแล้วกล่าวได้ว่า 'บิ๊กโอ๋' นั้นไม่ต่างอะไรจาก 'ลูกไล่' ของ ฯพณฯท่านโอ๊ค'

กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง "ไวท์ไลน์ได้ดี"

คงไม่มียุคสมัยใดที่คนโกหกจะได้ดิบได้ดี หากไม่ใช่ในยุค "รัฐบาลยิ่งฟัค" เพราะการ "โกหกเพื่อชาติ" เพื่อกระตุ้นการส่งออกของประเทศ ของนายกิตติรัตน์ กลับทำให้เขามีฐานะทางการเมืองแข็งแกร่งขึ้น แม้จะมีการปรับครม. เปลี่ยนรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่งานไม่เข้าตา แต่สำหรับกิตติรัตน์ จอมไวท์ไลน์ ไม่เพียงแต่เกาะเก้าอี้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในเท่านั้น แต่ยังควบตำแหน่งรมว.คลัง เอาไว้ได้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ที่เป็นเช่นนั้น อาจเป็นเพราะนายกิตติรัตน์ พร้อมเล่นบทบาทนักกู้สิบทิศ เพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการต่างๆ สนองนโยบายของรัฐบาล ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน บริหารจัดการน้ำ ประชานิยม จนเพดานหนี้สาธารณะของประเทศพุ่งสูงขึ้นเกือบใกล้แตะ 50% ของจีดีพีในปีหน้า 2556 กระทั่งเวิร์ลแบงก์ต้องออกมาส่งเสียงเตือนว่าจะส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศในภาพรวม แต่ กิตติรัตน์ นักกู้สิบทิศก็บ่ยั่นดันทุรังเดินหน้าพาชาติลงเหวต่อไป

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็ดหงอย

คงเป็นเพราะฝีมือการเชลียร์นาย ซึ่งก็คือ นช.ทักษิณ ล้วนๆ จนทำให้การงานเจริญรุ่งเรืองได้ดิบได้ดี เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าจะว่าไปตามเนื้อผ้าแล้วตามตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ชื่อของเป็ดเหลิมยังเคยเป็นแคนดิเดต รมว.มหาดไทยเสียด้วยซ้ำ ถึงขนาดว่าฟิตจัด สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เตรียมเปิดสัมมนาในแผนจะเอานายใหญ่กลับบ้านด้วยซ้ำ แต่จนแล้วจนรอด เป็ด เหลิมก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะดูเหมือน ช่วงพักหลัง เป็ดเหลิมจะถูกใช้งาน กลายเป็นตัวช่วยรับภาระของน.ส.ยิ่งลักษณ์เสียมากกว่า อาทิ ที่นายกฯ จะมอบหมายให้มากำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ ซึ่งเป็ดเหลิมให้นิยามอย่างไม่อายปากว่า เพนตากอนเมืองไทย'

ยิ่งล่าสุด อย่างกรณี การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้มีการลงประชามติ เป็ดเหลิมก็ถูกกันออกมานอกวงทั้งๆ ที่จบดอกเตอร์ทางด้านกฎหมายแถมยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ประกาศว่าจะนำนายใหญ่กลับบ้าน วันนี้ เป็ดเหลิม คงจะทราบชะตากรรมตัวเองดีว่าอย่างดีก็ถูกนายใหญ่หลอกใช้ไปวันๆ อาการของเป็ดเหลิมในวันนี้จึงหงอยๆ ง่อยๆ และอ่อนเปลี้ยเสียขา ช็อตไปเสียเฉยๆ

บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ "ข้าวไทยไร้อนาคต"

ประวัติศาสตร์การผลิตและการค้าข้าวของประเทศไทย คงต้องจารึกชื่อ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ไว้ใน "หนังหมา" เพราะว่าเขาคนนี้ สร้างประวัติศาสตร์แห่งความอัปยศหน้าใหม่ให้แก่วงการข้าวไทย จากที่ประเทศไทยเคยครองแชมป์ส่งออกข้าวของโลกต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน กลับตีลังกากลับหัวแบบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า รัฐมนตรีพาณิชย์ จะไร้ฝีมือเสียจนทำให้ข้าวไทยไร้อนาคต เพราะโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาลกลายเป็นผู้ผูกขาดการรับจำนำหรือรับซื้อข้าวและส่งออกข้าว และเมื่อทำวงการปั่นป่วนเสียหายทั้งระบบจนถูกจับได้ไล่ทัน นายบุญทรง ก็เอาสีข้างเข้าถู แถและสร้างเรื่องโกหกสังคมไปเรื่อยว่าขายข้าวได้แน่ มีออเดอร์จีทูจี ทั้งที่ความจริงแล้ว หาใช่จี Government แต่เป็นเจี๊ยะทูเจี๊ยะของพวกพ้องที่ใกล้ชิดนายใหญ่ทั้งนั้น

ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หอยแดงตะแบงสื่อ

ทำเอาช็อกคนไปทั่งประเทศเลยก็แล้วกันกับการปรากฏตัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 85 พรรษา ซึ่งจัดขึ้นที่มา รร.เก๊าฟิชเชอร์แมนวอล์ก เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงหัวค่ำวันที่ 9 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา และถ่ายทอดสดมายังประเทศไทย ผ่านทาง ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์เพราะยิ่งหากไล่เบี้ยลงไปจำเลยของสังคมที่ปล่อยให้ นช.ทักษิณ ออกมาเหิมเกริมใช้ทีวีสื่อของรัฐ ก็คงจะหนีไม่พ้นเจ๊ติ๋ว ศันสนีย์ นาคพงศ์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ซึ่งก็ถือว่าเป็นจำเลยของสังคมในการปล่อยให้ นช.ทักษิณ เสนอหน้าผิดที่ผิดทางออกมาพูดจาเจื้อยแจ้วไร้สาระแถมในสถานะที่ นช.ทักษิณ เป็นนักโทษหนีคดีด้วยซ้ำ

เรื่องนี้แทนที่เจ๊ติ๋ว ซึ่งรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องไม่สมควร ยิ่งเมื่อฟังการให้สัมภาษณ์ออกสื่อก็ยิ่งแล้วใหญ่ โดยเธอบอกว่า ทักษิณ มีสิทธิ์ที่จะพูดถือเป็นสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไป รัฐธรรมนูญรองรับทุกคนอย่างเท่าเทียม แถมยังบอกด้วยว่า ทั้งนายวัฒนา อัศวเหม และกำนันเป๊าะ สมชาย คุณปลื้มที่หนีขณะนี้ก็มีสิทธิเหมือนนช. ทักษิณ ซึ่งประชาชนที่รู้ผิดชอบชั่วดีฟังแล้วแทบจะอยากเอามือก่ายหน้าผากไปตามๆกันเลยทีเดียวว่านี่น่ะหรือคนระดับรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เจ๊ด. "แดกจุงเบย"

แม้จะไม่มีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาล แต่ฉายาของ "เจ๊ด." บ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นคุณอย่างชัดเจนแทบไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเจ๊เธอ "แดกทุกอย่างที่ขวางหน้า" ทำมาหารับประทาน ทั้งล้วงทั้งควัก อย่างไม่อายฟ้าดิน ไม่ว่าจะเป็นหัวคิวสัมปทานงานประมูล โยกย้าย ฯลฯ ไม่ให้มีเล็ดลอดหลุดมือแม้แต่สตางค์แดงเดียว เรื่องไหนที่เจ๊ไม่ได้ดังใจก็จะลุยเข้าไปสั่งถึงทำเนียบรัฐบาล ทำตัวราวกับเป็นนายกรัฐมนตรี ตัวจริง เสียงจริง ไม่แพ้นักโทษชายที่ระเหเร่ร่อนในต่างแดนไม่ผิดเพี้ยน เมื่อถูกสังคมจับจ้องมากเข้าก็พาลูกเต้าโอดครวญว่า "อะไรๆ ก็กู" ร้องขอความเห็นใจ ทั้งที่ทุกอย่างเกิดจากกรรมคือการกระทำทั้งนั้น และกรรมทุกวันนี้ก็ติดจรวดเสียด้วยจึงเห็นกันทันตาในเวลาชั่วข้ามคืน

'โอ๊ค' พานทองแท้ ชินวัตร 'รด.ปากแดง'

บทบาทที่โดดเด่นของหนุ่มโอ๊คในปีนี้คือการโชว์เกรียนขณะปะทะคารมกับ 'อาโอ๋' พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งมีดีกรีระดับรมว.กลาโหม ว่าด้วยความรู้ที่ได้จากการเรียน รด.นั้นทำให้เขามั่นใจว่าการจับกุมอาวุธสงครามบริเวณชายแดนไทย-พม่านั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าจะมีการลอบสังหาร 'นช.ทักษิณ ชินวัตร' ในช่วงที่เดินทางไปเยือนสหภาพพม่าอย่างแน่นอน อีกทั้งยังตบบ้องหู 'บิ๊กโอ๋' เข้าให้อย่างถนัดถนี่ด้วยการเยาะเย้ยทีมข่าวกรองของกองทัพไร้ประสิทธิภาพ และห่างชั้นกับอดีต รด.อย่างเขาอยู่หลายขุม นอกจากนั้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหนุ่มโอ๊คยังได้ใช้ฝีปากสร้างผลงานและตัวตน โดยเฉพาะการออกเป็นปากเป็นเสียงแทนคนเสื้อแดง ทำให้เขาเป็นที่รักและศรัทธาคลั่งไคล้ของเหล่ามวลชนคนเสื้อแดงไม่ต่างจากที่ศรัทธา นช.ทักษิณผู้พ่อ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดรามาน้ำตาแมลงสาบ

กล่าวสำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คงต้องบอกว่า ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์แทบไม่ได้สร้างผลงานการตรวจสอบรัฐบาลให้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าใดนัก มิหนำซ้ำถ้าจะว่าไปแล้ว นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลกยังมีผลงานโดดเด่นเสียกว่าจากการออกมาเปิดเผยเครือข่าย “เสี่ยเปี๋ยง” ที่เข้ามาทำมาหากินในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตลอด 1 ปีของนายอภิสิทธิ์มีแต่การเล่นละครดรามาเพื่อเรียกน้ำตาและคะแนนสงสารจากแม่ยก-พ่อยกเท่านั้น ทั้งดรามาเรื่องการถูกถอดยศและดรามาเรื่องที่ถูกดีเอสไอเล่นงานอย่างหนักในคดีแดงเผาบ้านเผาเมือง โดยเฉพาะคดีแดงที่นายอภิสิทธิ์ตีบทแตกคว้ารางวัลออสการ์มาครองด้วยการระบายความในใจเรียกน้ำตาในเฟซบุ๊กว่า “ถึงจะถูกตัดสินประหารชีวิต ก็ต้องยอมรับ”

สุเทพ เทือกสุบรรณ จรกา พาซวย

แม้จะหลุดพ้นวงโคจรทางการเมืองไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่า “จรกาหน้าดำ” อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงก็ยังไม่พ้นบ่วงกรรมที่ก่อเอาไว้ ผลพวงจากการที่นายสุเทพเล่นละครปรองดองกับคนเสื้อแดง ทำให้วันนี้นายสุเทพต้องตกเป็นจำเลย มิหนำซ้ำยังพาหัวหน้าพรรคแมลงสาบติดร่างแหตามไปด้วยในคดีแดงเผาบ้านเผาเมืองที่ถูกรัฐบาลโดยความร่วมมือของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดหนัก ขณะเดียวกันยังลามไปถึงนายแทน เทือกสุบรรณ ผู้เป็นลูกในคดีเขาแพงอีกต่างหาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.menมา

คงไม่มีผู้บัญชาการทหารบกคนใดที่อารมณ์ปรวนแปรและเกรี้ยวกราดอย่างไร้ซึ่งเหตุผลเหมือนกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ.ทบ.คนปัจจุบันอีกแล้ว ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้ายคล้ายกับคนวัยทองอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งในยามที่สื่อมวลชนจี้ให้ตอบคำถาม คำถามใดที่ตอบไม่ได้ไปไม่เป็นก็เล่นบทโมโหโกรธาเข้าใส่ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ พญาราชสีห์ที่ในช่วงแรกทำท่าว่าจะเป็นความหวัง ของประเทศกลับมิได้มีอะไรในกอไผ่ เพราะทำได้เพียงแค่คำรามไปวันๆ จนหลายคนต้องขอร้องให้หยุดเพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพคอ โดยเฉพาะขบวนการล้มเจ้าที่พิสูจน์ชัดแล้วว่า ดีแต่คำรามจนคอแหบคอแห้ง ขณะที่การปกป้องลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาก็มิได้เป็นไปอย่างแข็งขัน จนป่านนี้คดี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรมและทหารที่บาดเจ็บ-เสียชีวิตจากฝีมือของกองกำลังติดอาวุธเสื้อแดงก็ยังไม่คืบหน้า แถมสุดท้ายยังปล่อยให้ลูกน้องต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเผชิญชะตากรรมอย่างหมดหวังอีกต่างหาก

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา

ด้วยผลงานการปราบปรามประชาชนสองมือเปล่าที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ในนามของกลุ่มพิทักษ์สยาม ในช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ด้วยการสั่งให้จ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกระหน่ำยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมลูกแล้วลูกเล่าทั้งๆที่ไม่มีสถานการณ์รุนแรงหรือเกิดการปะทะกันแต่อย่างใด ทำให้นายตำรวจใหญ่ผู้เป็นเจ้าของฉายา 'สุภาพบุรุษด้ามขวาน' จากความกล้าหาญในขณะปฏิบัติราชการอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้รับฉายาใหม่กลายเป็น 'สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา' ณ บัดดล

จ่าประสิทธิ์ ไชยศีรษะ นักล่าฝัน(เปียก)

โด่งดังเป็นพุแตกกับปรากฏการณ์กลางสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวด์ กรณีขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาทไม่โปร่งใส ซึ่ง จ.ส.ต.ประสิทธิ์ลุกขึ้นประท้วงว่า “ในสภาต้องนำความจริงมาพูด นำความฝันมาอภิปรายถอดถอนไม่ได้ ถ้าผมฝันว่าได้นอนกับคุณรังสิมาบ้างจะว่าอย่างไร”

เอาเป็นว่าคนบ้านเดียวกันอย่างแกนนำ “กลุ่มสุรินทร์ร่วมคิด”จำนวนประมาณ 50 คน ยังต้องลงทุนถือป้ายข้อความ “คนสุรินทร์ขอโทษ คนไทยทั้งประเทศที่หลงผิดเลือก ส.ส. หยาบถ่อยไร้จริยธรรม” เดินทางรวมตัวบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ เพื่ออ่านแถลงการณ์ประณาม พฤติกรรมของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ซึ่งคงไม่น่าแปลกใจหากติดตามพฤติกรรมของเขาที่แสดงต่อสาธารณะมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รับเก้าอี้ทั่นผู้ทรงเกียรติก็มีดีแต่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องในสภาฯ โดยจ่าประสิทธิ์ ถือเป็น ส.ส.หน้าใหม่ที่มีฉายามากที่สุดคนหนึ่งในรัฐสภาก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น จ่าเซาะกราวบ้าง จ่าแมลงวันบ้าง จ่านกเอี้ยงบ้าง หรือแม้แต่กระทั่ง “จ่าประสิทธิ์ จิตประสาท” ที่เป็นการผวนชื่อ ก็ยังถูกนำมาตั้งฉายาของเขา และคาดว่าอาจจะมีฉายาตามมาอีก สำหรับคนอยากดังโดยไม่สนวิธีในคนแบบของจ่าประสิทธิ์

รังสิมา รอดรัศมี ให้ท่าซาราเฮโย

เป็นข่าวโด่งดังในฐานะจำเลยกับวลีเด็ดกลางสภาผู้แทนราษฎร " ของจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กรณีขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาททำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยเฉพาะบรรดา ส.ส.หญิง ที่ให้ถอนคำพูด เพราะไม่สุภาพและหยาบคายต่อสตรีซึ่งถือเป็นเพศแม่ นอกจากนี้ยังให้ขอโทษ น.ส.รังสิมาด้วย นอกเหนือจากการถอนคำพูดอย่างเดียว ทั้งนี้ หลังที่ข่าวดังเผยแพร่ออกไป โซเซียลมีเดียรวมทั้งประชาชนจำนวนมากต่างวิจารณ์กันอย่างหนัก

แต่แล้วใครจะไปคาดคิดว่า หลังจากฟาดฝีปากดุเดือดเลือดพล่านกันกลางสภาฯ รวมไปถึงเกิดเรื่องราวใหญ่โตบานปลาย จะเกิดภาพอันหวานชื่น ที่ทั้งคู่ได้ไปออกรายการร่วมกันทางช่องเนชั่น แชลแนล โดยรายการดังกล่าว ปรากฏภาพของ น.ส.รังสิมากับจ่าประสิทธิ์ กำลังทำท่าซาราเฮโยร่วมกันราวกับว่าเป็นส.ส.พรรคเดียวกันก็ไม่ปาน ราวกับว่ามิเคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาสดๆร้อนๆในสภาผู้แทนเลยด้วยซ้ำ เรียกว่าทำเอา ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์เหนื่อยฟรีไปก็แล้วกัน เพราะสุดท้ายใครจะไปเชื่อว่าเธอจะบ้าจี้ ไปทำท่าซาราเฮโยกับคนแบบจ่าประสิทธิ์ได้ งานนี้ทำเอาคะแนนนิยมเธอร่วงกราวรูดไปเลยทีเดียว

ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยาพิษฆ่าแมลงสาบ

ยิ่งรักมาก ยิ่งเกลียดมาก น่าจะเป็นประโยคที่เหมาะสมที่สุดระหว่าง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กับหัวโจกพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เพราะครั้งหนึ่งนายธาริตเคยทำงานเป็นมือไม้สำคัญ ให้กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่ต้องร่วมหอลงโรงรับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เป็นคนเดียวกับที่ทำคดีก่อการร้าย เคยทำคดีจนลากเอาแกนนำเสื้อแดงทั้งแก๊งเข้าไปนอนเล่นในซังเตมาแล้ว แต่มาวันนี้ เวลานี้ นายธาริต ในฐานะของหัวหน้าพนักงานสอบสวนกรณีการตายของผู้ร่วมชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 จำนวน 91 ศพ ก็ทำหน้าที่ได้สมฐานะที่ว่ากันว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษตั้งขึ้นมาเพื่อรับใช้นักการเมือง แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะในในที่สุด นายธาริตก็ได้ให้คณะพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติให้ดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในคดีการตายของเจ้าหน้าที่และประชาชนช่วงเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 2553 ทำเอานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ แทบไปไม่เป็นเลยเช่นกัน

ยังไม่หมดแค่นั้น ดีเอสไอในยุคนี้ ยังเด้งรับสรุปสำนวนคดีฮั้วประมูลคุรุภัณฑ์อาชีวะในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ตามโครงการไทยเข้มแข็งวงเงิน5.3พันล้านบาทให้ป.ป.ช.ไต่สวน หลังคดีเกี่ยวพัน 2 รัฐมนตรี 2ข้าราชการ แถมด้วยสอบทุจริตระบายข้าวยุคประชาธิปัตย์เป็นใหญ่อีกด้วยซ้ำ เรียกว่าแทบทรวง ชนิดที่ทิงเจอร์ยังอายก็แล้วกัน

ฉายารัฐบาล "ยิ่งฟัค"

สำหรับฉายาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ต้องบอกว่าด้วยสไตล์การบริหารประเทศแบบไม่เป็นโล้เป็นพาย เละเทะ เลอะเทอะ คงไม่มีฉายาใดที่เหมาะสมกับคำว่า “รัฐบาลยิ่งฟัค” อีกแล้ว เพราะการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติล้วนแต่ไม่เอาอ่าว เช่น มหาอุทกภัยน้ำท่วมที่ว่า "เอาอยู่ เอาอยู่" สุดท้ายก็ทำเอาล่มจมกันถ้วนหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นถึงขั้นหายนะวิบัติติดอันดับโลกมากเสียยิ่งกว่าสึนามิถล่มญี่ปุ่นเสียอีก หรือโครงการประชานิยมจำนำข้าว ได้สร้างความฉิบหายวายป่วงให้กับประเทศชาติ ทำวงจรการผลิตและการค้าข้าวพังทั้งระบบจนไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าว หรือความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่หาคนรับผิดชอบไม่ได้จนคล้ายกับว่า ณ เวลานี้ ไทยเสียดินแดนปลายด้ามขวานไปแล้ว

ฉายารัฐบาลยิ่งฟัคจึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง


 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
   ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
   บุญทรง เตริยาภิรมย์
ศันสนีย์ นาคพงศ์
พานทองแท้ ชินวัตร
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
  สุเทพ เทือกสุบรรณ
 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
  พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
จ่าประสิทธิ์ ไชยศีรษะ
 ธาริต เพ็งดิษฐ์
กำลังโหลดความคิดเห็น