“ยิ่งลักษณ์” ไม่รู้เห็น “ทักษิณ” โผล่รายการมวยจ้อการเมือง อ้างเพิ่งทราบหลังรายการจบ กรมประชาฯ ยุ่งไม่ได้ โบ้ยเป็นเรื่องกีฬาไม่กระทบความมั่นคง สั่ง จนท.-รมต.สอบ ส่วนเรื่องแก้ รธน.รับคุยกับพี่ชาย สั่ง “ยุติธรรม-มหาดไทย” ศึกษาแนวทาง “ประชาเสวนา-ประชามติ” ก่อนตัดสินใจโหวตวาระ 3 ปัดเดินเรื่อง “ปรองดองแม้ว” คู่กัน
คลิกที่นี่ เสียง สัมภาษณ์ โดย "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) กรมประชาสัมพันธ์ หรือช่อง 11 เอ็นบีที ถ่ายทอดสดการแข่งขันศึกมวยไทยวอร์ริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวในฐานะเป็นประธานกล่าวเปิดการแข่งขันโดยมีการพูดเรื่องการเมืองว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของงานกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งการเมืองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ต้องให้ทางกรมประชาสัมพันธ์เข้าไปดูในเนื้อหาว่ามีอย่างไร และกระเทือนต่อหน่วยงานความมั่นคงอย่างไร
เมื่อถามว่าช่อง 11 เป็นสื่อของรัฐ จึงตกเป็นเป้าว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบ นายกฯ กล่าวว่า จากที่ตนได้ติดตามข่าวก็ยังไม่เห็นเนื้อหาส่วนของภาครัฐในเรื่องของความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องตามหลักเนื้อหาต่างๆ เป็นหน้าที่ของผู้จัดรายการและทางฝ่ายโปรแกรมที่จะดูแล เรื่องนี้เป็นเรื่องของหมวดกีฬาคงต้องให้เจ้าหน้าที่และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่มี ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของผู้จัด เมื่อถามว่านายกฯ รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่นายกฯ บอกว่าไม่ได้รู้เห็นด้วย นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนถามว่าประเด็นที่เป็นห่วงคือประเด็นไหนบ้าง เพราะจริงๆ แล้วเท่าที่ทราบเป็นเรื่องเนื้อหาของกีฬาและไม่ได้มีการทำให้กระทบ ซึ่งเรื่องการพูดจาอะไรต่างๆ ถือเป็นเรื่องกีฬา จริงๆ แล้วเราถือว่าอะไรที่เป็นสิ่งพอดีทุกๆ คนก็สามารถทำได้ ซึ่งต้องให้ฝ่ายรายการเป็นผู้พิจารณาเราคงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ทุกเรื่อง
“ขอเรียนว่าไม่ว่าเป็นใครถ้าทำในสิ่งที่เป็นเรื่องของกีฬา และเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศก็ทำได้ จริงๆ แล้วต้องถือว่าทุกคนทำได้” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้อนถามว่า เรื่องอะไรคะ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากรายการ นายกฯ กล่าวว่า เพิ่งทราบหลังจากที่รายการจบแล้ว ซึ่งตนเองไม่ได้ติดตาม
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาผลักดันให้โหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุที่ฮ่องกงว่าได้คุยกับนายกฯ ถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว ว่าท่านได้คุยในเชิงของข้อเสนอแนะมากกว่า เพราะทั้งหมดนี้กระบวนการทั้งหมดเราต้องมาตัดสินใจในส่วนของเนื้อหารายละเอียด เช่น เรื่องที่จะพิจารณา และอย่างที่เรียนเป็นเรื่องของรัฐสภาคงจะยืนในหลักการนี้ ในส่วนของฝ่ายบริหารก็ทำหน้าที่ดูแลความสงบ และวันนี้เราได้มีการพูดคุยกันและมีมติคณะรัฐมนตรี เนื่องจากว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลซึ่งเราได้นำเสนอหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาและภาคประชาชนได้นำเสนอต่อรัฐสภาไปแล้ว โดยได้ผ่านวาระ 1 และ 2 แต่ยังมีหลายท่านที่ยังมีความห่วงใยเรื่องการโหวตวาระ 3 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนของรัฐสภาที่จะพิจารณา
สำหรับรัฐบาลเราถือเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศมีทางออกและเรื่องการทำให้เกิดความสงบในประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งวันนี้เราได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยดูว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีความมั่นคงและอยู่รอดไปได้ด้วยความสงบ เราคิดว่าส่วนนี้น่าจะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากที่สุด แต่การมีส่วนร่วมนั้นต้องยึดหลักการมีส่วนร่วมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยและเป็นการมีส่วนร่วมที่ได้รับการยอมรับ ในที่ประชุมจึงได้มีมติคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทยไปหารือในแนวทางการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะมีวิธีไหน ซึ่งได้เสนอ 2 แนวทาง คือ การทำประชาเสวนา ซึ่งอยู่ในแผนที่รัฐบาลเสนอแล้ว แต่ตนเองอยากให้เห็นว่าเมื่อทำประชาเสวนาแล้วจะได้รับการยอมรับจากประชาชนหรือเปล่า ซึ่งมีอีกแนวทางหนึ่งคือการทำประชามติและการทำประชามติเป็นกระบวนการการมีส่วนร่วม และเป็นกระบวนการสร้างการยอมรับของประชาชนภายใต้ระบอบประชาธิปไตยจึงได้มอบหมายให้ไปศึกษาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำกลับมาเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า กำหนดกรอบเวลาการศึกษาไว้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่แต่ขอให้เร็วที่สุด เพราะเราอยากเสนอทางออกในเชิงการมีส่วนร่วมมากกว่า ส่วนกระบวนการรัฐสภาเป็นเรื่องของรัฐสภาเหมือนเดิม เมื่อถามว่าจะให้มีการทำประชามติก่อนที่จะให้สภาโหวตในวาระ 3 ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวยืนยันว่าใช่ เราอยากเห็นกระบวนการการมีส่วนร่วมซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะทำประชาเสวนา หรือประชามติ ซึ่งอะไรก็ได้รัฐบาลพร้อมเป็นกลไกในการสนับสนุน ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมและขอให้ได้รับการยอมรับภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เพราะเราอยากให้ประเทศมีความสงบและมีทางออก
เมื่อถามว่า ห่วงกระคัดค้านหรือไม่เพราะรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทีไรเหมือนเติมเชื้อไฟความขัดแย้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ห่วงกระแสความไม่เข้าใจกันมากกว่า ดังนั้นเราถึงอยากให้มีส่วนร่วมและประชาชนอยากเดินหน้าอย่างไรตัดสินใจอย่างไร เป็นสิ่งที่ประชาชนจะมาแสดงออกในการที่จะให้ความเห็น ไม่ว่าจะเป็นประชาเสวนาหรือประชามติก็ตามว่ากระบวนการไหนเป็นกระบวนการที่เหมาะสม และถ้าประชาชนมีส่วนร่วมเราก็จะยอมรับในส่วนนั้น เพื่อให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอาจะไม่ถูกใจอย่างที่คาด แต่สิ่งที่เราอยากได้คือเราอยากเห็นความสงบ บรรยากาศเดือนนี้เป็นความสุขของคนไทย เราอยากเห็นบรรยากาศนี้ต่อเนื่องต้องเรียนอย่างนั้น
เมื่อถามว่านายกฯ คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญถ้าสำเร็จประเทศจะสงบตามมาอย่างนั้นใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้คำตอบคำตอบนี้ วาระ 3 ยังค้างอยู่ แต่สิ่งที่เราต้องสร้างคือกระบวนการในการมีส่วนร่วม ถ้ากระบวนการมีส่วนร่วมประชาชนอยากเห็นอะไร เราก็ต้องรับแบบนั้น โดยที่ประชาชนแสดงความเห็นสิ่งที่จะชัดเจนมากที่สุดคือผ่านกระบวนการประชาเสวนา หรือการทำประชามติ ถ้าหลายท่านบอกว่าประชามติเป็นทางออก รัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกส่วนและตัดสินกันตรงนั้น ให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด เพราะทุกอย่างวันนี้เราทำงานอยู่บนกติกาด้วยกัน ซึ่งการมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างการยอมรับในสังคม
เมื่อถามว่าเชื่อว่าจะลดความขัดแย้งได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ เป็นส่วนที่จะลดความขัดแย้งและทำให้บรรยากาศของเราซึ่งเราประคองกันมาได้ดีแล้ว เราก็อยากเห็นบรรยากาศนี้ต่อไป และการสร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศก็จะได้รับการยอมรับ ถ้าเราผ่านกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย เมื่อถามว่า เรื่องการปรองดองจะเดินคู่กันไปเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เอาเรื่องเดียวก่อน
มีรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลจะสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนก่อนจากนั้นค่อยไปตัดสินใจโหวตวาระ 3