xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ แม้ว” LIVE IN NBT “หอยแดง” จัดเต็ม ขี้ข้าทักษิณเกลื่อนเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เหิมเกริมชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันเลยทีเดียวกับการปรากฏตัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 85 พรรษา ซึ่งจัดขึ้นที่มา รร.เก๊าฟิชเชอร์แมนวอล์ค เขตปกครองพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงหัวค่ำวันที่ 9 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา และถ่ายทอดสดมายังประเทศไทย ผ่านทาง ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์

แน่นอน ไม่มีใครลืมว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้สถานะปัจจุบันของเขา คือบุคคลที่กฎหมายสั่งให้จับตัว ศาลสั่งให้ติดคุก แต่รัฐบาลปล่อยให้ใช้เวลาตั้งนานสองนานออกรายการทางช่อง 11 ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ โดยภาษีของประชาชน นั้นหมายความว่ายิ่งกว่าเหยียบย่ำหัวใจคนไทย เพราะเป็นการทิ้งซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหยามหมิ่นไปถึงพระเจ้าแผ่นดินที่ถูกดึงมาเป็นกิจกรรมบังหน้าอีกเสียด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน รายการมวยดังกล่าวหลายคนจึงมองว่าเป็นการจัดฉาก ขึ้นมาบังหน้าหรือไม่ วิญญูชนผู้มีวิจารณญาณย่อมทราบดี ว่ามันถูกต้องเหมาะสมเพียงใดที่ปล่อยให้ นช.ทักษิณ ได้เสนอหน้าได้เคลียร์ตัวเองในประเด็นเดิมๆ ที่ชอบพร่ำบ่นถึงว่าโดนกลั่นแกล้ง โดนหาว่าไม่จงรักภักดี ทั้งหลายทั้งแหล่

และแน่นอนที่เห็นว่าน่าจะหนีความรับผิดชอบดังกล่าว เห็นจะหนีไม่พ้นคนในหน่วยงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่นเอง

**เจ๊ติ๋ว-ศันสนีย์จำเลยที่ 1

รายแรกที่จะต้องเอ่ยถึงจะเป็นใครเสียมิได้นอกจาก น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิที่จะพูด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไป รัฐธรรมนูญรองรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เดี๋ยวนี้การนั่งอยู่ในบ้านตัวเองก็สามารถเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้ แต่ที่เลวร้ายกว่าเพราะสามารถใส่ความคนอื่นได้โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือ สื่อของรัฐไปสัมภาษณ์ใครก็ได้หากทำตัวเป็นสื่อที่ดีวางตัวเป็นกลาง และปกติ พ.ต.ท.ทักษิณออกทุกช่องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้เป็นการไปปรากฏในระหว่างการถ่ายทอดสดเท่านั้น

ฟังการแถของ เจ๊ติ๋ว-น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลกรมประชาสัมพันธ์ แล้วยิ่งไปกันใหญ่ "ทักษิณมีสิทธิ์ที่จะพูด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไป รัฐธรรมนูญรองรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน" และยอมรับว่าหาก นายวัฒนา อัศวเหม หนีคดีทุจริตบ่อบำบัดคลองด่าน และ นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ นักโทษคดีสังหารนายประยูร สิทธิโชติ ก็พูดได้ ตราบใดสิ่งที่พูดไม่ได้ทำลายความมั่นคง แล้วไม่รู้หรือว่าการปล่อยให้ นักโทษหนีคุก ใช้สิทธิเสรีภาพยึดสื่อของรัฐแก้ตัว-โจมตีฝ่ายตรงข้าม เท่ากับปล่อยให้ โจรมีอำนาจเหนือรัฐ จะไม่กระทบความมั่นคงของชาติได้อย่างไร

แน่นอนก็เข้าใจตามหน้าที่ของเจ๊ติ๋ว ที่ต้องตากหน้าแก้ต่างให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์พ้นจากความผิดทางกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรมันฟังไม่ขึ้น และเป็นไปไม่ได้ เพราะความเป็นจริงก็คือ หากรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อเอ็นบีทีจะอ้างว่าไม่รู้เรื่อง แต่ผู้อำนวยการสถานีก็ต้องรู้ และไม่รู้ไม่ได้ เพราะหากไม่รู้จริงและได้เห็นการถ่ายทอดมีภาพของ นช.ทักษิณ โผล่ออกมาก็ต้องสั่งตัดภาพนั้นทิ้งไปกลางคัน ไม่ใช่ปล่อยให้พูดจาแก้ตัวไปจนจบ ซึ่งไม่ว่ามองในมุมไหนงานนี้เป็นรายการ สมคบคิด ปล่อยให้โจรได้ออกทีวีของรัฐเพื่อแก้ตัวให้ตัวเองเท่านั้น

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็แถในทำนองเดียวกันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องของงานกรมประชาสัมพันธ์ การเมืองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ต้องให้กรมประชาฯ เข้าไปดูในเนื้อหาว่ามีอย่างไร และกระเทือนต่อหน่วยงานความมั่นคงอย่างไร

“ขอเรียนว่าไม่ว่าเป็นใครถ้าทำในสิ่งที่เป็นเรื่องของกีฬา และเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศก็ทำได้ จริงๆ แล้วต้องถือว่าทุกคนทำได้” น.ส.ยิ่งลักษณ์แก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ

ต้องถามว่าจะเอาอะไรกับเธอ และเคยรู้เรื่องราวอะไรสักอย่างด้วยหรือไม่ เพราะเธอก็ถนัดเล่นบทตีกรรเชียง หนูไม่เคยรู้อะไรเลยสักเรื่องอยู่ร่ำไป อยู่วันยังค่ำ

พุธโธ่ เอ่ย ท่านนายกฯ ไม่เห็นหรือแกล้งมึนกันแน่ว่ามันไม่ใช่รายการเพื่อนักมวยหรือกีฬา นักมวย" แต่เป็นเรื่อง "นักโทษ" เป็นนักโทษที่ไม่เคารพการตัดสินของศาลภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ โดยหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และปลุกปั่นโจมตี ทำลายความน่าเชื่อถือของศาลอย่างหนักหน่วง และมีคำพูดที่อาจเข้าข่ายหมิ่นสถาบันอยู่บ่อยครั้ง นอกจากความอดสูรัฐบาลไม่ติดตามจับกุมแล้ว ยังจัดทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เอื้ออำนวยให้เขาใช้เป็นเครื่องมือหลบหนีได้อย่างสะดวก ครั้งนี้ ยังใช้สื่อของรัฐ ที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ให้นักโทษผู้นี้ ออกอากาศอย่างหน้าชื่นตาบาน แก้ตัวทางการเมือง ก่อนที่จะถวายพระพรพอเป็นพิธี

ส่วนบรรดาขี้ข้าทั้งหลายก็ดาหน้าออกมาแก้ตัวกันจ้าละหวั่น ทั้ง นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปร่วมงานดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นการจัดแข่งขันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงถือโอกาสนี้แสดงความจงรักภักดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พสกนิกรชาวไทยในต่างประเทศทำกันทั่วไป จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่จ้องจะโจมตี มองโลกอย่างสร้างสรรค์บ้าง อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมด ที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ใช้โอกาสพูดชี้แจงคลิปที่องค์การพิทักษ์สยามนำมาเปิดนั้น ความจริงแล้วท่านก็มีช่องทางสื่อสารได้หลากหลายอยู่แล้ว แต่เมื่อมีโอกาสตรงนี้ก็ใช้สิทธิ์ปกป้องตัวเอง เพราะสิ่งที่ถูกกล่าวหาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและรู้สึกเจ็บปวด จึงต้องขอความเป็นธรรมบ้าง

หรือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันก็ให้สัมภาษณ์ว่า การมาร่วมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะรู้คร่าวๆ ว่าตนเองจัดให้มีการชกมวยไทย แต่ก็ไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาหรือไม่ โดยได้มีการเตรียมแผนไว้ 2 ทาง คือ ทางแรกจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณเปิดงาน แต่ถ้าไม่มาตนเองก็จะทำหน้าที่ในการเปิดงานเอง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะเดินทางมา

**กรมกร๊วก จำเลยที่ 2

ยิ่งเมื่อตัดภาพกลับมาที่กรมประชาสัมพันธ์ หรือ กรมกร๊วก ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของช่อง 11 ก็ยิ่งเห็นความอัปยศหนักเข้าไปอีก โดยเฉพาะตัวอธิบดีที่ทำให้ช่องหอยม่วงกลายเป็นช่องหอยแดงเต็มความภาคภูมิ

เชื่อแน่หลายคนคงอยากรู้ว่า ใครคือผู้บริหารช่อง 11 ที่ปล่อยให้สถานีโทรทัศน์แห่งชาติสถานีนี้หาญกล้าถ่ายทอดสดถ้อยคำผายลมแก้ตัวความผิดของทักษิณ ชินวัตรได้อย่างไม่ละอายในความเป็นข้าราชการ ผู้เป็นข้าของแผ่นดิน

จำเลยของแผ่นดินคนแรกย่อมหนีไม่พ้นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่มีชื่อว่า “นายธีระพงษ์ โสดาศรี” เพราะเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของช่องหอยแดง

จำเลยแผ่นดินคนที่สองมีชื่อว่า “นางเตือนใจ สินธุวณิก” ในฐานะรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

จำเลยแผ่นดินคนที่สามมีชื่อว่า “นายประวิน พัฒนพงษ์” ในฐานะรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
จำเลยแผ่นดินคนที่สี่มีชื่อว่า “นางสาวอัมพวัน เจริญกุล” รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

และจำเลยแผ่นดินเจ้าเก่าที่มีความแนบแน่นกับระบอบทักษิณมาอย่างยาวนานจนได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี “นายธงทอง จันทรางศุ”

แต่คนที่ต้องถือว่า แบกหน้ามาออกรับแทนอย่างน่าเกลียดก็คือ นายธีระพงษ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เจ้าของฉายา “ธีระพงษ์หอยแดง” เพราะแก้ตัวแทนในทุกเม็ด

“ถือเป็นเรื่องปกติที่ทำกันอยู่ เหมือนการถ่ายทอดสดทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังไม่ถือว่าขัดต่อกฎระเบียบของทางช่องหรือข้อกฎหมายใดๆ เพราะไม่มีระบุไว้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ว่า ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นและสามารถสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ได้ และยังไม่ได้ถือว่าขัดต่อกฎระเบียบของ กสทช.อีกด้วย”

ธีระพงษ์หอยแดงตอบเหมือนกับไม่รู้ว่า ทักษิณ ชินวัตรคือนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน

นี่หรือคือข้าราชการที่กินภาษีประชาชน

ดังนั้น กรมกร๊วกในอดีตสมัยยุค 14 ตุลา 2516 เป็นเช่นไร วันนี้ กรมกร๊วกก็ยังคงเป็นกรมกร๊วกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

กล่าวถึงสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ช่อง 11 นั้น มีนางสาวอัมพวัน เจริญกุล รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานี ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เส้นทางการเดินเข้าสู่ตำแหน่งดังกล่าวมีผู้ใหญ่ ในพรรคเพื่อไทยส่งเสริมสนับสนุนอย่างใกล้ชิด ทั้งๆ ที่เพิ่งข้ามจากระดับ 9 ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีได้ไม่นาน

ทั้งนี้ ตามตารางรายการช่อง 11 (หอยม่วง) วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2550 เวลา 20.30 น. จะเป็นรายการสารคดี "สะพายกล้องทั่วไทย" แต่ก็นั้นแหละด้วยความบังเอิญแบบร้ายกาจของคนในรัฐบาล สั่งให้เกี่ยวสัญญาณถ่ายทอดสดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์ส เทิดไท้องค์ราชัน จาก ทีวี.ช่องแดง Asia Update เพื่อสนองตัณหา นช. ทักษิณ ที่จะได้แก้ตัวกับ คนไทยทั้งประเทศโดย พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยไทยฯ จ่ายค่าถ่ายทอดสดให้ช่อง 11 เป็นเงิน 5 แสนบาท

หอยม่วงจึงต้องกลายสภาพเป็นหอยแดงไปด้วยประการะฉะนี้

ณ บัดนี้ ช่อง 11 ที่มีคำขวัญว่า “โทรทัศน์แห่งประเทศไทย ทางเลือกใหม่ของปวงชน” คงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนคำขวัญเสียใหม่ว่า “โทรทัศน์แห่งรัฐไทยใหม่ ทางเลือกใหม่ของคนเสื้อแดง” แล้วกระมัง

**ลอกคราบ “กุลธน ” มือชงขั้นเทพ

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ดูแล้วก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับ นช.ทักษิณแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมถึงตัว พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันเองด้วย

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กุลธนปฏิเสธว่าไม่ได้เตรียมการให้ นช. ทักษิณ มาเป็นประธานเปิดงานแต่อย่างใด บังเอิญไปพบ นช. ทักษิณ ที่ฮ่องกง จึงต้องให้เกียรติเชิญเป็นประธานเปิดการแข่งขันฯ

ก็เป็นเรื่องแปลกที่นักโทษหนีคุก หนีคดี เป็นที่รังเกียจของสังคมบังเอิญมีเกียรติได้เหมือนกัน

ยิ่งพิจารณาด้วยความเป็นธรรมแล้วจะเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างได้รับการเตรียมการเพื่อทักษิณทั้งหมด อาทิบทกล่าวรายงาน บทพูดของทักษิณ การแทรกภาพประกอบ (อินเสิร์ช) การแต่งกายที่เน้นเนกไทแดงเพื่อการสอพลอพวก ล้วนยึดโยงและขึ้นตรงกับทักษิณแต่เพียงผู้เดียว

การเช่าเวลาของช่อง 11 เพื่อการถ่ายทอดสดครั้งนี้ หากมิใช่เพื่อทักษิณแล้ว ใครได้ประโยชน์อะไรบ้าง มีผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสดพอกับค่าใช้จ่ายไหม แล้วเทคโนโลยีของช่อง 11 ดำเนินการถ่ายทอดสดจากมาเก๊าได้ไหม คำตอบคือไม่ได้ ต้องไปเกาะเกี่ยวสัญญาณมาจากเอเชียอัพเดต ก็คงไม่ต้องไปถามว่าเอเชียอัพเดท มีไว้ทำประโยชน์อันใด ถ้าไม่ใช่กระบอกเสียงโดยตรงของนช.ทักษิณ

อย่างไรก็ดี หากพลิกปูมหลังของ พ.ต.ท.กุลธนแล้ว ก็หาใช่คนไกลที่ไหน แต่เป็นคนใกล้ที่สนิทชิดเชื้อกับ นช.ทักษิณเป็นอย่างดีตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรค พ.ต.ท.กุลธนได้ออกมาตั้งกลุ่มกรุงเทพฯ 50 ร่วมกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน เพื่อส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งส.ส. โดยมีตนเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม

สำหรับเหตุการณ์ถ่ายทอดสดเพื่อแก้ข้อครหาของ นช.ทักษิณครั้งนี้ ก็หาใช่เป็นครั้งแรกที่ พ.ต.ท.กุลธนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหากยังจำกันได้เมื่อช่วงต้นปี53 ในขณะที่สถานการณ์การเมืองกำลังเข้มข้น เจ้าตัวก็เป็นคนจัดเวทีเสวนาทิศทางประชาธิปไตยปี 53 โดยมีการเชิญให้ พ.ต.ท.ทักษิณวิดีโอลิงค์เข้ามาเปิดใจเกี่ยวกับกรณีคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทและได้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีทีวีคนเสื้อแดงอีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลพบว่าบริษัท เวย์ บียอน 55 จำกัด ที่ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ทำสัญญาเช่าเวลาออกอากาศทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 596/96 ถนนลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ปรากฏชื่อ นายกุลธน ประจวบเหมาะ นางประภัสรา กล้าตลุมบอน และนายสุชาติ ศรีวรางกูล เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นโดยนายกุลธน และ นางประภัสรา ถือหุ้นใหญ่ คนละ 4,000 หุ้น ส่วนนาย สุชาติ ถืออยู่ 2,000 หุ้น

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ ระบุว่า บริษัท เวย์ บียอน 55 จำกัด แจ้งประกอบธุรกิจ ส่งเสริมการขาย ออกบูธแสดงสินค้า และการตลาด, จัดกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ และยังรับจ้างทำป้ายโฆษณา สื่อโฆษณารวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานโฆษณา

สำหรับผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ จากการตรวจสอบผ่านทาง http://www.muaythaiwarriors.net พบว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันมวยไทย วอริเออร์ส มี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ เป็นประธานที่ปรึกษา นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธุ์ ที่ปรึกษา นายธนวัฒน์ วันสม ที่ปรึกษา นายนิคม รัตนวิชช์ ที่ปรึกษา นายสุชาติ ศรีวรางค์กูล ที่ปรึกษา พลเอก ทวีป จันทรโรจน์ รองประธาน พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองประธาน พล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล รองประธาน ส.ส.นภินทร ศรีสรรพงศ์ รองประธาน พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ รองประธาน นายสุนทร จารุมนต์รองประธาน และ พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ เป็นกรรมการและเลขาธิการจัดการแข่งขัน

เรียกว่า กางรายชื่อแต่ละคนแล้วรวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ ด้วยแล้ว คงไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจอย่างไร สำหรับการรู้เห็นเป็นใจของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ลงทุนลงแรง ให้นช.ทักษิณ ออกมาเสนอหน้าพูดจาเจื้อยแจ้ว ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดกับประชาชนทั่วไปเลยแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ

ทั้งนี้ สำหรับเรื่องดังกล่าว นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ต้องมีการเตรียมการและออกแบบกันมาล่วงหน้า เพราะดูจากคำกล่าวเปิดงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเขียนสคริปต์เตรียมการมาอ่านเพื่อตอบโต้ และชี้แจงข้อกล่าวหากรณีคลิปจาบจ้วงเบื้องสูง และไม่ใช่การเปิดงานปกติทั่วไป แต่ใช้งานนี้เพื่อปกป้องและเคลียร์ตัวเอง

"ขบวนการสมรู้ร่วมคิดครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ทำร้ายความรู้สึกคนไทยจำนวนมาก เพราะสถานี NBT เป็นทีวีของรัฐมาจากภาษีประชาชน แต่กลับกลายเป็นช่องทางให้ผู้ที่กำลังหนีคดี เป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายศาล ใช้เป็นเวทีฟอกผิดให้กับตัวเอง”

นายสุริยะใสกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งนายกรัฐมนตรี, น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ที่กำกับดูแลช่อง 11, นายธีระพงษ์ โสดาศรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ.สถานี NBT โดยในสัปดาห์นี้ กลุ่มกรีนจะเข้ายื่นกล่าวโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนเอาผิด

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวถ้าพิจารณาแล้ว ก็เห็นจะหนีไม่พ้นความจงใจให้เกิดเรื่อง ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่เหิมเกริมไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี และนับวันยิ่งได้เห็นธาตุแท้ ความพยายามที่จะหาทางลบล้างความผิดให้กับตัวเองและต้องการกลับมามีอำนาจ กลับมากอบโกยโดยไม่รู้จักพอของเขากำลังทำลายตัวเขาเองให้เสื่อมลงเรื่อยๆ

แน่นอนว่าสถานภาพปัจจุบันของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษหลบหนีคดี จากความผิดกรณีซื้อที่ดินรัชดาฯโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ โดยศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปี รวมทั้งหลบหนีหมายจับในคดีอาญา คดีทุจริตอีกหลายคดี พฤติกรรมและความผิดที่เป็นอยู่ทำให้มีสถานภาพไม่ต่างจากคนหลบหนีคดี นี่ต่างหากคือประเด็นสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จะปล่อยให้นักโทษหนีคดีผู้มีอันจะกิน มาใช้เงินทุบหัวรัฐบาลออกมาเสนอหน้ากันโครมคราม ถามว่ามันสมควรอย่างนั้นหรือ

การปรากฏตัวผ่านทางช่อง 11 ซึ่งทีวีของรัฐ และสถานะนักโทษของนช.ทักษิณ ที่มีการอุปโลกน์ให้เป็นประธานกล่าวเปิดงานชกมวยไทยวอริเออร์สมาจากเขตปกครองพิเศษมาเก๊า แม้จะพยายามอธิบายแบบปัดความรับผิดชอบ เป็นเรื่องของเอกชน คนโน้นคนนี้ แน่นอนมันฟังดูไม่ขึ้นในตัวของมันอยู่แล้ว

แต่เมื่อมีบุคคลในสถานะนักโทษใช้ช่องทางสื่อสารของรัฐโดยมิชอบ ฝ่ายผู้บริหารของทีวีช่องดังกล่าวต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไล่ลงไปตั้งแต่ ศันสนีย์ นาคพงษ์ ในฐานะ รมต.ประจำสำนักนายกฯที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ และอธิบดีกรมประชาฯผู้บริหารช่อง 11 จะปฏิเสธไม่ได้เป็นอันขาด จะแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะนี่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและยังถือว่าเป็นการย่ำยีกฎหมายอย่างหน้าด้านที่สุดอีกต่างหาก



กำลังโหลดความคิดเห็น