xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“นช.ทักษิณ” โผล่ช่อง 11 สัญญาณท้ารบ “อำมาตย์” ประกาศศักดา “รัฐไทยใหม่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถามว่า ระบอบทักษิณแห่งรัฐไทยใหม่ ทั้งตัว นช.ทักษิณ ชินวัตรเอง พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดผลอะไรตามมาจากการที่ตัดสินใจบัญชาการให้ “สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)” หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อของ “ช่อง 11” หรือคอการเมืองรู้จักในชื่อ “กรมกร๊วก” ถ่ายทอดสดคำแก้ตัวและประกาศ “ความจงรักภักดี” ระหว่างการถ่ายทอดสดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์สเทิดไท้องค์ราชัน ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมมาเก๊าฟิชเชอร์แมนวอล์ก เขตปกครองพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน

คำตอบก็คือ รู้ ยิ่งตัว นช.ทักษิณเองย่อมรู้ดีแก่ใจว่าจะตกเป็นเป้าการถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีในทางการเมืองอย่างหนัก

ดังนั้น ไม่ว่าทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะ “เจ๊ติ๋ว-ศันสนีย์ นาคพงศ์” ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับกรมประชาสัมพันธ์จะแก้ตัวว่าไม่รู้ไม่เห็นหรือปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่สิ่งสำคัญ หากแต่สิ่งที่จะต้องขบคิดตามมาก็คือ การตัดสินใจออกทีวีของ นช.ทักษิณมีวาระซ่อนเร้นหรือมีนัยทางการเมืองเช่นไร

แน่นอน การปรากฏตัวของ นช.ทักษิณและถ่ายทอดสดโดยช่อง 11 ย่อมต้องมี “การเตรียมวางแผนและเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า” มาเป็นอย่างดี เนื่องจากไม่ใช่อยู่ดีๆ ช่อง 11 จะทำการถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการใดรายการหนึ่งได้ เพราะต้องมีการติดต่อจองช่องสัญญาณดาวเทียมเอาไว้ล่วงหน้า

ยิ่งเมื่อปรากฏชื่อญาติผู้พี่อย่าง พล.อ.ชัยสิทธิ์เป็นประธานกลุ่มสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่า นช.ทักษิณเจตนาและต้องการให้ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลก

ยิ่งเมื่อเห็น “เทียนชัย” ที่อยู่ในมือ นช.ทักษิณด้วยแล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดว่า งานนี้ไม่ธรรมดา เพราะคาดว่าจะส่งตรงมาจากประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษ

นอกจากนั้น ใครที่ติดตามเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตและคนเดียวของ นช.ทักษิณก็จะเห็นสัญญาณถึงการเตรียมการในเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี กล่าวคือเมื่อเวลา 20.14 น. วันอาทิตย์ นายพานทองแท้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “พอดีลุงตุ้ย (พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร) มาจัดการแข่งขัน Muay Thai Warriors เทิดพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา ได้มีโอกาสเข้าดูมวยเป็นครั้งเเรกในชีวิต ก็ต้องขอถ่ายรูปกับท่านประธานจัดการแข่งขันไว้เป็นที่ระลึกหน่อยครับ ใครอยู่บ้านว่างๆ ก็เปิดทีวีช่อง 11 ดูถ่ายทอดสดได้เลยครับ คืนนี้ 2 ทุ่ม 45 ถึง 5 ทุ่มครับ”

เสี่ยโอ๊คโพสต์ก่อนหน้าการกล่าวเปิดงานของ นช.ทักษิณเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

อีกทั้งการที่นายพานทองแท้เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสได้เข้าไปดูการชกมวยไฟต์ดังกล่าวถึงที่มาเก๊า ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า นายพานทองแท้รู้ว่าการชกมวยไฟต์นี้มีความพิเศษอย่างไร ไม่เช่นนั้นคงได้เชิญชวนให้รับชมการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 อย่างแน่นอน

คำถามก็คือ ทำไม นช.ทักษิณถึงเลือกที่จะใช้เวทีการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์สเพื่อการณ์นี้

เรื่องนี้ย่อมมีที่มาที่ไป

ทั้งนี้ ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า ข้อหาอันฉกาจฉกรรจ์ที่นช.ทักษิณเผชิญมาโดยตลอดและไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไรก็ไม่เป็นผลก็คือ ความไม่จงรักภักดี

24 พฤศจิกายน 2555

ภาคประชาชนโดยการนำของ “เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” จัดชุมนุมใหญ่ที่ลานพระราชวังดุสิต โดยหนึ่งในข้อกล่าวหาอันเป็นของการชุมนุมก็คือเรื่องความไม่จงรักภักดี พร้อมนำคลิปเสียงที่ นช.ทักษิณพูดไว้มาแสดง ซึ่งเสธ.อ้ายยืนยันชัดเจนว่า คลิปเสียงที่นำมาเปิดนั้นมีการตัดต่อจริง แต่เป็นการตัดต่อเอาเสียงที่คนไทยไม่สามารถรับได้ออกไป

นั่นคือคำตอกย้ำเรื่องความไม่จงรักภักดีที่ส่งผลสั่นสะเทือนต่อ นช.ทักษิณไม่น้อย

แต่สุดท้ายแล้วม็อบเสธ.อ้ายก็ถึงจุดจบลงอย่างดื้อๆ ท่ามกลางข้อกังขาสารพัดสารพันที่สาดเข้าใส่ ขณะที่ระบอบทักษิณดีใจจนเนื้อเต้นเพราะกระหยิ่มยิ้มย่องว่าสามารถกำราบศัตรูทางการเมืองเอาไว้ได้อยู่หมัด จากนั้นก็เร่งเกมใหญ่ด้วยการสั่งให้บรรดา “ขี้ข้าทักษิณ” หยิบยกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายเพื่อฟอกความผิดให้กับตนเองขึ้นมาสานต่อ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า จะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงได้

ทว่า ถัดมาอีกไม่กี่วันก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่บาดลึกและเสียดแทงเข้าสู่ขั้วหัวใจอย่างไม่คาดคิด เมื่อเกิดปรากฏการณ์ “เหลืองทั้งแผ่นดิน” ประชาชนชาวไทยพร้อมใจกันสวมใสเสื้อสีเหลืองกันทั้งประเทศ

บัลลังก์ของประมุขรัฐไทยใหม่ที่เคยอ่อนนุ่มก็กลับกลายเป็นแข็งกระด้าง ชนิดที่ไม่อาจทนนั่งต่อไปได้ เพราะเพิ่งตระหนักรู้ว่า ไม่ว่าจะเสียเงินเสียทองมากมายมหาศาลสักเพียงใดก็ไม่สามารถยึดอำนาจการปกครองประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เผลอๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 5 พรรคขี้ข้าประกาศสัตยาบันเดินหน้าจะพลอยล้มลงกลางกระดานเสียด้วยซ้ำ

....และนั่นจึงเป็นที่มาของการตัดสินใจโผล่หน้าทางช่อง 11 เวลาสองทุ่มครึ่งของวันที่ 9 ธันวาคม 2555

“เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ทางโทรทัศน์อยู่ที่ยุโรป ทำให้นึกย้อนไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2549 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชรเนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ห่างกัน 6 ปี ภาพไม่ต่างกันเลย พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยอย่างแท้จริง

“แม้ว่าผมต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการรัฐประหาร และคณะปฏิวัติก็ได้ตั้งกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผมมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและไต่สวนดำเนินคดีจนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษ ซึ่งผมและผู้คนอีกจำนวนมากไม่ยอมรับในกระบวนการอันไม่ยุติธรรมของ คตส. ทำให้ผมจำต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่แดนไกล แต่ผมก็ไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองเกิดมาเป็นคนไทย ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เสื่อมคลาย ข้อกล่าวหาที่ว่าไม่จงรักภักดี ล้วนแต่ไม่มีมูลความจริงเลย ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นเครื่องมือเอาชนะทางการเมืองเท่านั้น ล่าสุดในม็อบเสธ.อ้าย มีการเอาคลิปเสียงผมมาเปิด ก็เป็นคลิปตัดต่อแบบง่ายๆ มีเสียงสะดุด ชัดเจนว่าเป็นคลิปตัดต่อ ซึ่งขอยืนยันว่าการกล่าวหาเรื่องไม่จงรักภักดีนั้นไม่เป็นความจริง และเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา อยากให้ร่วมกันทำดีถวายในหลวง บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ทะเลาะแบ่งฝ่าย ต่างคนต่างทำหน้าที่ตนเองในกรอบของกฎหมาย และขนบธรรมเนียมไทย”

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้จุดเทียนชันถวายพระพร ร้องเพลงสดุดีมหาราชา และให้คนในงานร่วมกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญ 3 ครั้ง

เรียกว่า มีการเขียนสคริปต์เตรียมการมาอ่านเพื่อตอบโต้และชี้แจงข้อกล่าวหากรณีคลิปจาบจ้วงเบื้องสูงเอาไว้พร้อมสรรพ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนอย่างที่ “พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ” เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขัน อีกหนึ่งขี้ข้าทักษิณแก้ตัวแทนเอาไว้

นี่คือสัญญาณทางการเมืองที่ นช.ทักษิณปล่อยออกมา

เพราะนี่คือการประกาศอำนาจและบารมีของ นช.ทักษิณ

แน่นอน นั่นย่อมไม่ใช่สัญญาณที่ นช.ทักษิณต้องการส่งถึงปวงชนชาวไทย หากแต่เป็นสัญญาณที่ตั้งใจให้ไปถึง “อำมาตย์”

เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้นมีเพียงประการเดียวคือ...

นช.ทักษิณรับรู้แล้วว่า เขายังไม่สามารถได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังนั้น จึงต้องการส่งสัญญาณการประนีประนอม “ครั้งสุดท้าย” ถึงอำมาตย์ด้วยการประกาศความจงรักภักดีผ่านการถ่ายทอดสด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า คนเสื้อแดงซึ่งเป็นพลเมืองแห่งรัฐไทยใหม่ใต้การปกครองของเขาจะไม่พอใจ แต่ก็เชื่อว่าแกนนำระดับขี้ข้าเช่นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อและนายจตุพร พรหมพันธุ์จะสามารถล้างสมองคนเสื้อแดงได้

แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณครั้งสุดท้ายที่ถูกส่งออกมาด้วยความเหิมเกริมอยู่ในทีด้วยเช่นกัน เพราะการให้ช่อง 11 ถ่ายทอดสดคำแก้ตัวย่อมมิอาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ว่า ณ บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศไทยตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาแล้ว แม้แต่การสั่งให้ช่อง 11 ซึ่งเป็นสื่อของรัฐที่ใช้เงินภาษีอากรของคนทั้งประเทศดำเนินการถ่ายทอดสดก็ยังสามารถทำได้

เรียกว่า ท้าทายและย่ำยีกฎหมายของประเทศสุดๆ เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็น นักโทษหนีคดีแผ่นดินยังสามารถใช้สถานีโทรทัศน์ของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ ประสาอะไรกับการเปิดเกมรุกถล่ม “อำมาตย์” ให้พินาศย่อยยับ

ประกาศบุญญาบารมีกันซึ่งๆ หน้าโดยที่ไม่ต้องอ้อมค้อมกันอีกต่อไป เพราะเขาเชื่อว่าพลังของคนเสื้อแดงมีมากกว่าคนเสื้อเหลือง

นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่า การใช้ช่อง 11 ถ่ายทอดสดเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมก่อนหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลขี้ข้าทักษิณจะประกาศเจตนารมณ์ร่วมแก้รัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ธันวาคมเพียงแค่ 1 วัน ดังนั้น จึงเป็นการส่งสัญญาณให้เดินหน้าเร่งแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดให้ตนเองในฉับพลันทันที ด้วยการแสดงให้เห็นว่าอำนาจและบารมีของเขานั้น ยิ่งใหญ่ถึงขนาดสั่งให้โทรทัศน์แห่งชาติถ่ายทอดสดได้

งานนี้ จึงขึ้นอยู่กับว่า “อำมาตย์” จะยอมหรือไม่ยอม

ถ้ายอม มีเงื่อนไขอะไรบ้าง

ถ้าไม่ยอม จะเกิดอะไรขึ้น

และสุดท้ายแล้ว เป้าหมายของ นช.ทักษิณที่ต้องการกลับบ้านอย่างเท่ๆ จะบรรลุผลในยุคที่น้องสาวของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น