xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

บร๊ะเจ้า…. อำมาตย์แดงรวยหุ้นอู้ฟู่ “เอม-อิ๊ง-ชินวัตร-เทพกาญจนา-อยู่บำรุง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิณทองทา แพทองธาร ชินวัตร 2 เศรษฐีหุ้นอันดับที่ 47 และ 53 ของไทยประจำปี 2553
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้ครอบครัวชินวัตรภายใต้การนำของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” จะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทจากความผิดในคดีทุจริตโกงบ้านกินเมือง แต่ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเพียงเศษเงินก้อนเล็กๆ ของ นช.ทักษิณเท่านั้น เพราะโดยข้อเท็จจริงครอบครัวชินวัตร ยังคงมั่งมีทรัพย์สินเงินทองอย่างไม่อาจประมาณค่าได้

ดังจะเห็นได้จาก ข้อมูลล่าสุดที่วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2555 ซึ่งเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะ “เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์” และ “อุ๊งอิ๋ง-แพทองธาร ชินวัตร” 2 ลูกสาวที่ยิ่งรวยเอารวยเอาจนขยับขึ้นเป็นเศรษฐีหุ้นไทยลำดับที่ 53 และ 47 ตามลำดับ

เฉกเช่นเดียวกับ ขี้ข้าทักษิณ อย่ง“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่สองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขยับเข้าทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2555 รวมถึง “พงศ์เทพ เทพกาญจนา” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ภรรยาและลูกสาวก็รวยหุ้นอู้ฟู่ไม่เบา

กล่าวสำหรับภาพรวมของเศรษฐีหุ้นไทยในปี 2555 ซึ่งวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2555 จำนวน 5,737 รายพบ มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 1,051,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 385,753 ล้านบาท หรือ 51.91% เท่ากับรวยขึ้นเฉลี่ยวันละ 1,056.86 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสำรวจรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 3 ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 พบว่า มีเครือญาติของ ครม.ชุดนี้ติดอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2555 หลายราย

เริ่มจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี 2 หลานสาว ทายาทของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณผู้เป็นพี่ชาย ติดอันดับเศรษฐีหุ้นในปีนี้ โดยเที่ยวนี้ แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 47 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท (SC) 29.22% มูลค่า 3,459.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,364.49 ล้านบาท หรือ 65.14%

ขณะที่ศรีภรรยาของณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เอม พินทองทา ชินวัตร ก้าวเข้าสู่ทำเนียบเศรษฐีหุ้นอันดับ 53 ถือหุ้น SC 28.28% มูลค่า 3,347.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,320.47 ล้านบาท หรือ 65.14% ซึ่งทั้งคู่รวยขึ้นจากราคาหุ้น SC ที่เพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือ 65.14% โดยปรับขึ้นจาก 10.90 บาทเมื่อปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 18 บาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2555

ผลพวงดังกล่าวทำให้ตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นเป็น “ตระกูลเศรษฐีหุ้น” จากอันดับ 30 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 27 ในปีนี้ โดยหลานสาวทั้งสองของนายกรัฐมนตรีถือหุ้น รวมมูลค่า 6,806.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,684.96 ล้านบาท หรือ 65.14%

ส่วน คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตพี่สะใภ้ ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 502 ตกจากอันดับ 467 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้น SC 2.81% มูลค่า 333.11 ล้านบาท รวยขึ้น 111.50 ล้านบาท หรือ 50.31%

กระนั้นก็ดี ไม่เพียงแต่เครือชายทักษิณเท่านั้น หากแต่บรรดาลิ่วล้อคนรับใช้ก็ล้วนแล้วแต่อู้ฟู่ขึ้นแท่นเศรษฐีหุ้นประเทศไทยไม่ต่างกัน

เริ่มจาก พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ มีเครือญาติติดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ 2 ราย ได้แก่ ลูกสาว ญาภา เทพกาญจนา เศรษฐีหุ้นอันดับ 244 ถือหุ้น บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) 2.08% มูลค่า 795.50 ล้านบาท และภรรยา พนิดา เทพกาญจนา เศรษฐีหุ้นอันดับ 264 ถือหุ้น KK 1.90% มูลค่า 728.08 ล้านบาท

ส่วนผู้ที่ยอมรับอย่างหน้าชื่อตาบานว่าเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็มี 2 ทายาทหนุ่ม ได้แก่ อาจหาญ อยู่บำรุง ติดอันดับ 1,811 ถือหุ้น บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) 2.64% มูลค่า 58.28 ล้านบาท และ ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ติดอันดับ 2,213 ถือหุ้น UEC 1.75% มูลค่า 38.60 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ในการจัดอันดับประเภท “บุคคล” แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2555 อันดับหนึ่งตกเป็นของ “นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS) ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2553 ต่อเนื่องมาก ด้วยการถือครองหุ้นมูลค่ารวม 23,497.78 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 58.61% มูลค่า 23,307.57 ล้านบาท หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH) 1.09% มูลค่า 182.72 ล้านบาท และหุ้น บมจ.ซีพโก้(SEAFCO) ในสัดส่วน 0.65% มูลค่า 7.50 ล้านบาท

อันดับสอง ได้แก่ “นายคีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) โดยถือหุ้น BTS ในสัดส่วน 43.57% มูลค่า 23,304.32 ล้านบาท และหุ้น บมจ.บางกอกแลนด์(BLAND) 0.68% มูลค่า 151.75 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นถือครองทั้งสิ้น 23,456.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,713.24 ล้านบาท หรือ 84.07% ซึ่งน้อยกว่าแชมป์คือนายทองมาเพียง 41.71 ล้านบาทเท่านั้น

ด้านอดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน “นายอนันต์ อัศวโภคิน” ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หล่นจากเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2 มาอยู่ในอันดับ 3 โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 21,687.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,197.13 ล้านบาทหรือ 40.01% ประกอบด้วย หุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% มูลค่า 21,682.02 ล้านบาท และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.36% มูลค่า 5.94 ล้านบาท

ขณะที่เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 4-6 ในปีนี้ ยังตกเป็นของ 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) แต่มีการสลับตำแหน่งกันเล็กน้อย โดยอันดับ 4 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 5 ในปี 2554 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 21,123.49 ล้านบาท รวยขึ้น 11,253.23 ล้านบาท หรือ 114.01% นายวิชัย ทองแตง หล่นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว มาเป็นอันดับ 5 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 16,791.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,987.30 ล้านบาท หรือ 42.25% อันดับ 6 ยังเป็นของ สาธิต วิทยากร โดยถือครองหุ้น BGH สูงเป็นอันดับ 3 ในสัดส่วน 7.94% รวมมูลค่า 13,188.18 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้น 3,704.56 ล้านบาท หรือ 39.06%

อันดับ 7 นายนิติ โอสถานุเคราะห์ มูลค่าหุ้นรวม 12,330.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 4,761.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.9%

อันดับ 8 ประชุม มาลีนนท์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 9,861.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,105.37 ล้านบาทหรือคิดเป็น 107%

อันดับ 9 นิภา มาลีนนท์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,759.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,071.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น 108%

และอันดับ 10 ประวิทย์ มาลีนนท์ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,759.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,071.11 ล้านบาท หรือคิดเป็น 108%

สำหรับแชมป์ประเภท “ตระกูล” เศรษฐีหุ้นไทยปี 2555 อันดับหนึ่ง ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ซึ่งเป็นการครองแชมป์ที่ต่อเนื่อง และยาวนานที่สุด โดยยึดตำแหน่งตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 14 แล้ว โดยเฉพาะในปีนี้ที่ราคาหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) ปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 108.16% ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งของตระกูลมาลีนนท์พุ่งขึ้นไปแตะ 70,262.43 ล้านบาท โดยมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 36,456.96 ล้านบาท หรือ 107.84%

ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ปีนี้ขึ้นจากอันดับ 3 มาอยู่ในอันดับ 2 โดยเครือญาติในตระกูลถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 40,865.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,524.93 ล้านบาท หรือ 91.49%

ด้านตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ตกลงมาจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว โดย ทองมา และภรรยา ทิพย์สุดา รวมทั้งทายาท มาลินี-ชัญญา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ถือครองหุ้น บมจ.พฤกษา (PS) รวมมูลค่า 28,087.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,920.94 ล้านบาท หรือ 26.71%

ขณะที่ตระกูลอัศวโภคิน ยังคงอยู่ในอันดับ 4 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดย 7 เครือญาติ อนันต์ อนุพงษ์ ทรงพล บุญทรง สุดา สุภัทรา และอภิชิต ถือครองหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) และ บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ (AP) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 28,032.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,464.94 ล้านบาท หรือ 50.98%

สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ในปีนี้ ได้แก่ ตระกูลกาญจนพาสน์ โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว จากหุ้น BTS และ BLAND ที่ 5 ทายาทถือครองมีมูลค่ารวม 27,529.01 ล้านบาท รวยขึ้น 13,610.71 ล้านบาท หรือ 97.79%

ทั้งนี้ ถ้าหากวิเคราะห์สายสัมพันธ์ 5 เศรษฐีหุ้นไทยแล้ว ก็จะพบความจริงประการหนึ่งว่า มีถึง 2 ตระกูลที่ใกล้ชิดแนบแน่นแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับระบอบทักษิณ นั่นคือตระกูลมาลีนนท์ เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 1 ที่มีมูลค่าหุ้นสูงสุดถึง 70,262.43 ล้านบาท และตระกูลอัศวโภคิน

กล่าวสำหรับเอม-และอุ๊งอิ๊งนั้น ความร่ำรวยของตัวเธอที่ปรากฏนั้น เป็นเพียงแค่มูลค่าหุ้นที่รายงานในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว 2 สาวยังมีกิจการส่วนตัวที่ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อีกพะเรอเกวียน เท่าที่เปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างน้อยก็ 2 บริษัทคือร้านทำเล็บระดับเฟิร์สคลาส “The Sisters Nails & More” ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของสยามพารากอนและ “เรนด์ ดีเวลอปเม้นท์” บริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยโครงการของเรนด์ที่สองสาวประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ ธุรกิจโรงแรม 2 แห่งที่ตั้งบนเขาใหญ่ และกลางเมืองที่ถนนเพลินจิต

ส่วนมาลีนนท์ ล่าสุดก็มีข่าว “ประชา มาลีนนท์” กำลังจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด(มหาชน) หรือ N-PARK หลังจากที่ทาง N-PARKเพิ่มทุนโดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 60,430,920,000 หุ้น และสุดท้ายที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขายหุ้นให้แก่นายประชา มาลีนนท์จำนวน 29,500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 24.50%ของทุนจดทะเบียนที่จะเรียกชำระ ซึ่งนั่นหมายความว่า นายประชาจะเข้ามาถือหุ้นใน N-PARK ในสัดส่วนที่มากที่สุดหรือกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไปโดยปริยาย

นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้กลุ่มมาลีนนท์ โดยบุตรชายของ “นายประวิทย์ มาลีนนท์” ก็ได้ร่วมกับเพื่อนๆ จัดตั้ง “บริษัท บลิส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” ขึ้นมา และได้เข้าซื้อโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รวมทั้งได้ซื้อโครงการปาลิโอที่ติดกับจุลดิศไปก่อนหน้านี้

เรียกว่าทั้งทายาทชินวัตรและมาลีนนท์ เวลานี้ต่างให้ความสนใจลงทุนทางธุรกิจในไลน์เดียวกันและสถานที่ใกล้เคียงกัน

ถึงตรงนี้ .....บรรดาไพร่เสื้อแดงดูและจำใส่กะลาหัวไว้ว่า ผลการต่อสู้ที่เอาเลือดเอาเนื้อและชีวิตเข้าแลกนั้น บุคคลที่เสวยสุขในบั้นท้ายก็มีแต่ “อำมาตย์เสื้อแดง” เท่านั้น


ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 1
คีรี กาญจนพาสน์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 2
ดวง อยู่บำรุง 1 ใน 2 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงก็ติดอันดับกับเขาด้วย
อนันต์ อัศวโภคิน แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 3
พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ที่ปีนี้มีเครือญาติติดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ 2 ราย ได้แก่ ลูกสาว ญาภา เทพกาญจนา และภรรยา พนิดา เทพกาญจนา
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 4
วิชัย ทองแตง แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยอันดับ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น