xs
xsm
sm
md
lg

“เอสซี-แสนสิริ” โชว์ยอดขาย 9 เดือนกว่า 3.5 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุษบา ดามาพงศ์
“เอสซี” ระบุยอดขาย 9 เดือนแรก 8,620 ล้านบาท กำไรสุทธิ 511 ล้านบาท ด้าน “แสนสิริฯ” 9 เดือนรายได้รวมพุ่งเป็น 16,013 ล้านบาท พุ่งกว่า 24% กำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท ส่งสัญญาณราคาหุ้น! เตรียมส่งมอบคอนโดฯ สร้างเสร็จอีก 12 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4 ขณะที่ยอด Presale Backlog ครองยอดรอรับรู้รายได้ที่ 42,000 ล้านบาท

นางบุษบา ดามาพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC (ธุรกิจอสังหาฯ ในตระกูลชินวัตร) กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาส 3 ว่า บริษัทฯ มียอดขาย 4,172 ล้านบาท มีรายได้รวมจำนวน 1,709 ล้านบาท (ลดลง 16.86%) โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,704 ล้านบาท รายได้หลักมาจากโครงการที่อยู่อาศัย 1,502 ล้านบาท และอาคารสำนักงานให้เช่า 202 ล้านบาท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 158 ล้านบาท (เทียบกำไรสุทธิ 295 ล้านบาท หรือลดลง 46.44% ) และเมื่อเทียบผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี พบว่า บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวม 8,620 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 4,490 ล้านบาท (ลดลง 22.74%) รายได้จากการดำเนินงาน 4,448 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 511 ล้านบาท (ลดลง 46.16%) ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม และหนี้สินรวม จำนวน 21,647 ล้านบาท และ 12,169 ล้านบาท ตามลำดับ ราคาตามบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 14.40 บาท

“รายได้จากการขายลดลง อันเป็นผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2554 ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งได้ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเนื่องจากรอประเมินสถานการณ์ในปีนี้ ผู้บริโภคอีกส่วนได้ตัดสินใจเลือกซื้อโครงการคอนโดมิเนียม ทำให้บริษัทมียอดจองโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2554 โดยโครงการเหล่านี้จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2556-2558” นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซีฯ กล่าวในการชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
 

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสซีฯ ระบุว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายได้ถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้ายอดขายทั้งปี 55 และสูงกว่ายอดขายรวมปี 54 ดังนั้น มั่นใจว่าจากโครงการปัจจุบันที่มีอยู่ และการเปิด 5 โครงการใหม่ จะทำให้รายได้ในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย

ส่วนในปี 56 มีแผนจะเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท เน้นโครงการประเภทแนวราบ พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินใหม่ราว 3,000-4,000 ล้านบาท บริษัทยังวางเป้าหมายที่จะมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 56-58) เฉลี่ยปีละ 10% โดยขณะนี้มียอดขายรอโอน (backlog) ในมือแล้ว 7,000-8,000 ล้านบาท

แสนสิริฯ 9 เดือนกำไร 1,200 ล้าน

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า 9 เดือนของปี 55 สามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมได้กว่า 26,349 ล้านบาท มียอดรายได้รวมกว่า 16,013 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน หรือ 9 เดือนของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกำไรสุทธิ 951 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 12,886 ล้านบาท และยอดขาย 17,670 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานเฉพาะช่วงไตรมาส 3/2555 บริษัทมียอดขายรวม 8,112 ล้านบาท รายได้รวม 5,280 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 409 ล้านบาท รวมทั้งปัจจุบัน (1 ม.ค.-15 พ.ย.55) บริษัทสร้างยอดขายรวมได้แล้วกว่า 31,011 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2555 ซึ่งตั้งไว้ล่าสุดที่ 40,000 ล้านบาท

“ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของแสนสิรินั้น นอกเหนือจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าจนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้า และความสามารถในการสร้างยอดขายที่สูงในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว การสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน รวมถึงการส่งมอบที่พักอาศัยให้แก่ลูกค้าตามกำหนดเวลาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริมีพันธกิจที่สำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าตามสัญญาเป็นมูลค่าเกือบ 27,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้นๆของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันบริษัทสามารถสร้างรายได้จากการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้าแล้วประมาณ 16,781 ล้านบาทรวมทั้งในไตรมาสสุดท้าย บริษัทยังมีพันธกิจในการโอนส่งมอบคอนโดมิเนียมอีกประมาณ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,302 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมั่นใจกับเป้าหมายการโอน และรับรู้รายได้ในปีนี้ว่าจะสามารถทำได้ถึง 27,000 ล้านบาทตามที่ได้ตั้งไว้อย่างแน่นอน” นายเศรษฐากล่าว

สำหรับทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ ยังนับเป็นฤดูกาลขายที่ดี จากการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่ได้เลือกหาโครงการต่างๆ มาตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับมาตรการภาษีบ้านหลังแรก ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2555 นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่ดียิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ผลจากการสร้างแบรนด์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมา ยังส่งให้ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของแสนสิริสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงสิ้นสุดปี ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทยังคงครองยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอรับรู้รายได้ (Presale backlog) ในอีก 3 ปีข้างหน้าสูงถึงประมาณ 42,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งนับเป็นยอดขายล่วงหน้าที่สูงที่สุดในระบบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในขณะนี้ รวมทั้งยังนับเป็นยอดรอรับรู้รายได้ที่สูงที่สุดที่บริษัทเคยทำได้ตั้งแต่ดำเนินธุรกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น