xs
xsm
sm
md
lg

“แป้ง – อรจิรา” นางสิงห์เสื้อแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นางสิงห์” เสื้อแดง แรงฤทธิ์ - “รักเพื่อน ไม่ได้แบ่งแยก จบ...”
“เป็นเพื่อนกันค่ะ รักเพื่อน ไม่ได้แบ่งแยก จบ...” เป็นคำอธิบายของ “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” เกี่ยวกับกรณีที่เธอโพสต์รูปถ่ายตัวเองขณะไปร่วมงานแฮปปี้เบิร์ธเดย์ “ทักษิณ ชินวัตร” ถึงฮ่องกง ในรูปต่างๆ ที่แป้งโพสต์ลงอินสตาแกรมเต็มไปด้วยอิริยาบถที่บ่งบอกว่าเธอสนิทแนบแน่นกับครอบครัวชินวัตรในระดับซี้ย่ำปึกเสมือนเป็นหนึ่งในครอบครัว
หลังจากที่แป้งอัพรูปตัวเองลงอินสตาแกรมไปไม่นาน ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กก็แห่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ มีทั้งที่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและที่บอกว่าไม่สมควร แต่ที่ดุเดือดที่สุดคงหนีไม่พ้นบอสใหญ่ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ที่ออกมาทวิตข้อความลอยๆ แต่ตั้งใจกระทบชิ่งใครสักคนว่า “เมื่อไรดาราจะเข้าใจซะทีว่าการ post ใน twitter&instagram ก็ไม่ต่างจากการให้ข่าวในหน้าบันเทิงดีๆ นี่เอง..อะไรที่ไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้”

ข้อความในทวิตเตอร์ของบอย ถกลเกียรติยังถือว่าเบาๆ ถ้าเทียบอาการควันออกหูของบอสใหญ่เอ็กแซ็กท์ - ซีเนริโอที่คนในบริษัทต่างรู้ดีว่าไม่ชอบให้ดารา นักร้อง นักแสดงในสังกัดของตัวเองมีข่าวฉาวอย่างมากที่สุด ที่ผ่านมานักร้อง นักแสดงในสังกัดของคุณหนูบอยมีน้อยรายมากที่จะตกเป็นข่าวฉาว เพราะบอยถือคติว่า “ทำงานให้เป็นข่าวดีกว่าทำตัวฉาวให้โด่งดัง”

ดูจากแนวคิดในการทำซิตคอม “เป็นข่าว” ที่ออกอากาศเวลา 23.15 น. ทุกวันพฤหัสบดีทางช่อง 3 ก็คงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบอยตั้งใจเสียดสีวงการบันเทิงไทยที่ยังมีดาราบางกลุ่มที่จงใจทำตัวเองให้โด่งดังด้วยข่าวฉาว และตัวละครที่ชื่อเมย์ซึ่งเป็นดาราที่มีภาพลักษณ์ยอดเยี่ยมถึงขั้นถูกยกให้เป็น “นางฟ้าของวงการ” แต่ตัวจริงกลับเป็นนางมารร้ายที่ทำทุกอย่างแม้กระทั่งหลอกใช้คนอื่นเพียงเพื่อชื่อเสียงและเงินทอง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไรที่นักแสดงผู้รับบท “เมย์” คือ “แป้ง อรจิรา” นี่เอง

บอยพูดถึงการโพสต์ข้อความในที่สาธารณะของดาราและคนมีชื่อเสียงโดยเทียบเคียงกับซิตคอมเป็นข่าวของเขาว่า “ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องpostเลย โตๆ กันแล้วน่าจะรู้ เจอแบบนี้ถ้าเป็นโอม ณ เป็นข่าวจะทำยังไงหนอ?!? คงเครียดน่าดู”

ชื่อ “โอม” ที่บอยกล่าวถึงคือตัวละครหลักในซิทคอมเป็นข่าวซึ่งเป็นนักปั้นมีหน้าที่ดูแลศิลปินดาราในสังกัด ฉะนั้นข้อความที่บอยต้องการสื่อก็คือเมื่อดาราในสังกัดทำตัวจนกลายเป็นข่าวฉาวด้วยการ “โพสต์” อะไรสักอย่างออกสู่สาธารณะ ผู้ซึ่งมีหน้าที่ต้องดูแลดาราในสังกัดก็คงจะต้องปวดหัวกับการกอบกู้ชื่อเสียงอย่างแน่นอน

งานนี้แป้งคงหนาวๆ ร้อนๆ เพราะบอสใหญ่ถึงกับออกโรงมาพูดเองขนาดนี้ แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อใครออกมาตรงๆ แต่ข้อความทั้งสองในทวิตเตอร์ของบอยก็ออกมาหลังจากที่ภาพของแป้งในอินสตาแกรมของเธอกลายเป็นข่าวเกรียวกราวในโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่นาน

ตลอด 9 ปีที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง แป้ง อรจิราก็มีชื่อโด่งดังมาจากข่าวฉาว โดยในช่วงแรกที่เธอทำงานในวงการด้วยการรับบทนางเอกภาพยนตร์สุริยะฆาต แป้งก็ตกเป็นข่าวว่ากุ๊กกิ๊กกับหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปร่าง หน้าตา และฝีไม้ลายมือการแสดงของแป้งว่าเหมาะสมกับการก้าวขึ้นมารับบทนางเอกของเรื่องทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเข้าวงการมาหรือไม่ จนเป็นเหตุให้หลายคนเมาท์ไปว่าสาเหตุที่ทำให้เธอได้รับบทเด่นในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็เพราะเธอเอาตัวเข้าแลก จนกลายเป็นเรื่องฟ้องร้องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยทีเดียว

ด้วยความที่ภาพยนตร์สุริยะฆาตที่แป้งนำแสดงทำรายได้ไม่เข้าเป้า ข่าวฉาวของเธอจึงไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ของสาธารณชนสักเท่าไหร่ ชื่อของแป้งปรากฏสู่สังคมมากขึ้นอีกครั้งจากการที่เธอมาคบหากับนักแสดงหนุ่ม “ภูริ หิรัญพฤกษ์” ทำให้ชื่อของแป้งเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นประกอบกับการที่เธอเริ่มมีงานละครในค่ายเอ็กแซ็กท์จากการนำพาของภูรินั่นเอง และผลของการคบหากับหนุ่มภูริยังทำให้แป้งได้รู้จักกลุ่มไฮโซที่นำโดย “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” และ “น้ำนิ่ง กฤตบุญญาลัย” นั่นเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างแป้งกับครอบครัวชินวัตรแน่นแฟ้นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หลายครั้งหลายหนที่แป้งไปร่วมงานปาร์ตี้กับบรรดาลูกสาวลูกชายของทักษิณ ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นไพรเวตปาร์ตี้ทำให้เรื่องที่เธอซี้กับตระกูลชินวัตรเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่แป้งเริ่มตัวติดกันกับ “เอม พินทองทา ชินวัตร” จนแทบจะเป็นแฝดสยาม ทั้งไปชอปปิ้งร่วมกันทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยสวมชุดคล้ายกันและถ่ายรูปโพสต์ลงอินสตาแกรมเป็นว่าเล่น ประกอบกับการที่ว่าที่สามีของแป้งอย่างผู้กองต้อม “ร.ต.อ. ทรงพันธ์ กุลดิลก” ก็เป็นเพื่อนซี้กับ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” สามีของเอม พินทองทา เข้าข่ายซี้กันทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะกินข้าว ชอปปิ้ง ดูหนังก็เฮโลไปด้วยกันตามประสาเพื่อนซี้

จึงแทบไม่ต้องสรุปว่านาทีนี้สาวแป้งสวมเสื้อสีอะไร จะว่าไปแล้วความคิดความเห็นในเรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ดารานักแสดงหลายคนมักจะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่แป้งกลับเปิดหน้าแสดงตัวแบบไม่กลัวเกรง แว่วๆ ว่าจากกรณีนี้แป้งมีโอกาสจะถูกพักงานยาวจากต้นสังกัด เพราะล่าสุดก็เกิดกระแสแอนตี้ละคร “นางสิงห์สะบัดช่อ” ที่เธอแสดงนำขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เรตติ้งของละครเรื่องนี้อาจจะแผ่วลงไปทั้งๆ ที่เพิ่งจะออกอากาศไม่นาน

ละครเรื่องนี้ “บอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ เคยพูดในการเปิดตัวแถลงข่าวว่า
“เป็นละครในแนวที่บริษัทฯไม่ค่อยได้ทำ คือ ดรามา แอ็กชันและปนคอมเมดีด้วย คือ เราคิดว่าตอนนี้บ้านเมืองเรากำลังต้องการเสียงหัวเราะ ความสนุก และต้องการฮีโร่ และตัวเอกคือผู้หญิง มันเป็นเรื่องราวพีเรียดย้อนยุค เหมือนกับว่า สมัยนั้นกฎหมายของบ้านเมืองยังไม่ค่อยมีความศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่ แล้วก็มีฮีโร่คนนี้ แต่เค้าไม่ออกหน้านะ เป็นฮีโร่หญิงที่กลางวันเค้าจะปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่กลางคืนเค้าจะมาพร้อมกับหน้ากาก และเรียกตัวเองว่า นางสิงห์”

หลายคนก็บอกว่าแป้งไม่ค่อยจะแคร์เรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะนางสิงห์สะบัดช่อน่าจะเป็นละครทิ้งทวนเรื่องสุดท้ายของเธอ เนื่องจากแป้งกำลังจะแต่งงานกับผู้กองต้อมในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นแป้งก็คงจะเบนเข็มออกจากวงการบันเทิงไปทำงานอย่างอื่น

ที่ผ่านมา ถ้าไม่เกิดกรณีร้ายแรง บอย ถกลเกียรติก็จะไม่สั่งแบนนักแสดงคนไหน อย่างกรณี”นก เชิญยิ้ม” ที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับยาเสพติดในครั้งแรกบอยก็ยังให้โอกาสเธอได้แสดงละครต่อ แต่หลังจากที่นกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกครั้ง บอยถึงตัดสินใจลงดาบแบนเธอทันที หรือในกรณี ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เคยมีคดีขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บที่ระยอง อีกทั้งเคยใช้กำลังประทุษร้าย น.ส.มาริสา สุธรรมพงษ์ ผู้เสียหาย ด้วยการตบที่ใบหน้า 1 ครั้ง และต่อยที่ใบหน้าถูกเบ้าตาซ้าย ข้างจมูกด้านซ้าย ทำให้กระดูกจมูกร้าว มีเลือดกำเดาไหล เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายอย่างสาหัส ก็เคยได้รับการตักเตือนและให้โอกาสในการทำงาน

เป็นที่รับทราบกันดีว่า “บอย” ถกลเกียรติ ผู้นี้มีจุดยืนและเลือกข้าง “จงรักภักดี” อย่างชัดเจน ที่ผ่านมา ดาราทุกคนในสังกัดล้วนแต่เดินเคียงข้างอยู่กับบอสใหญ่ชนิดไม่แตกแถวในการปฏิบัติภารกิจให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมหลายครั้ง

มาถึงกรณีของแป้งที่กำลังถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนบอยต้องกุมขมับ หลายคนเชื่อว่า การที่ “แป้ง - อรจิรา” เดินต่างและแตกแถวในครั้งนี้ อาจจะต้องมีการคุยในลักษณะ “แนะนำ - ตักเตือน - ดองเค็ม”เพื่อเป็นบทเรียนกับชีวิตนักแสดงในกรณีที่ต้องทำงานต่อไปในอนาคต หรืออีกทางหนึ่ง แป้งอาจจะพักงานในวงการเองเพราะเธอกำลังจะแต่งงาน ดังนั้น...เธอกล้าเปิดตัวในฐานะเพื่อนสนิทของบรรดาลูกๆของทักษิณ ชินวัตร แบบไม่กลัวเกรง หลายคนบอกไม่ใช่เรื่องผิดที่แป้งจะยังคงคบหากับครอบครัวชินวัตร แม้ตระกูลนี้จะคดโกงประเทศชาติ มีพฤติกรรมก้าวล่วง จาบจ้วงต่อสถาบันสูงสุดของชาติ

สำนวนไทยที่ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด” ยังใช้ได้เสมอ !! แม้ความเป็นเพื่อนจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้ายังดันทุรังคบหา “คนพาล” ก็ทำให้เกียรติภูมิความดีของ “นางสิงห์” ต้องมัวหมองเหมือนกัน

รักหวานชื่น “แป้ง อรจิรา” กับ “ผู้กองต้อม”
อีกประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ก็จะถึงวันแต่งงานของดาราสาว “แป้ง อรจิรา แหลมวิไล” กับ “ร.ต.อ. ทรงพันธ์ กุลดิลก” หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานปีเศษๆ ตลอดระยะเวลาของการคบหากันแทบไม่เคยมีข่าวระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นในหน้าหนังสือบันเทิงสักเท่าไหร่ ถือว่าเป็นการคบหากันที่ค่อนข้างเงียบเชียบจนกระทั่งแป้งออกมาบอกว่ากำลังจะแต่งงานหลายคนจึงสงสัยว่า ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร และเป็นใครมาจากไหน

ถ้าเป็นคอการเมืองสักหน่อยก็คงจะรู้จัก “พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิกล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้กองต้อมหรือ ร.ต.อ. ทรงพันธ์เป็นลูกชายของพล.ต.ท. ชัจจ์กับวิมลรัตน์ กุลดิลก มีพี่น้องร่วมมารดาทั้งหมด 3 คนโดยผู้กองต้อมเป็นคนกลาง นอกจากนั้นยังมีพี่น้องที่เกิดกับอดีตภรรยาของคุณพ่อชัจจ์อย่าง “ดร. จารุพรรณ กุลดิลก” อีก 4 คนด้วยกัน

“ผู้กองต้อม” ร.ต.อ. ทรงพันธ์ กุลดิลก คนนี้ เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในสังกัดองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล

ความรักระหว่างผู้กองต้อมกับสาวแป้งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน ในตอนที่ต้อมยังเรียนที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นต้อมมีโอกาสได้เจอกับแป้งเพราะว่าฝ่ายหญิงเป็นเพื่อนของเพื่อนของต้อมนั่นเอง เห็นครั้งแรกก็ประทับใจในความขาวโอโม่และความน่ารักของแป้งจนต้อมยอมรับออกมาตรงๆเลยว่าได้ลงมือจีบเธอ ในวันหนึ่งขณะที่เขากับเพื่อนไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งแป้งก็ได้ไปดื่มกินด้วย ต้อมแอบกระซิบถามเพื่อนว่าผู้หญิงตาโตผิวขาวคนนั้นชื่ออะไร และเมื่อทราบชื่อเสียงเรียงนาม ต้อมก็เดินหน้าจีบทันทีแต่เนื่องจากยังอ่อนด้อยในเรื่องการเข้าหาสาวๆ ทำให้ผู้กองต้อมหรือนายทรงพันธ์ในวันนั้นต้องรับประทานแห้วไป

ด้วยเหตุที่ต้อมไม่ชอบและไม่ถนัดวิชาที่เรียนในคณะสังคมศาสตร์ เขารู้สึกว่ามันหนักเกินไปสำหรับเขา ต้อมจึงย้ายไปเรียนคณะนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเอแบค ก่อนจะบินลัดฟ้าไปศึกษาต่อปริญญาโททางด้านรัฐศาสตร์การปกครองที่ Brunel University ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตลอดระยะเวลาหลายปีต่อจากนั้นผู้กองต้อมจึงไม่ได้พบเจอกับแป้งอีกเลย เรียกว่าหลังจากที่เขาจีบไม่ติดในครั้งนั้น ทั้งต้อมและแป้งต่างคนก็ต่างไปมีชีวิตของตัวเอง ฝ่ายชายเดินตามความฝันที่จะรับราชการตำรวจ ส่วนฝ่ายหญิงก็ได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงและมีชื่อเสียงโด่งดัง

9 ปีหลังจากที่ต้อมเข้าไปพูดคุยกับแป้งเป็นครั้งแรก ต้อมที่กำลังโสดสนิทหลังจากผ่านความรักที่ไม่สมหวังมาถึง 4 ครั้งก็นัดรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ซึ่งเป็นเพื่อนซี้กับแป้ง จนทำให้ผู้กองต้อมได้มาเจอกับแป้งอีกครั้ง แป้งเองก็จำผู้กองต้อมได้ในฐานะเด็กหนุ่มที่เคยเข้ามาจีบเธอ

การได้มาพบกับแป้งอีกครั้งเหมือนถูกไฟสปาร์กให้ความรู้สึกเดิมๆ กลับคืนมา เพียงสองเดือนหลังจากที่ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกัน ทั้งสองก็ตกลงทดลองศึกษานิสัยใจคอและคบหันดูใจกันในที่สุด

ทั้งแป้งและผู้กองต้อมไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกันบ่อยนัก เนื่องจากมีงานยุ่งด้วยกันทั้งคู่ แต่ทุกครั้งที่มีเวลาว่างแป้งกับผู้กองต้อมก็มักจะโทรศัพท์ติดต่อกันเพื่อขอกำลังใจและปรึกษากันเสมอๆ ผู้กองต้อมบอกว่ามีหลายครั้งที่แป้งถูกวิพากษ์วิจารณ์และด่าว่าเสียๆหายๆ แล้วเธอเลือกที่จะโทรศัพท์มาระบายกับเขา ซึ่งเขาก็มักจะแนะนำให้เธออย่าคิดมาก เพราะถ้าเครียดก็จะทำงานอย่างที่ต้องการไม่ได้

ไลฟ์สไตล์ของนายตำรวจลูกชายตำรวจใหญ่กับดาราสาวค่อนข้างจะแตกต่างกัน ผู้กองต้อมรักการรับราชการ ส่วนแป้งรักอิสระ ส่วนในอนาคตไม่แน่ว่าทั้งสองอาจคิดฝันที่จะเข้ามาข้องแว้งในเรื่องการเมืองด้วยกันทั้งคู่หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีคุณพ่อชัจจ์เป็นต้นแบบในการเล่นการเมือง อีกทั้งยังเคยเปรยเอาไว้ว่าสนใจงานด้านการเมือง ส่วนฝ่ายหญิงก็เริ่มเปิดตัวในฐานะสาวเสื้อแดงแรงฤทธิ์แล้ว

นอกจากหน้าตาและรูปร่างภายนอกแล้ว สิ่งที่ผู้กองต้อมบอกว่าชื่นชอบในตัวแป้งนั่นก็คืออุปนิสัยที่เป็นธรรมชาติของเธอ ผู้กองต้อมบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงแอ๊บ และแป้งก็ไม่ใช่ผู้หญิงแอ๊บเยอะ แม้ว่าจะมีความมั่นใจสูงมากก็ตาม ผู้กองต้อมบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงที่ชอบวางมาด วางฟอร์ม ซึ่งเขายอมรับว่าสำหรับเรื่องเหล่านี้ไม่เคยมีในตัวของแป้งเลย

ส่วนแป้งก็บอกว่าชอบผู้กองต้อมตรงที่เป็นคนดีและสามารถรับทุกอย่างที่เป็นเธอได้ ไม่ว่าเธอจะขี้วีนขี้เหวี่ยง โกรธหรือโมโหอะไร ผู้กองต้อมก็ยิ้มรับและบอกว่าไม่เป็นไรเสมอ

และแม้ว่าเพิ่งประกาศว่าจะเดินเข้าสู่พิธีวิวาห์ร่วมกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าสาวแป้งจะสอบผ่านฉลุยสำหรับการก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านกุลดิลก เพราะคุณแม่วิมลรัตน์ มารดาของผู้กองต้อมถึงกับออกปากว่าชื่นชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสาวสมัยใหม่ที่เอาการเอางาน ถึงขนาดที่เธอเคยบอกให้ลูกชายดูแป้งเป็นแบบอย่างในเรื่องความขยันเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องที่ว่าที่ลูกสะใภ้เป็นดารานั้น วิมลรัตน์บอกว่าไม่แคร์ เพราะลูกรักใคร แม่ก็รักด้วย และถ้าแป้งเข้ามาเป็นสะใภ้ของบ้านหลังนี้แล้ว คุณแม่วิมลรัตน์ก็บอกว่าจะดูแลแป้งเหมือนลูกสาวอีกคนเลยทีเดียว

ถึงตอนนี้ฤกษ์แต่งงานระหว่างแป้ง อรจิรากับผู้กองต้อมได้รับการเคาะโดยซินแสที่บ้านกุลดิลกมาแล้วว่าเป็นต้นเดือนตุลาคม ส่วนจะเป็นวันไหนทั้งแป้งและผู้กองต้อมขออุบไว้ก่อน ส่วนในงานแต่งจะมีเพื่อนซี้ตระกูลชินฯ ไปร่วมอวยพรกันมากน้อยขนาดไหนก็คงต้องจับตาดูกัน และนี่คือเรื่องราวความรักระหว่างดาราสาว “แป้ง อรจิรา” กับว่าที่สามี “ผู้กองต้อม” ที่น้อยคนจะได้รู้

หมายเหตุ ภาพและเรื่องบางส่วนจาก นิตยสาร Who? Vol 5 No. 118
...........................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 148 วันที่ 4-10 สิงหาคม 2555
จากละคร “นางสิงห์สะบัดช่อ”
“แป้ง” อรจิรา แหลมวิไล
“บอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ - “ไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้”
ร่วมทริปที่ฮ่องกง

 “ผู้กองต้อม” ร.ต.อ. ทรงพันธ์ กุลดิลก
แป้งกับผู้กองต้อม

กำลังโหลดความคิดเห็น