xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เพื่อไทย-ปชป.” โกงข้าว ผีเน่าโลงผุ ข้าชั่วเอ็งก็เลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปล่อยหมัดซัดกันนัวระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ “เผาไทย” กับ “แมลงสาบ” ในเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำ รับประกันราคา และระบายข้าว

ฟากเผาไทยนั้นร่อแร่จากศึกอภิปรายที่ลามเลยไปถึงการที่พรรคฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบทั้งทุจริตรับจำนำและระบายข้าวที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรยกเมฆอ้างออเดอร์ขายข้าวระหว่างรัฐกับรัฐหรือจีทูจีกับจีน

เมื่อสถานการณ์คับขัน แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เผาไทยก็งัดมุกเก่าสาดน้ำ ร้อนใส่แมลงสาบให้ดิ้นพล่าน เพราะก่อนหน้านี้ รัฐบาลยุคประชาธิปัตย์ ก็ฉาวโฉ่จากการทุจริตขายข้าว และคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน

เข้าทำนอง “ข้าชั่วเอ็งก็เลว” หรือ “หาเพื่อนลงนรก” อย่างที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ว่านั่นแหละ

เวลานี้เรื่องโกงข้าวของสองพรรคใหญ่จึงอยู่ในมือของ ป.ป.ช. แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับว่า หน่วยงานปราบโกงแห่งนี้ จะกล้าเอาคนผิดมาลงโทษให้สาธารณชนได้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีหรือไม่ โดยคณะอนุกรรมการป.ป.ช. ชุดที่สอบรัฐบาลประชาธิปัตย์ มี นายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน ส่วนคณะอนุกรรมการฯ ชุดที่สอบรัฐบาลรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นอกจากจะมีนายกล้าณรงค์ จันทิก, นายวิชา มหาคุณ แล้ว ยังมี พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ร่วมเป็นกรรมการผู้รับผิดชอบ

เชื่อว่าเมื่อผลสอบของ ป.ป.ช.ออกมา คงได้เห็นโฉมหน้าคนโกงทั้งสองฟากฝั่งเป็นแน่ แต่กว่าจะถึงวันนั้น ระหว่างนี้ต่างฝ่ายต่างชิงป้ายขี้ ชิ่งหนีความผิดกันทั้งคู่

แน่นอน เผาไทยนั้น ดูจะหนักหนาสาหัสกว่าคู่กรณี เพราะการแฉหลักฐานสัญญาจีทูจีแหกตา การเปิดโปงเส้นทางฟอกเงินของกลุ่มก๊วนคนใกล้ชิดนายใหญ่อย่างจะแจ้ง แก้ต่างอย่างไรก็ยังดูเหมือนว่ายากจะหลุดพ้นข้อกล่าวหา กระทั่ง นช.ทักษิณ ณ. มาเก๊า ต้องลงทุนออกมาเล่นละครแสดงความจงรักภักดี ผ่านช่อง 11 เพื่อเบี่ยงกระแสให้สังคมเลิกโจมตีรัฐบาลน้องสาวเรื่องจำนำและระบายข้าวเป็นการชั่วคราว

ไม่เพียงเท่านั้น “อำมาตย์เต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.เกษตรฯ ที่มีชนักปักหลังเรื่องทุจริตยางพารา ก่อนย้ายก้นไปนั่ง รมช.พาณิชย์ ก็เดินเกมเอาคืนพวกแมลงสาบ ทำคะแนนเอาใจนายกฯ ยิ่งลักษณ์

เพราะจู่ๆ ก็มีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ รายงานความคืบหน้าการสอบทุจริตซื้อขายข้าวยุครัฐบาลประชาธิปัตย์โผล่ขึ้นมา จากก่อนหน้านี้ที่ไม่มีข่าวคราว และ ป.ป.ช.ก็ทำงานตรวจสอบกันไปแบบเงียบๆ โดยมีคนอยู่ในข่ายถูกสอบ 4 คน คือ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เวลานั้น

ข่าวปล่อยจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ของ ป.ป.ช. ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน กำลังตรวจสอบข้อมูลการทุจริตการขายข้าวในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยได้เรียกข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงพาณิชย์และเรียกเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ไปชี้แจงอย่างต่อเนื่อง โดยการตรวจสอบจะดูตั้งแต่มติ ครม.ที่กำหนดกรอบยุทธศาสตร์และแนวทางการระบายข้าวตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาล ใครเป็นผู้พิจารณาขายข้าวในเบื้องต้นและใครเป็นผู้อนุมัติในขั้นสุดท้าย

รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานการวางเงินค้ำประกันสัญญาขนข้าวออกจากโกดัง เอกสารที่แสดงว่ามีการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ รวมไปถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด นำแคชเชียร์เช็คจากเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยส.) มาวางค้ำประกันการทำสัญญากับ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ฯลฯ

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ยังระบุถึงผลตรวจสอบเบื้องต้นของป.ป.ช.ด้วย โดยพบว่า มีการอนุมัติขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลในราคาต่ำกว่า ราคาตลาด และเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้ส่งออกบางรายโดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เป็นการกีดกันบริษัทผู้ส่งออกอื่นไม่ให้เสนอราคาแข่งขันอย่างเป็นธรรม ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการจริง

สำหรับวิธีการดำเนินการขายข้าวในสมัยประชาธิปัตย์ เช่น การเปิดขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้ผู้ส่งออกโดยไม่ได้ใช้วิธีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป แต่กลับให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อข้าวเสนอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายตามเวลาที่กำหนด แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าผู้ส่งออกที่ได้รับการอนุมัติขายข้าวให้นั้น มีคำสั่งซื้อข้าวจริงหรือไม่

ส่วนเกณฑ์ราคาที่อนุมัติขายให้ผู้ส่งออก ได้กำหนดราคาซื้อขายเป็นราคา ณ หน้าคลังสินค้า (เอ็กซ์ แวร์เฮาส์) โดยใช้ราคาขนส่งข้าวในตลาดกรุงเทพฯ เฉลี่ยย้อนหลังเป็นเกณฑ์ และหักค่าขนส่งตามระยะทางมาตรฐาน แต่หากเป็นข้าวเก่าให้หักค่าเสื่อมได้ตามสภาพได้อีก

จากเงื่อนไขดังกล่าว คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธาน กขช. ได้อนุมัติขายข้าวให้กับผู้ส่งออก 8 ราย ปริมาณรวม 2.731 ล้านตัน เป็นการขายในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2553

อย่างไรก็ตาม ในการขายข้าวจำนวนดังกล่าว ได้กำหนดไว้ว่า ทุกสัญญาจะต้องทำการส่งออกให้เสร็จสิ้นภายในปี 2554 แต่พบว่า มีผู้ส่งออกบางรายส่งออกข้าวไม่ครบถ้วนตามสัญญา บางรายไม่มีการส่งออก รวมแล้วมีข้าวที่ขายให้กับผู้ส่งออก แต่ไม่ได้มีการส่งออกรวม 9.22 แสนตัน หรือคิดเป็น 26.66% ของปริมาณข้าวในสต๊อกที่ขายให้กับผู้ส่งออก

อีกทั้งยังพบว่า ผู้ส่งออกที่ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข กลับมีการขอรับหลักประกันตามสัญญาคืนจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และ อ.ต.ก. โดยแสดงหลักฐานการส่งออกไม่ครบถ้วน หรือปิดบังข้อเท็จจริงในการส่งออกข้าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐหลงเชื่อและคืนหลักประกันให้ และยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายปล่อยปละละเลย ไม่ตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง และคืนหลักประกันให้ผู้ส่งออกโดยมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตด้วย

นอกจากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ได้ออกมายิงหมัดซ้ำว่า จากการตรวจสอบการระบายข้าวของรัฐบาล ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานนั้น พบความผิดปกติในการระบายข้าวของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีหลักฐานว่าการะบายข้าวเลือกจำหน่ายราคาต่ำกว่าท้องตลาด บางกรณียังพบว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการให้ได้เงื่อนไขพิเศษในการซื้อข้าวจากรัฐบาล ทั้งที่ผู้ประกอบไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญารัฐบาลต้องคืนเงินประกัน เป็นการตักตวงผลประโยชน์จากโกดังรัฐบาล ทำให้มีคำถามตามมาว่าเป็นพฤติการณ์ตั้งวงกินข้าวร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานั้นหรือไม่ ผลประโยชน์ตกอยู่กระเป๋าใคร

เจอวิชามารจากเผาไทย ฝ่ายแมลงสาบก็ตอบโต้กลับทันที โดย นายกอรปศักดิ์ สภาวสุ ที่ว่ากันว่าทำหน้าที่กำกับดูแลนโยบายเรื่องข้าวตัวจริง เสียงจริง ของประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น ก็ออกมา โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวว่า “..... ความแตกคือ เรื่องของการโกงโครงการรับจำนำ เงินที่รัฐบาลกู้เงินมากกว่า 4 แสนล้าน ส่วนหนึ่งไหลเข้ากระเป๋าเพื่อนซี้ทักษิณ” .... “เจอข้อหาโกง พร้อมมีหลักฐานชัด เดิมที่รัฐบาลคิดว่าจะอยู่ให้ครบเทอม ตอนนี้ไม่แน่เสียแล้ว เพราะเมื่อ ป.ป.ช.เดินหน้าสอบ นายกฯ มีสิทธิโดนพักงานได้เหมือนกัน”

“ยุทธศาสตร์หน้าเหลี่ยมคือ การกลบข่าวด้วยการเดินงานการเมืองเต็มสูบ 1. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ 2. ให้ดีเอสไอตั้งข้อหาอดีตนายกฯ รองนายกฯ 3.ตัวเป็นๆ ออกจอทีวีช่องของกรมประชาสัมพันธ์ 4 , 5 , 6 จะตามมาเป็นชุด เป้าหมาย...ให้สังคมบางส่วนลืมเรื่องการโกง ขณะที่เตรียมปล่อยถุงขนมแก้ปัญหา”....

ส่วนนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ก็ออกมาแฉว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างละครหาเพื่อนลงนรกด้วยเท่านั้น แต่ขอให้นายบุญทรง เตยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ลงนรกไปคนเดียวเถอะ

พร้อมกับอ้างรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า โครงการจำนำข้าวขาดทุนปีละ 1 แสนล้านเป็นอย่างต่ำ และเงินถึงมือชาวนาเพียงแค่ 17% นอกนั้นอยู่กับนักการเมือง พ่อค้าข้าว 83,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถเลี้ยงดูคนตั้งแต่เกิดจนตาย 15 ล้านคน “ถ้าทำ 5 ปีดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดจนตายได้ทั้งประเทศ ไม่มีที่ไหนในโลกที่รัฐบาลหากินบนคราบน้ำตาของชาวนาและคนจนจากการทุจริตมโหฬารดังกล่าว”

ลีลาตอบโต้กันไปมาชนิดที่ว่า ข้าชั่วเอ็งก็เลว โกงกินกันทุกยุคทุกสมัยทุกรัฐบาลไม่มีว่างเว้น เดี๋ยวสังคมก็จะได้เห็นกันว่าพรรคไหนที่เลวสุดขั้ว พรรคไหนที่ชั่วสุดขีด หรือว่าทั้งสองพรรคต่างเป็นผีเน่ากับโลงผุ พอๆ กัน

เพราะเวลานี้อำนาจของ ป.ป.ช.ตามกฎหมายใหม่นั้น สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบทะลุทะลวงไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐหรือสถาบันการเงิน หากหน่วยงานใดไม่ให้ความร่วมมือ ป.ป.ช.สามารถขออำนาจศาลเพื่อเข้าถึงข้อมูลได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือรัฐกับเอกชน ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง ป.ป.ช.ล้วงลึกเข้าไปดูข้อเท็จจริงได้ทุกเรื่อง รวมทั้งการสอบเส้นทางการฟอกเงินที่ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เหมือนในอดีตอีกแล้ว

ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ได้ท้วงติงและมีข้อแนะนำต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้วว่าให้ทบทวนหรือยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเสียเพราะเปิดช่องทุจริตไปหมดในทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอน แต่รัฐบาลก็ไม่ได้รับฟัง

“เราบอกรัฐบาลอย่าทำโครงการนี้เลย เพราะการศึกษาของ ป.ป.ช.มันชัดเจนว่าการจำนำข้าวมันเปิดช่องให้มีการทุจริตไปหมด ทุกขั้นตอนของการทำ โดยศึกษาจากประวัติการทำนโยบายนี้ เพราะการรับจำนำสินค้าเกษตรมันเกิดขึ้นมานานแล้ว ปีที่มีการทุจริตมากสุดคือปี 47-48 หากยังทำต่อไปก็เปิดช่องให้มีการทุจริตมากมาย เช่น การสวมสิทธิ์ การแจ้งสถานภาพที่ไม่ถูกต้องของชาวนา การแจ้งจำนวนข้าวที่เกินความจริง เอาข้าวไม่ได้คุณภาพมาสวมสิทธิ์ การระบายข้าวอีก ภาพรวมพบว่าการจำนำข้าวมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตร่วม 10 จุด” ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นคนเสนอให้ ป.ป.ช.ทำหนังสือถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ไทยโพสต์”

“ผมแน่ใจเลยในฐานะที่นั่งอยู่ใน ป.ป.ช.มา 6 ปี และเคยเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนเรื่องการขายสินค้าพืชผลเกษตรมาหลายชุด ป.ป.ช.ไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่นอน เมื่อมีการตั้งกรรมการไต่สวนขึ้นมาแล้ว ก็มีอำนาจในการขอข้อมูลทั้งหมดมาดูได้ แล้วอำนาจตรงนี้มันมีอยู่ชัดเจน”

ส่วนการสอบทุจริตจำนำและระบายข้าวของ ป.ป.ช.รอบนี้ จะเอาผิดไปถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการไต่สวนหากมีข้อมูลพยานหลักฐานโยงใยไปถึงก็รอดยาก


อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น