ASTVผู้จัดการรายวัน - ไล่ “แม้ว” โทษคนตระกูลชินที่ทำชาติเสียหาย ดีกว่าโทษคนอื่นไม่ปกป้องน้องสาว ปชป.ซัดปู แถชี้แจง แต่ไม่สนใจคำถาม ยื่นผู้ตรวจฯสอบตั้งผู้ว่าฯรฟท. ไม่ชอบ “สุกำพล”จวกปชป.ไม่แฟร์ ย้ำ ซักฟอก 3 ข้อไม่มีความจริง “เจ๊ติ๋ว”ปัดข่าวปูไม่คุยกับส.ส.หญิงพท. ส่วนภท.บอยคอต “ชะวรลัทธิ์”กบฏ
วานนี้(29 พ.ย.55) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โฟนอิน ไปที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาตำหนิ การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภาฯว่า ไม่สามารถที่จะดำเนินการยับยั้งการอภิปรายของฝ่ายค้าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ ปล่อยให้ฝ่ายค้านมีโอกาส พูดจาพาดพิงพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเต็มที่ ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะโทษประธานสภา แต่ควรจะโทษตัวเองที่มีพฤติกรรมโกงกินชาติมาตั้งแต่ที่เป็นนายกฯ
“พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องโทษตัวเองอย่าไปโทษประธานสภาฯ ที่เกิดมามีพฤติกรรรมอย่างนี้ และ ถ้าจะโทษคนต่อไปอย่าไปโทษส.ส.หญิงของพรรคตัวเอง ที่อ้างว่าไม่มีใครไปปกป้องคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าจะโทษคุณยิ่งลักษณ์ก็คือไม่มีความสามรรถเพียงพอในการเป็นนายกฯ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อคนไทยได้ทั้งประเทศ โทษที่ไม่สามารถอธิบายความให้สังคมไทยได้เข้าใจในข้อกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ต้อวงโทษคุณยิ่งลักษณ์ที่เอาแต่อ่านโพย เตรียมคำตอบมาโดยไม่สนใจจะรับฟังปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง โทษคุณยิ่งลักษณ์ที่ไม่สามารถปิดช่องการทุจริต ปล่อยให้มีการโกงกิน ตรงนี้ต่างหากที่คุณทักษิณ ควรจะโทษกันเองในครอบครัว ไม่ต้องออกมาโทษผู้อื่นเพราะผลแห่งการอภิปรายที่เกิดขึ้นเกิดจากคุณยิ่งลักษณ์ และคุณทักษิณฯเองทั้งสิ้น และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศตาสว่าง และเห็นว่าสิ่งที่คุณทักษิณ คิด พรรคเพื่อไทยทำนั้นประเทศไทยวิบัติแน่นอน”นายชวนนท์กล่าว
**เพื่อไทยเต้น!ปัดแม้วไม่ได้สไกป์
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวปฏิเสธกรณีข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชิ โฟนอินเข้ามาในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ตำหนิการทำหน้าที่ของประธานและ สส.หญิง เพียงแต่โทรมาให้กำลังใจ สส. ในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการอภิปราย และการลงมติไว้วางใจที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ นำไปขยายผลทางการเมือง โจมตี นายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ
** ซัดปู แถชี้แจงไม่สนใจคำถาม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ พบว่าการตอบคำถามของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในระหว่างการอภิปราย ฯ มี 3 ข้อ คือมีการตอบแบบเฉไฉ โดยเฉพาะกรณีที่นายกปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต นายกฯก็จะพยายามโยนให้ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบกระทรวงนั้นเป็นผู้ตอบแทน และ รัฐมนตรีที่มาตอบแทนนายกฯ นั้น ก็ไม่สามารถชี้แจงให้กระจ่างได้ มีการตอบเลี่ยงบาลี ในข้อกล่าวหาเรื่องการที่นายกปฏิเสธความรับผิดชอบในปัญหาต่างๆ ในบ้านเมือง และการตอบตามโพย โดยไม่สนใจข้อกล่าวหา ของฝ่ายค้าน แต่อย่างใด ซึ่งตนคิดว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแบบนี้ เพราะเนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยมีความสนใจการบริหารราชการแผ่นดินและบทบาทการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอย่างแท้จริง ซึ่งตนก็หวังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้จะแก้ปัญหาข้อบกพร่องในการทำงานหลังจากที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น
**ยื่นสอบตั้ง'ผู้ว่าฯรฟท.'ไม่ชอบ
ด้านนายนคร มาฉิม ส.ส .พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองกลาง กรณีการแต่งตั้งนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยนายนคร กล่าวว่า ตนได้ขอสงวนสิทธิที่จะมาดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายยื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งการที่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการะทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี เห็นชอบเสนอแต่งตั้งนายประภัสร์ เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้นเป็นคำสั่งและมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะขณะสมัครนายประภัสร์มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยเวลานั้นนายประภัสร์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ซึ่งเข้าข่ายเป็นข้าราชการการเมือง จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและดำเนินการ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว เพื่อที่จะได้ช่วยกันดำเนินการตรวจสอบ
** “สุกำพล”จวกปชป.ไม่แฟร์ซักฟอก
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงถึงข้อมูลที่ฝ่ายค้านหยิบมาโจมตี 3 ประเด็น คือ การทำผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติผิดกฎหมายและข้อบังคับกระทรวงกลาโหมในการแต่ง ตั้งนายทหารชั้นนายพล รวมถึงการกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการการแต่งตั้งของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายค้านได้มีการนำคลิปเสียงในระหว่างการประชุมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปเปิดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการตัดต่อเทป เพราะนำมาเปิดในเฉพาะช่วงที่ตนพูดเท่านั้น ทั้งนี้ตนเห็นว่า ที่มีการอัดเทประหว่างกรประชุมเป็นการกระทำที่ไม่น่าเชื่อว่านายทหารระดับสูงขนาดนั้นจะทำได้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทและผิดวินัยทางทหารอย่างร้ายแรง
“ส่วนตัวดูว่า การที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้ามาอภิปรายผม คงเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการที่ผมออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกจากราชการ ในเรื่องของใช้เอกสารเท็จในการเข้าเป็นทหาร นี่คือเรื่องสำคัญ”รมว.กลาโหม กล่าว
พล.อ.อ. สุกำพล กล่าวว่า ส่วนประเด็นของกองทัพเรือคัดเลือกบริษัทมาร์ซัน จำกัด ทำการต่อเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 553 ล้านบาท โดยใช้วิธีพิเศษนั้นไม่ถูกต้องจนถูกร้องเรียน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังตรวจ และ ประเด็นที่ 3 คือโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสินของกองทัพเรือ มีการเปลี่ยนแปลงระบบเป้าลวง จากระเบิด SAGEM เป็นระบบ TERMA โดย ที่ราคาทั้งสองระบบแตกต่างกันมากทำให้มีการทุจริต 1,000 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินจริง เพราะราคาจริงแค่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งการที่ฝ่ายค้านมาบอกว่าตนได้เงินทอนถึง 1,000 ล้านบาท ดูจะมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งการ พูดแบบนั้นเป็นการเอามันเท่านั้น แต่ทำให้ตนเสียหาย
“อย่างนี้มันไม่แฟร์ และเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องบอกว่า อภิปรายเรื่องอะไร เหมือนมวยชกกันว่า ชกที่ไหน อย่างไร แต่นี่บอกว่า ชกกัน แต่ไม่บอกว่า ชกที่ไหน อย่างไร มันไม่ถูก ถ้าแน่จริงจะเอาอย่างไรก็บอกกัน ผมขอปฏิเสธทั้ง 3 ข้อกล่าวหาล้วนไม่มีมูลความจริง แต่ทางฝ่ายยังสรุปเหมาว่าผมผิด และจะนำเรื่องไปร้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งผมก็พร้อมที่จะไปชี้แจง” พล.อ.อ.สุกำพล ระบุ
**รองปลัดไม่หนักใจปธ.สอบคลิป
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางพล.อ.อ.สุกำพล ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยจากกรณีที่ฝ่ายค้านนำคลิปเสียงการประชุมแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมาเปิดในการอภิรายไม่ไว้วางใจทั้งหมด 18 คน โดยมีรองปลัดกระทรวงกลาโหม 4 คนเป็นกรรมการ และพล.ท.พินิจ ฉัตรเสถียรพงศ์ รองเจ้ากรมเสมียนตรา เป็นเลขา โดยกรอบการทำงานเป็นเรื่องของวินัยทั้งหมด
ส่วนกรณีพล.อ.เสถียร ก็จะมีทีมงานเจ้าหน้าที่ของกรมพระธรรมนูญอยู่เพื่อให้คำปรึกษาในรูปแบบวิธีว่า จะทำอย่างไรสำหรับท่านที่เกษียณไปแล้ว ทั้งนี้ระยะเวลาในการดำเนินการจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
“แม้การสอบสวนครั้งนี้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตทม.14 ทั้งพล.อ.ชาตรี ทัตติ จเรทหารทั่วไป และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ผมก็ไม่หนักใจ”พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว
**ปัดข่าวปูไม่คุยกับส.ส.หญิงพท.
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตำหนิ ส.ส.หญิงของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเสียดสีในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงเรื่องนี้
ส่วนที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลได้ยืนตรวจสอบกรณีการพูดเสียดสีกันนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีกรรมการมาเป็นผู้ตัดสิน และอยากให้ทุกคนช่วยดูแลไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดเพราะนายกรัฐมนตรีไม่ค่อยได้พูดคุยกับส.ส.หญิง ในพรรคหรือไม่ น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า ส.ส.หญิงของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และทุกคนทราบดีว่านายกฯมีภารกิจมาก และนายกฯก็ได้พยายามที่จะหาโอกาสเชื่อความสัมพันธ์กับบรรดา ส.ส.หญิงในโอกาสต่างๆอยู่แล้ว
** ภท.บอยคอต “ชะวรลัทธิ์”กบฏ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เป็นกบฏโหวตสวนมติพรรคในการลงมติที่ผ่านมาโดยอ้างว่ารถติดไม่ได้เข้าร่วมประชุมในช่วงเช้าก่อนการโหวตจึงไม่ทราบมติที่ออกมาว่า การโหวตสวนทางกับมติพรรคนั้น น.ส.ชะวรลัทธิ์ก็รู้เรื่องการนัดประชุมแล้วการมาบอกว่ารถติด แล้วกำลังจะเข้ามาในที่ประชุม จึงไม่ใช่การไม่รู้
จึงเป็นการฝ่าฝืนและเป็นการผิดวินัย ซึ่งการอยู่ร่วมกันในพรรค มติพรรคถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราคงไม่ขับออกจากพรรค แต่ก็เห็นว่านับจากนี้ไป พรรคภูมิใจไทยคงจะต้องคว่ำบาตรและไม่ร่วมสังฆกรรมกับน.ส.ชะวรลัทธิ์อีกต่อไป
**ปชช.อยากเห็นปูฟังอภิปรายด้วยตัวเอง
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,061 คน ในหัวข้อ "ประชาชนคิดอย่างไรต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล" พบว่า ประชาชนร้อยละ 55.7 เห็นว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านที่นำมาอภิปรายฯ ในครั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลเด็ดโดนใจ ขณะที่ร้อยละ 44.3 เห็นว่ามีข้อมูลเด็ดโดนใจ
สำหรับความเห็นต่อการตอบข้อซักถามของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 3 คนที่ถูกอภิปรายฯ ในครั้งนี้ว่าสามารถชี้แจงได้ชัดเจน/ตรงประเด็นหรือไม่ มีดังนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 41.1 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 37.7 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 43.0 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 34.8 พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณฑัต รมว.กลาโหมชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 39.3 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 26.5 พล.ต.ท ชัจจ์ กุลดิลก รมช. มหาดไทย ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็นร้อยละ 41.7 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 22.0
นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 44.5 ยังมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรจะตอบหรือชี้แจง และรับฟังการอภิปรายฯ ด้วยตนเองให้มากกว่านี้ ขณะที่ร้อยละ 39.2 เห็นว่าตอบหรือชี้แจงและรับฟังการอภิปรายฯ ได้ดีอยู่แล้ว
วานนี้(29 พ.ย.55) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โฟนอิน ไปที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาตำหนิ การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภาฯว่า ไม่สามารถที่จะดำเนินการยับยั้งการอภิปรายของฝ่ายค้าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ ปล่อยให้ฝ่ายค้านมีโอกาส พูดจาพาดพิงพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเต็มที่ ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะโทษประธานสภา แต่ควรจะโทษตัวเองที่มีพฤติกรรมโกงกินชาติมาตั้งแต่ที่เป็นนายกฯ
“พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องโทษตัวเองอย่าไปโทษประธานสภาฯ ที่เกิดมามีพฤติกรรรมอย่างนี้ และ ถ้าจะโทษคนต่อไปอย่าไปโทษส.ส.หญิงของพรรคตัวเอง ที่อ้างว่าไม่มีใครไปปกป้องคุณยิ่งลักษณ์ ถ้าจะโทษคุณยิ่งลักษณ์ก็คือไม่มีความสามรรถเพียงพอในการเป็นนายกฯ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อคนไทยได้ทั้งประเทศ โทษที่ไม่สามารถอธิบายความให้สังคมไทยได้เข้าใจในข้อกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ต้อวงโทษคุณยิ่งลักษณ์ที่เอาแต่อ่านโพย เตรียมคำตอบมาโดยไม่สนใจจะรับฟังปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง โทษคุณยิ่งลักษณ์ที่ไม่สามารถปิดช่องการทุจริต ปล่อยให้มีการโกงกิน ตรงนี้ต่างหากที่คุณทักษิณ ควรจะโทษกันเองในครอบครัว ไม่ต้องออกมาโทษผู้อื่นเพราะผลแห่งการอภิปรายที่เกิดขึ้นเกิดจากคุณยิ่งลักษณ์ และคุณทักษิณฯเองทั้งสิ้น และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศตาสว่าง และเห็นว่าสิ่งที่คุณทักษิณ คิด พรรคเพื่อไทยทำนั้นประเทศไทยวิบัติแน่นอน”นายชวนนท์กล่าว
**เพื่อไทยเต้น!ปัดแม้วไม่ได้สไกป์
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวปฏิเสธกรณีข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชิ โฟนอินเข้ามาในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ตำหนิการทำหน้าที่ของประธานและ สส.หญิง เพียงแต่โทรมาให้กำลังใจ สส. ในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่มีการอภิปราย และการลงมติไว้วางใจที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ นำไปขยายผลทางการเมือง โจมตี นายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ
** ซัดปู แถชี้แจงไม่สนใจคำถาม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ พบว่าการตอบคำถามของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในระหว่างการอภิปราย ฯ มี 3 ข้อ คือมีการตอบแบบเฉไฉ โดยเฉพาะกรณีที่นายกปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต นายกฯก็จะพยายามโยนให้ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบกระทรวงนั้นเป็นผู้ตอบแทน และ รัฐมนตรีที่มาตอบแทนนายกฯ นั้น ก็ไม่สามารถชี้แจงให้กระจ่างได้ มีการตอบเลี่ยงบาลี ในข้อกล่าวหาเรื่องการที่นายกปฏิเสธความรับผิดชอบในปัญหาต่างๆ ในบ้านเมือง และการตอบตามโพย โดยไม่สนใจข้อกล่าวหา ของฝ่ายค้าน แต่อย่างใด ซึ่งตนคิดว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแบบนี้ เพราะเนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยมีความสนใจการบริหารราชการแผ่นดินและบทบาทการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีอย่างแท้จริง ซึ่งตนก็หวังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้จะแก้ปัญหาข้อบกพร่องในการทำงานหลังจากที่ฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น
**ยื่นสอบตั้ง'ผู้ว่าฯรฟท.'ไม่ชอบ
ด้านนายนคร มาฉิม ส.ส .พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองกลาง กรณีการแต่งตั้งนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยนายนคร กล่าวว่า ตนได้ขอสงวนสิทธิที่จะมาดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายยื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งการที่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการะทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี เห็นชอบเสนอแต่งตั้งนายประภัสร์ เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้นเป็นคำสั่งและมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะขณะสมัครนายประภัสร์มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยเวลานั้นนายประภัสร์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ซึ่งเข้าข่ายเป็นข้าราชการการเมือง จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและดำเนินการ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว เพื่อที่จะได้ช่วยกันดำเนินการตรวจสอบ
** “สุกำพล”จวกปชป.ไม่แฟร์ซักฟอก
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงถึงข้อมูลที่ฝ่ายค้านหยิบมาโจมตี 3 ประเด็น คือ การทำผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติผิดกฎหมายและข้อบังคับกระทรวงกลาโหมในการแต่ง ตั้งนายทหารชั้นนายพล รวมถึงการกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการการแต่งตั้งของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายค้านได้มีการนำคลิปเสียงในระหว่างการประชุมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปเปิดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการตัดต่อเทป เพราะนำมาเปิดในเฉพาะช่วงที่ตนพูดเท่านั้น ทั้งนี้ตนเห็นว่า ที่มีการอัดเทประหว่างกรประชุมเป็นการกระทำที่ไม่น่าเชื่อว่านายทหารระดับสูงขนาดนั้นจะทำได้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทและผิดวินัยทางทหารอย่างร้ายแรง
“ส่วนตัวดูว่า การที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้ามาอภิปรายผม คงเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการที่ผมออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกจากราชการ ในเรื่องของใช้เอกสารเท็จในการเข้าเป็นทหาร นี่คือเรื่องสำคัญ”รมว.กลาโหม กล่าว
พล.อ.อ. สุกำพล กล่าวว่า ส่วนประเด็นของกองทัพเรือคัดเลือกบริษัทมาร์ซัน จำกัด ทำการต่อเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 553 ล้านบาท โดยใช้วิธีพิเศษนั้นไม่ถูกต้องจนถูกร้องเรียน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังตรวจ และ ประเด็นที่ 3 คือโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสินของกองทัพเรือ มีการเปลี่ยนแปลงระบบเป้าลวง จากระเบิด SAGEM เป็นระบบ TERMA โดย ที่ราคาทั้งสองระบบแตกต่างกันมากทำให้มีการทุจริต 1,000 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินจริง เพราะราคาจริงแค่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งการที่ฝ่ายค้านมาบอกว่าตนได้เงินทอนถึง 1,000 ล้านบาท ดูจะมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งการ พูดแบบนั้นเป็นการเอามันเท่านั้น แต่ทำให้ตนเสียหาย
“อย่างนี้มันไม่แฟร์ และเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องบอกว่า อภิปรายเรื่องอะไร เหมือนมวยชกกันว่า ชกที่ไหน อย่างไร แต่นี่บอกว่า ชกกัน แต่ไม่บอกว่า ชกที่ไหน อย่างไร มันไม่ถูก ถ้าแน่จริงจะเอาอย่างไรก็บอกกัน ผมขอปฏิเสธทั้ง 3 ข้อกล่าวหาล้วนไม่มีมูลความจริง แต่ทางฝ่ายยังสรุปเหมาว่าผมผิด และจะนำเรื่องไปร้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งผมก็พร้อมที่จะไปชี้แจง” พล.อ.อ.สุกำพล ระบุ
**รองปลัดไม่หนักใจปธ.สอบคลิป
พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางพล.อ.อ.สุกำพล ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยจากกรณีที่ฝ่ายค้านนำคลิปเสียงการประชุมแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมาเปิดในการอภิรายไม่ไว้วางใจทั้งหมด 18 คน โดยมีรองปลัดกระทรวงกลาโหม 4 คนเป็นกรรมการ และพล.ท.พินิจ ฉัตรเสถียรพงศ์ รองเจ้ากรมเสมียนตรา เป็นเลขา โดยกรอบการทำงานเป็นเรื่องของวินัยทั้งหมด
ส่วนกรณีพล.อ.เสถียร ก็จะมีทีมงานเจ้าหน้าที่ของกรมพระธรรมนูญอยู่เพื่อให้คำปรึกษาในรูปแบบวิธีว่า จะทำอย่างไรสำหรับท่านที่เกษียณไปแล้ว ทั้งนี้ระยะเวลาในการดำเนินการจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด
“แม้การสอบสวนครั้งนี้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตทม.14 ทั้งพล.อ.ชาตรี ทัตติ จเรทหารทั่วไป และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ผมก็ไม่หนักใจ”พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว
**ปัดข่าวปูไม่คุยกับส.ส.หญิงพท.
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตำหนิ ส.ส.หญิงของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเสียดสีในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงเรื่องนี้
ส่วนที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลได้ยืนตรวจสอบกรณีการพูดเสียดสีกันนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีกรรมการมาเป็นผู้ตัดสิน และอยากให้ทุกคนช่วยดูแลไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดเพราะนายกรัฐมนตรีไม่ค่อยได้พูดคุยกับส.ส.หญิง ในพรรคหรือไม่ น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า ส.ส.หญิงของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และทุกคนทราบดีว่านายกฯมีภารกิจมาก และนายกฯก็ได้พยายามที่จะหาโอกาสเชื่อความสัมพันธ์กับบรรดา ส.ส.หญิงในโอกาสต่างๆอยู่แล้ว
** ภท.บอยคอต “ชะวรลัทธิ์”กบฏ
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ชะวรลัทธิ์ ชินธรรมมิตร ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เป็นกบฏโหวตสวนมติพรรคในการลงมติที่ผ่านมาโดยอ้างว่ารถติดไม่ได้เข้าร่วมประชุมในช่วงเช้าก่อนการโหวตจึงไม่ทราบมติที่ออกมาว่า การโหวตสวนทางกับมติพรรคนั้น น.ส.ชะวรลัทธิ์ก็รู้เรื่องการนัดประชุมแล้วการมาบอกว่ารถติด แล้วกำลังจะเข้ามาในที่ประชุม จึงไม่ใช่การไม่รู้
จึงเป็นการฝ่าฝืนและเป็นการผิดวินัย ซึ่งการอยู่ร่วมกันในพรรค มติพรรคถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราคงไม่ขับออกจากพรรค แต่ก็เห็นว่านับจากนี้ไป พรรคภูมิใจไทยคงจะต้องคว่ำบาตรและไม่ร่วมสังฆกรรมกับน.ส.ชะวรลัทธิ์อีกต่อไป
**ปชช.อยากเห็นปูฟังอภิปรายด้วยตัวเอง
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,061 คน ในหัวข้อ "ประชาชนคิดอย่างไรต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล" พบว่า ประชาชนร้อยละ 55.7 เห็นว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านที่นำมาอภิปรายฯ ในครั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลเด็ดโดนใจ ขณะที่ร้อยละ 44.3 เห็นว่ามีข้อมูลเด็ดโดนใจ
สำหรับความเห็นต่อการตอบข้อซักถามของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 3 คนที่ถูกอภิปรายฯ ในครั้งนี้ว่าสามารถชี้แจงได้ชัดเจน/ตรงประเด็นหรือไม่ มีดังนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 41.1 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 37.7 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 43.0 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 34.8 พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณฑัต รมว.กลาโหมชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็น ร้อยละ 39.3 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 26.5 พล.ต.ท ชัจจ์ กุลดิลก รมช. มหาดไทย ชี้แจงไม่ชัดเจน /ไม่ตรงประเด็นร้อยละ 41.7 ชี้แจงได้ชัดเจน /ตรงประเด็น ร้อยละ 22.0
นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 44.5 ยังมีความเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรจะตอบหรือชี้แจง และรับฟังการอภิปรายฯ ด้วยตนเองให้มากกว่านี้ ขณะที่ร้อยละ 39.2 เห็นว่าตอบหรือชี้แจงและรับฟังการอภิปรายฯ ได้ดีอยู่แล้ว