“นคร มาฉิม” ส.ส.ปชป.ยื่นผู้ตรวจการฯ ตรวจสอบ ครม.ตั้ง “ประภัสร์” รั่งตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน วันนี้ (29 พ.ย.) นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองกลาง กรณีการแต่งตั้งนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายนครกล่าวว่า ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ยื่นถอดถอนรัฐมนตรีจากกรณีนี้เพราะว่า ครม.มีมติในวันที่ 12 พ.ย. คือหลังจากที่มีการยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ตนจึงได้แจ้งต่อพรรคขอไม่อภิปรายในประเด็นนี้ต่อไป และถอนเรื่องออกมา แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะมาดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายยื่นเรื่องต่อองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งการที่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการะทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี เห็นชอบเสนอแต่งตั้งนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น เป็นคำสั่งและมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะขณะสมัครเข้ารับการคัดเลือกนั้นนายประภัสร์มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยเวลานั้นนายประภัสร์ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ซึ่งเข้าข่ายเป็นข้าราชการการเมือง ที่กฎหมายกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้สมัคร
อีกทั้งนายประภัสร์ยังไม่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารในกิจการขององค์กรจนมีกำไรไม่น้อยกว่าปีละ 5 พันล้านบาท ตามที่กฎหมายกำหนดเป็นคุณสมบัติการลงสมัครที่นายประภัสร์อ้างว่าเคยเป็นผู้บริหารรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และมีผลงานการดำเนินงานโดยมีรายได้ช่วงปี 2548-2549 รวม 9,600 ล้านบาทเศษนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวนายประภัสร์มิได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย แต่มีตำแหน่งเพียงที่ปรึกษาการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเท่านั้น จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว เพื่อที่จะได้ช่วยกันดำเนินการตรวจสอบความโปร่งใสเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ด้านนายรักษเกชากล่าวว่า จะเร่งตรวจสอบคำร้องและเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา แต่เบื้องต้นหากเรื่องนี้มีการร้องต่อศาลปกครองแล้วกฎหมายกำหนดให้ผู้ตรวจต้องหยุดพิจารณาหรือไม่รับคำร้องจนกว่าศาลจะพิจารณาแล้วเสร็จ แต่ทั้งนี้จะตรวจสอบก่อนว่าประเด็นที่มีการยื่นต่อศาลเป็นเรื่องเดียวกับที่ยื่นผู้ตรวจหรือไม่