“ราเมศ” บี้ดีเอสไอยึดความถูกต้องคดีศาลอาญาชี้แดงตายจากทหารโดยคำสั่ง ศอฉ. ไล่ไปดู กม.ก่อนตั้งข้อหา อ้างศาลไม่ระบุ “อภิสิทธิ์-เทพเทือก” สั่งฆ่า แค่ระบุเหตุเสียชีวิต สวน “เหวง” เงียบปากศึกษา กม.ก่อนแถลง ซัดทำสังคมเข้าใจผิด เชื่อหวังยัดข้อหาเพื่อให้ร่วม กม.ปรองดอง ขู่เล่นงานพวกป่วนในศึกซักฟอก สวน “เรืองไกร” รับใช้ พท.จ้องเล่นงาน ปชป. ย้อน “นพดล” หาเสียงบอก “นช.แม้ว” คิด อภิปรายกลับห้ามพูด
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ศาลอาญามีคำสั่งในคดีชันสูตรการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ พลศรีลา ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่าเสียชีวิตจากทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ.ว่า เรื่องดังกล่าวตนขอเรียกร้องไปยังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยึดถือความถูกต้อง ความเป็นจริง เพื่อให้มีการปรับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้อง หากมีการปกปิดข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจผิด ตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมจะไม่ยุติธรรมอย่างแท้จริง
นายราเมศกล่าวต่อว่า ซึ่งการที่อธิบดีดีเอสไอออกมาระบุว่าเมื่อคำสั่งศาลอาญาออกมาแล้ว จะมีการตั้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งปฏิบัติการของ ศอฉ. ตนคิดว่าท่านเป็นอธิบดี ท่านน่าจะรู้กฎหมาย แต่สิ่งที่ท่านพูดออกมาแสดงให้เห็นว่า ไม่มีความรู้ทางกฎหมายอย่างแท้จริง ควรกลับไปดูว่าคำสั่งศาลที่ออกมาเป็นคำสั่งในคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่งศาลจะไต่สวนในประเด็นที่ว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อไหร่ เหตุของการตายคืออะไร ซึ่งศาลได้สั่งประเด็นไว้เท่านี้ และไม่มีประโยคไหนที่บอกว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เป็นคนสั่งให้ฆ่านายชาญณรงค์ ฉะนั้น คำสั่งศาลอาญาที่ออกมาเป็นการพิสูจน์การเสียชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำตามหลักเกณฑ์อย่างถูกต้องอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นจะมีการฟ้องกันไปมาอย่างไม่จบสิ้น
นายราเมศยังกล่าวถึงกรณีที่ นพ.เหวง โตจิการ แกนนำ นปช.แถลงว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพต้องรับผิดชอบนั้น ตนขอเรียนว่า นพ.เหวงอาจจะมีความรู้ความเข้าใจในการรักษาคน ควรที่จะกลับไปศึกษาเรื่องกฎหมายบ้าง หัดอ่าน หัดทำความเข้าใจว่าคนที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ คือ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองขณะนั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และคณะกรรมการใน ศอฉ.ทุกคนมีความเพียรพยายามที่จะรักษาความสงบในบ้านเมืองขณะนั้น ไม่มีใครที่จะไปสั่งฆ่าประชาชน ถึงแม้จะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันก็ตาม ตนคิดว่าตรงนี้ นพ.เหวงควรสงบคำพูดเอาไว้บ้าง ถ้าไม่เข้าใจอะไรอย่าแถลง เงียบดีกว่า เพราะถ้าแถลงออกมาสังคมจะเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งการที่ออกมาพูดแบบนี้ ทั้งที่กลุ่มของ นพ.เหวงเป็นที่มาของความวุ่นวายในการชุมนุมที่ผ่านมา และการพูดในลักษณะกดดันการทำงานของดีเอสไอ นพ.เหวงควรหยุดกระทำการแบบนี้ และปล่อยให้ดีเอสไอที่เป็นองค์กรยุติธรรมได้ดำเนินไปตามครรลองของกฎหมาย
“มีรายงานข่าวมาว่ารัฐบาลต้องการให้องคาพยพทั้งหมดเร่งให้มีการสรุปสำนวนเพื่อที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ในเร็ววันนี้ เหตุผลที่พูดประเด็นนี้ก็เพื่อที่จะให้ทันการเปิดสมัยการประชุมสภาที่เป็นสมัยนิติบัญญัติ เพราะกฎหมายปรองดองยังค้างอยู่ในสภา ก็จะประจวบเหมาะกับการที่จะต้องเร่งการตั้งข้อหาต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการออกกฎหมายปรองดองที่มีการตั้งธงกันเอาไว้” นายราเมศกล่าว
นอกจากนี้ นายราเมศยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามครรลองระบอบประประชาธิปไตย แต่ทั้งนี้ในสภามีการตีรวนเพื่อไม่ให้อภิปรายได้เต็มที่ เป็นการพยามยามเหวี่ยงประเด็นในการอภิปราย ที่เป็นการกระทำที่ไม่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดและพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบ
ส่วนการที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนา อดีต ส.ว.ร้องประธานสภาฯ กรณีนายนคร มาฉิม ส.ส.ประชาธิปัตย์ อภิปรายกล่าวหา พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทยนั้น ตนเห็นว่าที่ผ่านมานายเรืองไกรเคยร้องเรียนมากี่ประเด็นแล้ว และถูกยกไปกี่ประเด็น ซึ่งส่วนใหญ่ถูกยกเกือบทุกเรื่อง ตนเชื่อว่านายเรืองไกรเพียงรับลูกจากพรรคเพื่อไทยให้กลายเป็นประเด็นการเมืองเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาธิปัตย์
เช่นเดียวกับที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฟ้องร้องนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.ประชาธิปัตย์ ว่ากล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนในฐานะทีมกฎหมายพรรคพร้อมที่จะสู้จนถึง 3 ศาล ให้รู้ว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้วมีการขัดขวางตนยอมไม่ได้ นายนพดลลืมความถูกต้องทั้งที่เป็นเนติบัณฑิต ลืมระบบของรัฐสภาไทย ทั้งที่ตอนหาเสียงใช้คำว่าทักษิณคิด เพื่อไทยทำ แต่เมื่อจะอภิปรายกลับเอ่ยชื่อไม่ได้ ซึ่งหลายเรื่องต้องเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หากไม่เอ่ยข้อมูลที่เสนอก็ไม่ครบถ้วน