“สุกำพล” เชื่อมือ “สุรพงษ์” เซ็นรับเขตอำนาจศาลโลกไต่สวนเผาเมืองรอบคอบ เมิน “ประยุทธ์” ห่วงบอกแค่ความเห็น เผยนายกฯ เซ็นสั่งนั่งดูความมั่นคงแล้ว ด้านรองปลัด กห. ระบุเจ้ากระทรวงลงนามตั้งกรรมการสอบหนอนบ่อนไส้ส่งคลิปเสียงโยกบิ๊กทหารให้ฝ่ายค้านซักฟอกแล้ว พร้อมเช็กฝ่ายกฎหมายเล่น “เสถียร” ได้หรือไม่ ยันฟันให้เร็วที่สุด ไม่หนักใจสอบ ตท.14 รุ่นเดียวกัน
วันนี้ (29 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงข้อห่วงใยกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศเตรียมเซ็นลงนามเพื่อลงนามรับเขตอำนาจของศาลาอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เข้ามาไต่สวนการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพว่า เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย แต่คิดว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องทำอย่างรอบคอบและต้องปรึกษาหารือกับหลายฝ่ายหลายหน่วยงานก่อนที่จะตัดสินใจ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ได้ทำด้วยความสะใจ ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แสดงความไม่สบายใจต่อกรณีดังกล่าวนั้นถือเป็นความเห็นของ ผบ.ทบ.
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ตนดูแลงานด้านความมั่นคง สำหรับปัญหาในการดูแลความปลอดภัยของครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนมองว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดปัญหา ถ้าหากครูขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ไม่ออกนอกเส้นทาง เพราะการออกนอกเส้นทางถือเป็นความสุ่มเสี่ยงจนเป็นภัยต่อชีวิต ทั้งนี้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ความจริงมีเพียง 15% ของพื้นที่ทั้งหมด
ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทาง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยจากกรณีที่ฝ่ายค้านนำคลิปเสียงการประชุมแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารมาเปิดในการอภิรายไม่ไว้วางใจทั้งหมด 18 คน โดยมีรองปลัดกระทรวงกลาโหม 4 คนเป็นกรรมการ และ พล.ท.พินิจ ฉัตรเสถียรพงศ์ รองเจ้ากรมเสมียนตรา เป็นเลขาฯ โดยกรอบการทำงานเป็นเรื่องของวินัยทั้งหมด อะไรที่อยู่ในคำว่าวินัย ตรงนั้นตรวจสอบได้หมด ส่วนกรณีที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีทีมงานเจ้าหน้าที่ของกรมพระธรรมนูญอยู่เพื่อให้คำปรึกษาในรูปแบบวิธีว่าจะทำอย่างไรสำหรับท่านที่เกษียณไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎระเบียบ ทั้งนี้เบื้องต้นสิ่งที่เกิดขึ้น ตามที่เราได้รับข้อมูลมาว่ามีใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร มีเป็นกลุ่มแยกเป็นบุคคล ในหลักการต้องเชิญมาสอบปากคำทั้งหมด ซึ่งระยะเวลาในการดำเนินการจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีความเกี่ยวพันต่อเนื่องกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาใน 2-3 วันนี้
“คณะกรรมการมีหน้าที่ตรวจสอบค้นหาความจริง แล้วที่ประชุมทั้งหมดจะมีการเสนอต่อท่าน รมว.กลาโหม ที่แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ต่อไป หากพบความผิดคณะกรรมการจะต้องมาดูอีกว่า ด้วยความผิดในลักษณะนี้มีบทลงโทษอย่างไรแค่ไหน แม้การสอบสวนครั้งนี้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.14 ทั้ง พล.อ.ชาตรี ทัตติ จเรทหารทั่วไป และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ผมก็ไม่หนักใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีคำสั่งออกมาก็ต้องทำ ทั้งนี้ยังไม่สามารถพูดได้ว่าจะสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงจะต้องมีการปลดออกจากราชการหรือถอดยศหรือไม่ เพราะต้องมีการตรวจสอบดูว่าอะไรจริงหรือไม่จริงอีกครั้งหนึ่งก่อน” พล.อ.นิพัทธ์กล่าว