ASTV ผู้จัดการายวัน - “อินเตอร์ลิ้งค์” มั่นใจรายได้-กำไรปีนี้เข้าเป้า ปีหน้าโตเพิ่มอีก 30% ล่าสุดส่งบริษัทลูกเซ็นสัญญากับการรถไฟฯ วางโครงข่ายเคเบิลขนานราง เพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ เกือบ100% คาดได้ ซีทีเอซ เจ้าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกล่าสุดมาเป็นลูกค้าแน่ ผู้บริหารระบุได้ความชัดเจนในปีหน้า ขณะที่ผู้ถือหุ้นลุ้นลงทุนสูงอาจต้องเพิ่มทุน แต่ซีอีโอย้ำมีกำไรสะสมพร้อมใช้
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น หรือ (ILINK) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้รายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 1,500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แน่ ขณะที่ปี2556 บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30%โดยรวมมาจากธุรกิจงานขายส่ง(ดิสทริบิวชั่น) ที่ยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และงานด้านการวงโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการจัดจำหน่าย 80% และที่เหลือ 20% มาจากงานวิศวกรรม แต่ในอนาคตบริษัทเชื่อว่า สัดส่วนทางธุรกิจจุดนี้จะเปลี่ยนไป
"ในด้านงานดิสทริบิวชั่น เราเริ่มมองการขยายไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งได้เริ่มนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในหลายประเทศแล้ว ILINK ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทย ดังนั้นเป้าต่อไปผมมองไปที่การเข้าไปจำหน่ายสินค้า และรับงานของประเทศที่เจริญแล้วอย่างมาเลียเซีย และสิงคโปร์ด้วย ขณะที่ธุรกิจเคเบิลใต้น้ำ ล่าสุด เราได้ยื่นประมูลไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่มมีดอกาสชนะประมูลได้สูง นอกจากนี้ในปีหน้าเราเตรียมที่จะยื่นประมูลงานอีก 2,000 ล้านบาท หรือจำนวน 2 โครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) ในส่วนงานวิศวกรรม จำนวน 100 ล้านบาทที่จะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/55 "
ซีอีโอ ILINK กล่าวเพิ่มเติมถึงการขยายธุรกิจไปต่างประเทศว่า ขณะนี้ บริษัทได้ทยอยส่งสินค้าเกี่ยวกับโทรคมนาคม และไอทีเข้าไปจำหน่ายในพม่า และขณะนี้ได้มีดีลเลอร์ในพม่าเข้ามาเจรจาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในพม่า ซึ่งทุกอย่างยังอยู่ระหว่างการเจรจาและการศึกษา แต่ยอมรับในศักยภาพการเติบโตของพม่า ว่ายังมีอยู่สูง
นอกจากนี้ ในการเปิดเผยข้อมูลและแนวโน้มทางธุรกิจของ ILINK ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้บริหารของบริษัทได้นำเสนอแผนงานของILINK ในอนาคตด้วยเช่นกัน โดยพบว่านอกเหนือจากธุรกิจหลักด้านงานขายส่ง และธุรกิจงานวิศวกรรมแล้ว สิ่งที่บริษัทให้ความสนใจและกำลังเดินหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ คือ ธุรกิจการวางโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับโครงข่ายเคเบิลทีวี โดยมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายรายใหญ่ของประเทศ
โดยล่าสุด บริษัทได้มีการเซ็นสัญญา กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ในการวางโครงการไฟเบอร์ออฟติกขนานไปกับการรางรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้บริษัทมีโครงข่ายที่มีความปลอดภัยครอบเกือบทั่วประเทศ แต่ผู้บริหารยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในธุรกิจใหม่ได้มากนัก ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามได้ให้ความเชื่อมั่นว่าในอนาคตธุรกิจดังกล่าวที่ดำเนินการผ่านบริษัทลูก (บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม)จะมีสัดส่วนรายได้ที่สูงมากกว่าธุรกิจ ดิสทริบิวชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน ซึ่งคาดการดำเนินงานดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 2ปีถึงจะเสร็จสมบูรณ์
นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ว่า บริษัท ซีทีเอช โฮลดิ้ง จำกัด (CTH) ที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้ามาใช้บริการโครงการข่ายดังกล่าวของบริษัท ตามแผนธุรกิจที่นายวิชัย ทองแตงผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เคยกล่าวไว้ ซึ่งความชัดเจนต่างๆ น่าจะรู้ผลประมาณปีหน้า
ทั้งนี้ ระหว่างการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน พบว่า มีนักลงทุนบางส่วนอยากทราบแผนธุกริจของบริษัทต่อธุรกิจใหม่อย่างชัดเจน เพราะกังวลว่า บริษัทอาจต้องเพิ่มทุนเพื่อมาลงทุนในธุรกิจใหม่ แต่ทางซีอีโอ ILINK ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะจะมีผลต่อการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ยืนยันว่าสำหรับเงินลงทุนนั้นบริษัทมีความพร้อมในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยหากผู้ถือหุ้นพิจารณาจากที่ผ่านมา จะพบว่าILINK มีกำไรสะสมเก็บไว้ตลอดทุกปี เพื่อใช้ในการมองหาลู่ทางลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยในปี 2554 บริษัทมีกำไรสะสมอยู่กว่า 400 ล้านบาท
“อินเตอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน หากติดตามผลงานของเรามาตอลด ทุกคนจะพบว่า ทุกการลงทุนของเรา หามองไม่เห็นกำไร แล้วเราจะไม่ลงทุน เราต้องมั่นใจว่าเมื่อลงทุนไปแล้วต้องมีผลตอบรับที่แน่ชัดก่อน จากนั้นค่อยขยายเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ”
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น หรือ (ILINK) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้รายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 1,500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แน่ ขณะที่ปี2556 บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 30%โดยรวมมาจากธุรกิจงานขายส่ง(ดิสทริบิวชั่น) ที่ยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และงานด้านการวงโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากการจัดจำหน่าย 80% และที่เหลือ 20% มาจากงานวิศวกรรม แต่ในอนาคตบริษัทเชื่อว่า สัดส่วนทางธุรกิจจุดนี้จะเปลี่ยนไป
"ในด้านงานดิสทริบิวชั่น เราเริ่มมองการขยายไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งได้เริ่มนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในหลายประเทศแล้ว ILINK ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทย ดังนั้นเป้าต่อไปผมมองไปที่การเข้าไปจำหน่ายสินค้า และรับงานของประเทศที่เจริญแล้วอย่างมาเลียเซีย และสิงคโปร์ด้วย ขณะที่ธุรกิจเคเบิลใต้น้ำ ล่าสุด เราได้ยื่นประมูลไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่มมีดอกาสชนะประมูลได้สูง นอกจากนี้ในปีหน้าเราเตรียมที่จะยื่นประมูลงานอีก 2,000 ล้านบาท หรือจำนวน 2 โครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) ในส่วนงานวิศวกรรม จำนวน 100 ล้านบาทที่จะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/55 "
ซีอีโอ ILINK กล่าวเพิ่มเติมถึงการขยายธุรกิจไปต่างประเทศว่า ขณะนี้ บริษัทได้ทยอยส่งสินค้าเกี่ยวกับโทรคมนาคม และไอทีเข้าไปจำหน่ายในพม่า และขณะนี้ได้มีดีลเลอร์ในพม่าเข้ามาเจรจาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในพม่า ซึ่งทุกอย่างยังอยู่ระหว่างการเจรจาและการศึกษา แต่ยอมรับในศักยภาพการเติบโตของพม่า ว่ายังมีอยู่สูง
นอกจากนี้ ในการเปิดเผยข้อมูลและแนวโน้มทางธุรกิจของ ILINK ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้บริหารของบริษัทได้นำเสนอแผนงานของILINK ในอนาคตด้วยเช่นกัน โดยพบว่านอกเหนือจากธุรกิจหลักด้านงานขายส่ง และธุรกิจงานวิศวกรรมแล้ว สิ่งที่บริษัทให้ความสนใจและกำลังเดินหน้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ คือ ธุรกิจการวางโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้กับโครงข่ายเคเบิลทีวี โดยมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายรายใหญ่ของประเทศ
โดยล่าสุด บริษัทได้มีการเซ็นสัญญา กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ในการวางโครงการไฟเบอร์ออฟติกขนานไปกับการรางรถไฟทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้บริษัทมีโครงข่ายที่มีความปลอดภัยครอบเกือบทั่วประเทศ แต่ผู้บริหารยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในธุรกิจใหม่ได้มากนัก ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามได้ให้ความเชื่อมั่นว่าในอนาคตธุรกิจดังกล่าวที่ดำเนินการผ่านบริษัทลูก (บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม)จะมีสัดส่วนรายได้ที่สูงมากกว่าธุรกิจ ดิสทริบิวชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน ซึ่งคาดการดำเนินงานดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 2ปีถึงจะเสร็จสมบูรณ์
นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ว่า บริษัท ซีทีเอช โฮลดิ้ง จำกัด (CTH) ที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้ามาใช้บริการโครงการข่ายดังกล่าวของบริษัท ตามแผนธุรกิจที่นายวิชัย ทองแตงผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เคยกล่าวไว้ ซึ่งความชัดเจนต่างๆ น่าจะรู้ผลประมาณปีหน้า
ทั้งนี้ ระหว่างการให้ข้อมูลแก่นักลงทุน พบว่า มีนักลงทุนบางส่วนอยากทราบแผนธุกริจของบริษัทต่อธุรกิจใหม่อย่างชัดเจน เพราะกังวลว่า บริษัทอาจต้องเพิ่มทุนเพื่อมาลงทุนในธุรกิจใหม่ แต่ทางซีอีโอ ILINK ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก เพราะจะมีผลต่อการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ยืนยันว่าสำหรับเงินลงทุนนั้นบริษัทมีความพร้อมในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยหากผู้ถือหุ้นพิจารณาจากที่ผ่านมา จะพบว่าILINK มีกำไรสะสมเก็บไว้ตลอดทุกปี เพื่อใช้ในการมองหาลู่ทางลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยในปี 2554 บริษัทมีกำไรสะสมอยู่กว่า 400 ล้านบาท
“อินเตอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน หากติดตามผลงานของเรามาตอลด ทุกคนจะพบว่า ทุกการลงทุนของเรา หามองไม่เห็นกำไร แล้วเราจะไม่ลงทุน เราต้องมั่นใจว่าเมื่อลงทุนไปแล้วต้องมีผลตอบรับที่แน่ชัดก่อน จากนั้นค่อยขยายเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ”