บริษัท เคเบิล ไทยโฮลดิ้ง จำกัด หรือ ซีทีเอช (CTH) ยืนยันถ่ายทอดสดครบ 380 แมตช์ตลอดฤดูกาลแน่นอน หลังคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ มาครองเป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมเพิ่มลูกเล่นใหม่ ดิจิตอล บรอดแบนด์ (Digital Broadband)
วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน 2555 เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.ณ โรงพยาบาลพญาไท 2 นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการบริษัท เคเบิล ไทยโฮลดิ้ง จำกัด หรือ ซีทีเอช (CTH) ผู้ผลิตช่องรายการทีวี โดยขายให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก หรือเคเบิลท้องถิ่น และ นายวัชร วัชรพล ทายาทหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ฤดูกาล 2013/2014 - 2015/2016 ตลอด 380 นัดทุกฤดูกาล
นายวิชัย ได้กล่าวถึงการตัดสินใจลงร่วมประมูลคว้าลิขสิทธิ์ในครั้งนี้ ว่า “ถือเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเราและคนไทยทั้งประเทศ เพราะมี 4-5 บริษัทที่ยื่นประมูล และหนึ่งในนั้นมีบริษัทจากมาเลเซียรวมอยู่ด้วย จึงหมายความว่า ซีทีเอช สามารถทำให้คอนเทนต์นี้กลับมาอยู่ในประเทศไทยอีกครั้ง โดยมีทาง คุณจูเนียร์ (วัชร วัชรพล) เป็นผู้เดินทางไปประมูลด้วยตนเอง ซึ่งเราจะได้ลิขสิทธิ์ครอบคลุมไปถึงประเทศ กัมพูชา และ ลาว โดยเราจะนำเสนอในรูปแบบ ดิจิตอล บรอดแบนด์ (Digital Broadband) แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นการลากสายไซเบอร์เข้าถึงบ้านได้เลย จึงสามารถมีลูกเล่นแบบสื่อสาร 2 ทาง ถึงผู้รับได้โดยตรงในทันที ระหว่างชมการถ่ายทอดสดหลายรูปแบบ”
“เรามองเห็นว่า เคเบิลท้องถิ่นจะต้องมีการปรับตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยสัญญาณของ ซีทีเอช จะกระจายได้ทั่วประเทศ 900 อำเภอ 77 จังหวัด ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแข็งที่ทาง อีพีแอล มองเห็น ปัจจุบันเรามีฐานผู้ชมประมาณ 3.5 ล้านครัวเรือน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านครัวเรือน ภายใน 3 ปี และแน่นอนว่า จอไม่ดำ ขั้นตอนต่อจากนี้เราจะมีการประชุมแผนการตลาดอีกครั้ง เพื่อที่จะหาคอนเทนต์อื่นๆ มาเสริม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยจะเพิ่มช่องทางเพื่อรองรับกว่า 120 ช่อง ส่วนแผนการตลาดที่วางไว้คร่าวๆ ในตอนนี้จะเป็นการขายกล่องบอกรับสมาชิกแบบรายเดือน ปัจจุบันค่าบริการรายเดือนจะอยู่ที่ 300-350 บาท แต่หลังจากนี้จะต้องรอแผนการตลาดที่แน่นอนก่อนว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งลูกค้าเก่าอาจจะได้ในราคาที่ต่ำที่สุด” ทนายชื่อดังร่ายยาว
พร้อมกันนี้ นักลงทุนตัวยงในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ ยังเผยถึงที่มาของงบประมาณในการประมูลครั้งนี้ ว่า เป็นงบประมาณส่วนตัว บวกกับการกู้จากธนาคาร 3 สถาบัน แต่เชื่อว่าเป็นการลงทุนที่รอบคอบ และจะคุ้มทุนภายใน 3 ปีแน่นอน
ด้าน นายวัชร เผยว่า จากนี้จะมีการเพิ่มช่องสัญญาณขึ้น เพื่อรองรับการถ่ายทอดสดทั้ง 380 แมตช์ “เราจะมีช่องสัญญาณในการออกอากาศครบทั้ง 380 แมตช์แน่นอน โดยคร่าวๆ จะเพิ่มช่อง อีพีแอล เป็น 8 ช่อง โดยเป็นระบบไฮเดฟฟินิชัน (HD) จำนวน 4 ช่อง แต่สำหรับนัดสุดท้ายที่แข่งพร้อมกัน เราก็จะทำการเพิ่มเป็น 10 ช่อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องรายละเอียดด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็น ค่าบริการ หรือ คอนเทนต์ที่จะเพิ่มขึ้น คาดว่า น่าจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า รวมถึงช่องทางการออกอากาศผ่านฟรีทีวี ที่เราต้องแบ่งให้แน่นอนตามกฎของอีพีแอล แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ากี่นัด สำหรับคนพากย์จะใช้ทีมงานจาก สยามกีฬา ส่วนเรื่องรายจ่ายที่ผู้บริโภคต้องเสีย เพื่อการรับชมเมื่อเทียบกับปัจจุบันนั้น ผมไม่ขอพูดถึงรอให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า”