หากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาย้ำตลอดเวลาว่า การขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) จำนวน 7.32 ล้านตัน มีจริง แต่เปิดเผยไม่ได้ เพราะผู้ซื้อไม่ต้องการให้เปิดเผย หรือหากเปิดเผยไป เกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อผู้ซื้อที่อาจจะมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ
ผู้ซื้อที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยตัวตัวตนดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดคำถามมากมายว่า เขาคือใคร?
กระทรวงพาณิชย์ ได้เฉลยไว้ในเบื้องต้นว่า คือ อินโดนีเซีย โกตดิวัวร์ บังคลาเทศ และจีน
จากนั้นได้มีการนำไปขยายความต่อว่า การขายจีทูจีไม่มีจริง เพราะตัวเลขการส่งออกไม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ซื้อข้าวจีทูจีจากไทย มีสถิติการนำเข้าข้าวจากไทยจนถึงเดือนต.ค.2555 รวมกัน 4 ประเทศเพียงแค่ 5.8 แสนตัน ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ระบุไว้ว่า มีการส่งมอบข้าวจีทูจีให้กับ 4 ประเทศไปแล้ว 1.46 ล้านตัน
ข้าว 8.8 แสนตัน ล่องหนหายไปเฉยๆ แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า มีการส่งออกไปแล้วจริงๆ และยังคุยต่อว่า อีก 3 เดือนจะทยอยส่งมอบได้อีก 3 แสนตัน รวมทั้งปีจะส่งมอบจีทูจีได้ 1.8-1.9 ล้านตัน สวนทางสถิติการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์เป็นคนเก็บสถิติเอง
ไม่เพียงแค่นั้น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชนประมาณกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ตัดตอนใจความในส่วนของจีทูจีได้ความว่า
ผู้สื่อข่าวถาม - มีกระแสข่าวว่าที่เปิดเผยจีทูจีครั้งนี้ไม่ได้เพราะมีการขายข้าวให้บริษัทแล้วก็เวียนขายข้าวในประเทศ
นายบุญทรงตอบ - ไม่จริง แล้วคนกล่าวหาก็ไม่มีหลักฐานด้วย ผมยืนยันว่าไม่จริง คือ การขาย เราขายมีสัญญาซื้อขายกับประเทศผู้ซื้อ ประเทศผู้ซื้อเขาก็มีการเปิดแอล/ซีมาให้กับเราที่กรมการค้าต่างประเทศ ก็เป็นแอล/ซีที่มาจากต่างประเทศหมดเลย ไม่มีการผ่านมือใครเลย แล้วเป็นเช่นนี้ เขาเอาเงินให้เราแล้วเขาไม่ได้ข้าว เขาก็ต้องฟ้องประเทศไทย ถ้าคนกล่าวหามีหลักฐาน ก็เอาหลักฐานมาแสดงเลยว่าผมไปเอื้ออะไรให้ใคร เพราะผมไม่รู้จักใครเลย เขาพยายามที่จะเชื่อมโยงมั่วไปหมด เอาไปเชื่อมโยงกับท่านทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บ้าง มั่วไปหมด อะไรที่จินตนาการมากล่าวหากันได้ ก็เอามาเล่นงานกัน เขาเอาเรื่องนี้มาเล่นเป็นประเด็นการเมืองไปหมดแล้ว
และนั่น คือ ใบเสร็จ ที่จะย้อนกลับมามัดนายบุญทรงและรัฐบาลในวันนี้
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พ.ย.2555 การอภิปรายของน.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ได้พูดชัด ไม่มีการเปิดแอล/ซี ซื้อข้าวจากรัฐบาลต่างประเทศ มีแต่การตั้งบริษัท “ผี” ตั้งบริษัท “นอมินี” ซื้อข้าวไปขายเวียนเทียนในประเทศ
หมอวรงค์ขยายความว่า บริษัทจีนที่ว่าเป็นคู่สัญญาจีทูจี ก็ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า แต่มีชื่อว่า GSSG, IMP, ANDEXP.CORP ขั้นตอนการปล้นชาติปล้นแผ่นดิน กรมการค้าต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเบิกข้าวจากโกดังรัฐบาล แล้วส่งข้าวให้กับนายรัฐนิธ โสถิรกุล ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัทจีน คนๆ นี้เป็นผู้ช่วยส.ส.ลำดับที่ 3 ของนางรพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยานายอริสมันต์ แกนนำคนเสื้อแดง จากนั้นนายรัฐนิธได้มอบอำนาจต่อให้นายนิมล รักดี ซึ่งคนๆ นี้เป็นคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง เจ้าของบริษัท เพรสซิเด้นอะกริ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ผูกขาดตลาดข้าวในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และวันนี้ได้กลายร่างมาเป็นบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ไปรับข้าวจากโกดังรัฐบาลอีกที
สำหรับข้าวที่ขนออกจากโกดังรัฐบาลออกไป แทนที่จะนำไปปรับปรุงสภาพก่อนส่งออก แต่ข้าวกลับถูกส่งขึ้นไปเก็บไว้ที่โกดังใน จ.นครสวรรค์ ก่อนถูกส่งขึ้นเหนือเพื่อนำไปเวียนเทียน ถูกนำไปเร่ขายให้กับพ่อค้า โรงสี แบบว่า ของไป เงินมา
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ก็แก้ต่างในประเด็นนี้อีกว่า การขายข้าวถือว่าจบขั้นตอน เพราะเป็นการขายหน้าคลัง ผู้ซื้อจะแต่งตั้งใครมารับข้าว รับแล้วข้าวไปไหน ไม่สามารถรู้ได้ แต่กระทรวงพาณิชย์รู้เพียงว่า จะได้เงินจากการขายข้าวแน่นอน
หมอวรงค์กล่าวในประเด็นนี้ว่า การขายข้าวหน้าคลัง โดยอ้างจีทูจี ได้ขายในราคาต่ำจนน่าตกใจ เพราะคนซื้อไป สามารถทำกำไรได้ทันทีกระสอบละ 300 บาท หรือได้เงินขั้นต่ำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบบัญชีข้าวของรัฐบาล ซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ของกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า เงินที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นเงินเบี้ยหัวแตก กล่าวคือ เป็นการจ่ายเงินเข้ามาทั้งแคชเชียร์เช็ค เงินโอนจากหลายธนาคาร แต่ไม่มีเงินที่มาจากการเปิดแอล/ซี นั่นแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการขายจีทูจี เพราะคนที่มารับข้าวออกจากโกดัง ได้นำข้าวไปขายต่อ เมื่อได้เงิน
ก็นำมาจ่ายเป็นค่าข้าวให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เป็นครั้งๆ ไป จนกว่าจะครบตามจำนวนราคาที่ขาย ซึ่งหลังจากที่กรมการค้าต่างประเทศรวมเงินได้ก้อนใหญ่ ก็ทำการเบิกออกมาแล้วส่งคืนเข้าคลังรัฐบาล เพื่อแสดงว่า ได้เงินจากการขายข้าวจริง แต่เลี่ยงที่จะตอบว่า ได้เงินจากการเปิดแอล/ซีจริงหรือไม่
กระบวนการทั้งหมดนี้ คือ ใบเสร็จชั้นดี ที่สามารถใช้มัดรัฐบาลในการขายข้าวจีทูจีที่อุปโลกน์ขึ้นมา จากการอาศัยช่องว่างในการหากินกับการขายข้าว ฟันเงินเข้ากระเป๋าของตัวเองและพวกพ้อง
ผู้ซื้อที่ไม่ต้องการให้เปิดเผยตัวตัวตนดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดคำถามมากมายว่า เขาคือใคร?
กระทรวงพาณิชย์ ได้เฉลยไว้ในเบื้องต้นว่า คือ อินโดนีเซีย โกตดิวัวร์ บังคลาเทศ และจีน
จากนั้นได้มีการนำไปขยายความต่อว่า การขายจีทูจีไม่มีจริง เพราะตัวเลขการส่งออกไม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ซื้อข้าวจีทูจีจากไทย มีสถิติการนำเข้าข้าวจากไทยจนถึงเดือนต.ค.2555 รวมกัน 4 ประเทศเพียงแค่ 5.8 แสนตัน ทั้งๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ระบุไว้ว่า มีการส่งมอบข้าวจีทูจีให้กับ 4 ประเทศไปแล้ว 1.46 ล้านตัน
ข้าว 8.8 แสนตัน ล่องหนหายไปเฉยๆ แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังคงยืนยันกระต่ายขาเดียวว่า มีการส่งออกไปแล้วจริงๆ และยังคุยต่อว่า อีก 3 เดือนจะทยอยส่งมอบได้อีก 3 แสนตัน รวมทั้งปีจะส่งมอบจีทูจีได้ 1.8-1.9 ล้านตัน สวนทางสถิติการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์เป็นคนเก็บสถิติเอง
ไม่เพียงแค่นั้น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชนประมาณกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ตัดตอนใจความในส่วนของจีทูจีได้ความว่า
ผู้สื่อข่าวถาม - มีกระแสข่าวว่าที่เปิดเผยจีทูจีครั้งนี้ไม่ได้เพราะมีการขายข้าวให้บริษัทแล้วก็เวียนขายข้าวในประเทศ
นายบุญทรงตอบ - ไม่จริง แล้วคนกล่าวหาก็ไม่มีหลักฐานด้วย ผมยืนยันว่าไม่จริง คือ การขาย เราขายมีสัญญาซื้อขายกับประเทศผู้ซื้อ ประเทศผู้ซื้อเขาก็มีการเปิดแอล/ซีมาให้กับเราที่กรมการค้าต่างประเทศ ก็เป็นแอล/ซีที่มาจากต่างประเทศหมดเลย ไม่มีการผ่านมือใครเลย แล้วเป็นเช่นนี้ เขาเอาเงินให้เราแล้วเขาไม่ได้ข้าว เขาก็ต้องฟ้องประเทศไทย ถ้าคนกล่าวหามีหลักฐาน ก็เอาหลักฐานมาแสดงเลยว่าผมไปเอื้ออะไรให้ใคร เพราะผมไม่รู้จักใครเลย เขาพยายามที่จะเชื่อมโยงมั่วไปหมด เอาไปเชื่อมโยงกับท่านทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บ้าง มั่วไปหมด อะไรที่จินตนาการมากล่าวหากันได้ ก็เอามาเล่นงานกัน เขาเอาเรื่องนี้มาเล่นเป็นประเด็นการเมืองไปหมดแล้ว
และนั่น คือ ใบเสร็จ ที่จะย้อนกลับมามัดนายบุญทรงและรัฐบาลในวันนี้
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พ.ย.2555 การอภิปรายของน.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ได้พูดชัด ไม่มีการเปิดแอล/ซี ซื้อข้าวจากรัฐบาลต่างประเทศ มีแต่การตั้งบริษัท “ผี” ตั้งบริษัท “นอมินี” ซื้อข้าวไปขายเวียนเทียนในประเทศ
หมอวรงค์ขยายความว่า บริษัทจีนที่ว่าเป็นคู่สัญญาจีทูจี ก็ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า แต่มีชื่อว่า GSSG, IMP, ANDEXP.CORP ขั้นตอนการปล้นชาติปล้นแผ่นดิน กรมการค้าต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพเบิกข้าวจากโกดังรัฐบาล แล้วส่งข้าวให้กับนายรัฐนิธ โสถิรกุล ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัทจีน คนๆ นี้เป็นผู้ช่วยส.ส.ลำดับที่ 3 ของนางรพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยานายอริสมันต์ แกนนำคนเสื้อแดง จากนั้นนายรัฐนิธได้มอบอำนาจต่อให้นายนิมล รักดี ซึ่งคนๆ นี้เป็นคนใกล้ชิดเสี่ยเปี๋ยง เจ้าของบริษัท เพรสซิเด้นอะกริ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ผูกขาดตลาดข้าวในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และวันนี้ได้กลายร่างมาเป็นบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ไปรับข้าวจากโกดังรัฐบาลอีกที
สำหรับข้าวที่ขนออกจากโกดังรัฐบาลออกไป แทนที่จะนำไปปรับปรุงสภาพก่อนส่งออก แต่ข้าวกลับถูกส่งขึ้นไปเก็บไว้ที่โกดังใน จ.นครสวรรค์ ก่อนถูกส่งขึ้นเหนือเพื่อนำไปเวียนเทียน ถูกนำไปเร่ขายให้กับพ่อค้า โรงสี แบบว่า ของไป เงินมา
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ก็แก้ต่างในประเด็นนี้อีกว่า การขายข้าวถือว่าจบขั้นตอน เพราะเป็นการขายหน้าคลัง ผู้ซื้อจะแต่งตั้งใครมารับข้าว รับแล้วข้าวไปไหน ไม่สามารถรู้ได้ แต่กระทรวงพาณิชย์รู้เพียงว่า จะได้เงินจากการขายข้าวแน่นอน
หมอวรงค์กล่าวในประเด็นนี้ว่า การขายข้าวหน้าคลัง โดยอ้างจีทูจี ได้ขายในราคาต่ำจนน่าตกใจ เพราะคนซื้อไป สามารถทำกำไรได้ทันทีกระสอบละ 300 บาท หรือได้เงินขั้นต่ำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบบัญชีข้าวของรัฐบาล ซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ของกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า เงินที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นเงินเบี้ยหัวแตก กล่าวคือ เป็นการจ่ายเงินเข้ามาทั้งแคชเชียร์เช็ค เงินโอนจากหลายธนาคาร แต่ไม่มีเงินที่มาจากการเปิดแอล/ซี นั่นแสดงให้เห็นว่า ไม่มีการขายจีทูจี เพราะคนที่มารับข้าวออกจากโกดัง ได้นำข้าวไปขายต่อ เมื่อได้เงิน
ก็นำมาจ่ายเป็นค่าข้าวให้กับกรมการค้าต่างประเทศ เป็นครั้งๆ ไป จนกว่าจะครบตามจำนวนราคาที่ขาย ซึ่งหลังจากที่กรมการค้าต่างประเทศรวมเงินได้ก้อนใหญ่ ก็ทำการเบิกออกมาแล้วส่งคืนเข้าคลังรัฐบาล เพื่อแสดงว่า ได้เงินจากการขายข้าวจริง แต่เลี่ยงที่จะตอบว่า ได้เงินจากการเปิดแอล/ซีจริงหรือไม่
กระบวนการทั้งหมดนี้ คือ ใบเสร็จชั้นดี ที่สามารถใช้มัดรัฐบาลในการขายข้าวจีทูจีที่อุปโลกน์ขึ้นมา จากการอาศัยช่องว่างในการหากินกับการขายข้าว ฟันเงินเข้ากระเป๋าของตัวเองและพวกพ้อง