xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อจีนไม่ร่วมเล่นเกมขายข้าวจีทูจีเอาหน้ารอด ไม่ยอมให้รัฐบาลยืมมือมา แหกตาŽคนไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือในการซื้อขายข้าวระหว่างจีนกับไทยที่ลงนามโดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย กับนายฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คือความสำเร็จของไทยที่สามารถขายข้าวในแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจีให้กับจีนได้มากถึง 5 ล้านตันแล้วละก็ นายบุญทรงก็คงไม่ต้องหลบเลี่ยงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยตนเอง มีแต่จะต้องตั้งโต๊ะประโคมข่าวกันให้เอิกเกริก ปิดปากพวกปากหอยปากปูที่กล่าวหาว่ารัฐบาลขายข้าวไม่ออก การระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นเรื่องโกหกให้สนิท

แต่เพราะการลงนามเอ็มโอยูในวันนั้น เป็นเพียงพิธีกรรม เพื่อรักษาหน้าฝ่ายไทย ที่ชิงออกข่าวล่วงหน้าไปก่อนถึงสองสัปดาห์ว่าจีนจะซื้อข่าวไทยปีละ 5 ล้านตัน ในเอ็มโอยูไม่มีการระบุเลยว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยเท่าไร เอ็มโอยูขายข้าวไทยจีนจึงมีแต่ลม และทำให้นายบุญทรง ไม่กล้าแถลงข่าว ต้องโยนให้รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต ในฐานะโฆษกข้าวประจำกระทรวงพาณิชย์รับหน้าเสื่อแทน

นายทิฆัมพรอธิบายว่า สาเหตุที่ไม่ระบุปริมาณและระยะเวลาส่งมอบก็เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย เพราะการระบุปริมาณอาจเป็นการมัดคอคนทำงาน เนื่องจากจีนอาจซื้อข้าวไทยต่ำกว่าปริมาณที่ระบุไว้ หรืออาจทำให้ประเทศผู้ส่งออกอื่นกล่าวหาได้ว่าทำไมไม่ซื้อจากเขาบ้าง และไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไม่กำหนดปริมาณแล้ว จีนจะไม่นำเข้าเพราะว่าเอ็มโอยูเป็นการลงนามโดยรัฐมนตรีของ 2 ประทเศโดยมีนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศเป็นพยาน

นับวันข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่กี่ยวข้องกับเรื่องข้าว นับตั้งแต่ปลัดกระทรวงลงมาจะโกหกเป็นน้ำไหลไฟดับได้คล่องปาก เจริญรอยตามปลัดกระทรวงคนก่อนซึงเป็นคนโกหกคนแรกด้วยคำพูดที่ว่า เราจะรอให้ประเทศอื่นขายข้าวให้หมดก่อน แล้วจึงขายข้าวของเราในราคาที่เราเป็นผู้กำหนด

กระทรวงพาณิชย์ตั้งใจจะใช้โอกาสที่นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20 และ 21 พฤศจิกายน กลบปัญหาข้าวไทยขายไม่ออก เพราะรับจำนำในราคาที่สูงกว่าตลาดโลกมาก โดยขอให้จีนเซ็นเอ็มโอยูซื้อข้าวจากไทยปีละ 5 ล้านตัน ระหว่างปี 2556-2558

นายบุญทรงนำร่างเอ็มโอยู เข้าที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเสนอเป็นวาระจรใ ห้ ครม.อนุมัติ นายบุญทรงอ้างว่า เป็นเรื่องเร่งด่ว น เพราะนายกรัฐมนตรีจีนกำลังจะเดินทางมาเยือนไทย

แต่แล้ว เอ็มโอยูที่ผ่าน ครม.เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนก็ถูกฉีกทิ้ง หลังจากส่งไปให้ทางฝ่ายจีนดู เพราะทางจีนไม่ต้องการถูกไทยผูกมัดว่าต้องซื้อข้าวปีละ 5 ล้านตัน นายบุญทรงจึงต้องเสนอร่างเอ็มโอยูใหม่ให้ ครม.อนุมัติในวันที่ 20 พฤศจิกายน ก่อนหน้านายเวิน เจียเป่า เดินทางมาไทยเพียง 1 วัน


ร่างเอ็มโอยู.ฉบับแก้ไขใหม่นี้ไม่มีการระบุปริมาณข้าวที่จีนจะซื้อจากไทยไม่มีการระบุว่าจะซื้อเมื่อไร มีแต่ถ้อยคำหรูๆ ตามแบบแผนทางการทูต ทำนองว่าคู่ภาคีมีความยินดีที่จะสนับสนุนการพัฒนาการค้าข้าวทวิภาคีให้เป็นไปอย่างดี และมั่นคงบนพื้นฐานของการหารือร่วมกันฉันมิตร การพึ่งพาอาศัย และผลประโยชน์ร่วมกันฯ

สำนักข่าวรอยเตดร์นำเสนอข่าวการเซ็นเอ็มโอยูครั้งนี้ว่า ความจริงคือยังไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับการขายข้าวใดๆ เลย

"รัฐบาลไทยต้องการให้ผู้คนเชื่อว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นและพวกเขาดิ้นรน ต้องการให้การส่งออกเกิดขึ้นให้ได้" รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของเทรดเดอร์รายหนึ่งในตลาดโภคภัณฑ์นานาชาติ ที่มีฐานอยู่ในสิงคโปร์

"มันเป็นแค่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง" เทรดเดอร์คนหนึ่งในกรุงเทพฯ บอกกับรอยเตอร์ "รัฐบาลไทยต้องการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถจัดการสต๊อกข้าวได้ แม้ว่าพวกเขายังไม่สามารถขายข้าวผ่านข้อตกลงใดๆ ของรัฐได้เลย"

รอยเตอร์ยังท้าวความว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของไทยเคยออกมาคุยว่าได้ขายข้าวแก่ผู้ซื้อสำคัญๆ ไปหลายราย แต่เหล่าผู้นำเข้าเหล่านั้นล้วนแต่ออกมาปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็พบข้อมูลว่ารัฐบาลไทยขายข้าวได้เพียงกองเล็กๆ อาทิ แก่ไอวอรีโคสต์ จำนวน 240,000 ตัน ขณะที่ผลของการเสนอขาย 586,000 ตัน ยังไม่มีถ้อยแถลงถึงความคืบหน้า

ในเดือนกันยายน บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อ้างว่าไทยได้ลงนามในสัญญาขายข้าว 7.3 ล้านตัน แก่ชาติต่างๆ ทว่า อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ สองประเทศที่ถูกพาดพิงก็ออกมาปฏิเสธในทันที

9 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าข้าว 1.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 285.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ทั้งหมดเป็นการนำเข้าข้าวเวียดนาม กัมพูชาและพม่า เพราะราคาข้าวของประเทศเหล่านี้มีราคาถูกกว่าข้าวไทยเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยเฉพาะข้าวขาว

เอ็มโอยูฉบับที่เซ็นกันไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่า จีนจะซื้อข้าวไทยแบบรัฐต่อรัฐ แต่มีเนื้อหาว่า

“คู่ภาคีจะส่งเสริมสนับสนุนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนทุกรูปแบบในการผลักดันการค้าข้าวแบบทวิภาคี และแสวงหาตลาดข้าวระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ของตลาด ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนของแต่ละประเทศ ให้มีการจัดการและแก้ปัญหาทางธุรกิจในด้านการค้าข้าวอย่างเหมาะสมบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน และสอดคล้องกับสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ...”

แปลไทยเป็นไทยว่า จีนจะไม่ซื้อข้าวจากไทยในแบบรัฐต่อรัฐ แต่จะให้รัฐวิสาหกิจและเอกชนของจีนติดต่อเจรจาซื้อข้าวจากไทยเอง และการซื้อขายข้าวนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ของตลาด ซึ่งหมายความว่า จะซื้อจากใครจะดูราคาตลาดเป็นหลัก

เอ็มโอยู ขายข้าวระหว่างไทย- จีนจึงไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นเพียงความพยายามของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ที่จะจับมือจีนมา แหกตาคนไทยเท่านั้น แต่รัฐบาลจีนไม่เล่นด้วย ไม่ยอมถูกรัฐบาลไทยใช้เป็นเครื่องมือมาหลอกคนไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น