รอง คต.แจง กมธ.ยันทำเอ็มโอยูขายข้าวแล้ว 8 ล้านตัน อ้างปัดแจงเหตุสัญญาแต่ละประเทศต่างกัน ชี้ไทยตกอันดับส่งออกข้าวจริง แต่มูลค่ายังอันดับ 1 ของโลก โวขายไม่ตัดราคา “วิชาญ” ข้องใจ รบ.ปิดข้อมูลจีทูจี ยันไม่น่าเป็นเรื่องลับ จี้ กมธ.เรียก “บุญทรง” แจง “บรรชา” รับปากลองเชิญ แต่ปัดลุยเรื่อง กม.หวั่นมีปัญหา
วันนี้ (31 ต.ค.) ในการประชุมคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ที่มีนายนายบรรชา พงศ์อายุกูล ส.ว.พิจิตร เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิต 2554/2555 ซึ่ง กมธ.ส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลการระบายข้าวออกนอกประเทศ
นายฑิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า ขณะนี้มีการทำเอ็มโอยูมีทั้งหมด 8 ล้านตัน ทำสัญญาไปแล้ว 7 ล้านตัน ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ ไอเวอร์รีโคสต์ และจีน ซึ่งในส่วนของจีน อินโดนีเซีย และไอเวอร์รีโคสต์ ได้ทำสัญญาซื้อขายกับไทยแล้ว ระหว่างนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาทำให้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะการทำสัญญากับแต่ละประเทศมีเงื่อนไขไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่แตกต่างกันตามความสัมพันธ์ของไทยกับแต่ละประเทศ ล่าสุดได้ส่งมอบไปแล้วมากกว่า 1 ล้านตัน และจะส่งมอบให้อีกในเดือน พ.ย.-ธ.ค.อีกประมาณ 3 แสนตัน และในปี 2556 มีภาระต้องส่งมอบอีกราว 5 ล้านตัน
นายฑิฆัมพรกล่าวอีกว่า ข้อมูล ณ วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ไทยมีปริมาณการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนามจริง แต่ในทางกลับกันมูลค่าการส่งออกของไทยมีอันดับสูงที่สุดโดยมีมูลค่าประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อินเดียและเวียดนามมีมูลค่าต่ำกว่าไทยค่อนข้างมาก คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คือ ไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงกว่าเวียดนาม 30% สูงกว่าอินเดีย 14% มูลค่าการส่งออกของเรายังอยู่ในเกณฑ์ที่สูงถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆเพราะว่าไทยไม่ได้ขายข้าวตัดราคาแข่งกับประเทศอื่นๆ ทำให้ราคาข้าวไทยยังอยู่ในเกณฑ์สูงมาก
นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวแสดงความไม่พอใจว่า ทำไมภาครัฐถึงปกปิดข้อมูลการซื้อขายแบบจีทูจี ทั้งที่เป็นประเด็นสาธารณะที่สังคมต้องการรับทราบว่ามีการซื้อขายกันจริงหรือไม่ ประกอบกับเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นความลับมากนัก เนื่องจากทั้งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ก็ได้ต่างประกาศออกมาแล้วว่าได้ทำสัญญาซื้อขายกับประเทศไหนบ้างแล้ว จึงอยากให้เสนอให้ที่ประชุม กมธ.มีมติตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2554 เพื่อเรียกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ มาชี้แจง
ทั้งนี้ นายฑิฆัมพรยืนยันว่าไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้ เนื่องจากได้รับมอบหมายจากกรมการค้าต่างประเทศให้มาตอบในประเด็นภาพรวมเท่านั้น ถ้าให้ข้อมูลตามที่ กมธ.ร้องขอส่วนตัวอาจถูกตั้งกรรมการสอบสวนในข้อหาปฏิบัติเกินกว่าหน้าที่ที่มีอำนาจรับผิดชอบได้
อย่างไรก็ตาม นายบรรชากล่าวว่า เรื่องการให้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ คงจะยังไม่มีการดำเนินการในตอนนี้ แต่จะลองประสานงานดูก่อนว่ารัฐมนตรีจะสามารถมาชี้แจงได้หรือไม่ต่อไปก่อน เพราะหากไปใช้อำนาจตามกฎหมายทันทีอาจทำให้เกิดปัญหาได้