“องอาจ” เผยได้ข้อมูลข้าวหายล้านตันจากพาณิชย์ งงอ้างซื้อขายรัฐต่อรัฐต้องปิดเป็นความลับทำไม สงสัยข้าวเวียนเทียนขายหรือไม่ ไล่ “เฉลิม” ไปหาคำตอบ ยันไม่มีข้อมูลการซื้อขาย ด้าน “หมอวรงค์” ชี้ไม่มีเปิดแอลซีให้เอกชนไปขายแทนส่อทุจริต จวกหยุดโกหกฟิลิปปินส์ อินโดฯ ซื้อ ซัดรองนายกฯ สร้างภาพจับแต่ปลาซิว เย้ยเอารถขนผู้ต้องหา 10 คันขนนักโทษในกระทรวงก็ไม่หมด
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดูแล สตช.ออกมาระบุย้อนถามตนว่า ได้ข้อมูลเรื่องข้าวที่หายไป 1 ล้านตันมาจากไหน โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาสอบถามตนนั้น ขอชี้แจงว่า ตนได้ข้อมูลมาจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้ทำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองการเบิกข้าวจากคลัง อคส.จำนวนเกือบ 1 ล้านต้น โดยระบุเหตุผลว่า เพื่อจะนำข้างดังกล่าวส่งออกขายในระบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แต่จากการตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานมาตรฐานสินค้านำเข้าและส่งออก ของกรมการค้าต่างประเทศเอง กลับพบว่า ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่รัฐบาลนี้บริหาร มีการส่งออกข้าวไปต่างประเทศเพียง 4.47 ล้านตัน โดยไม่มีการระบุว่าเป็นการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐแม้แต่รายการเดียว จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
นายองอาจกล่าวต่อว่า ส่วนที่ระบุว่าการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐต้องปิดข้อมูลเป็นความลับนั้น ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพราะยิ่งเปิดเผยข้อมูลว่าสามารถขายข้าว ก็ยิ่งทำให้ข้าวมีราคาดีจึงไม่ทราบว่าทำไมต้องอ้างว่าเป็นเรื่องของความลับ จึงน่าสงสัยว่า ข้าวจำนวนนี้ถูกนำมาเวียนเทียนขายต่ออีกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมควรต้องหาคำตอบให้ชัดเจนในเรื่องนี้ จากการตรวจสอบถ้าเป็นการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ปกติจะทำการซื้อขายใน 2 ลักษณะคือ 1. แบบ FOB คือประเทศที่ตกลงจะซื้อข้าว จะต้องเป็นผู้มารับข้าวจากประเทศที่สั่งซื้อเอง 2. CIF คือประเทศที่ขายข้าวจะต้องขนส่งข้าวไปให้ประเทศที่ซื้อ โดยมีการทำสัญญาเปิดแอลซีก่อนที่จะทำการส่งออกข้าว พร้อมกำหนดวัน ปริมาณและราคาในการส่งออกข้าว แต่ที่ผ่านมากลับไม่พบข้อมูลหรือแม้แต่การจัดเตรียมกระสอบเพื่อบรรจุข้าว หรือจัดเตรียมกองเรือในการขนส่งข้าวแต่อย่างใด ดังนั้นจึงชอบธรรมที่ตนจะตั้งข้อสังเกตุว่า การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐที่กระทรวงพาณิชย์กล่าวอ้างจะเป็นจริงหรือไม่
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก กล่าวว่า การที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่ามีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐโดยใช้วิธีการ เอ็กแวร์เฮาส์ (ex warehouse) ที่จะมอบอำนาจให้บริษัทเอกชนนำข้าวในคลังของรัฐบาลมาปรับปรุงคุณภาพก่อนที่จะนำออกขายนั้น ส่อว่ามีพิรุธไปในทางทุจริต เนื่องจากการขายข้าวในแบบรัฐต่อรัฐต้องมีการเปิดแอลซีเพื่อยืนยันในตัวสัญญาที่ทำไว้ว่าจะมีการจ่ายเงินระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่มอบอำนาจให้บริษัทเอกชนเอาข้าวของรัฐไปขายแทน จึงน่าสงสัยว่า รัฐบาลนี้จะสมรู้ร่วมคิดกับบริษัทเอกชนที่ใกล้ชิดคนในรัฐบาลที่จะนำเอาข้าวในคลังของรัฐไปเวียนเทียนเพื่อการขายข้าวหรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้อยากให้นายบุญทรง หยุดพูดเรื่องการทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)ในการซื้อขายข้าวกับ 5 ชาติ 6 สัญญา คือฟิลลิปปินส์ 2 สัญญา จีน อินโดนีเซีย บังกลาเทศ และโกว์ติวัว (ไอเวอรีโคสต์) ชาติละ 1 สัญญา ซึ่งล่าสุดประเทศฟิลิปปินส์ได้ปฏิเสธตบหน้าไทยแล้วว่าไม่ได้สั่งซื้อข้าวจากไทย ขณะที่อินโดฯ ก็ปฏิเสธแถมบอกอีกว่า สามารถผลิตข้าวได้เองสูง 4-5% ไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากไทย และหากจะนำเข้าก็จะสั่งซื้อจากอินเดียหรือเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกกว่าไทย แถมยังทำเอ็มโอยูที่จะซื้อข้าวกับเวียดนาม ลาว และกัมพูชาด้วย ไม่ใช่ทำกับไทยประเทศเดียว จึงขอให้นายบุญทรงหยุดโกหกสีขาวหรือโกหกตัวเองได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล พรรคจะนำมาใช้อภิปรายไว้วางใจหรือไม่ นายองอาจตอบว่า ขึ้นอยู่กับมติของพรรคที่จะพิจารณาเนื้อหา ประเด็นสาระและข้อมูลหลักฐานที่มี ส่วนจะยื่นนายกฯ หรือรัฐมนตรีก็อยู่ที่ข้อมูลที่มีในมือก่อนพิจารณาอีกครั้ง เมื่อถามต่อว่า ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า สามารถจับคนที่ทุจริตในโครงการจำนำข้าวได้ 25 ราย ไม่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด นพ.วรงค์กล่าวว่า ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิมกำลังสร้างภาพ จับแต่ปลาซิวปลาสร้อย เพราะหากจะจับปลาตัวใหญ่ๆ จำนวนมากโดยมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าฝ่ายค้านเปิดมาแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมจะรับผิดชอบอย่างไร จะสั่งจับหรือไม่ หากอยากรู้ก็ขอให้ไปถามลูกน้องเก่าที่เป็น ผอ.อคส.และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากเอารถขนผู้ต้องหามา 10 คันก็ขนนักโทษในกระทรวงพาณิชย์ไปไม่หมด