xs
xsm
sm
md
lg

Serial Liar โกหกต่อเนื่องเรื่องจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชยน์
ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว ส่วนความเท็จมีมากมายหลายอย่าง คนพูดเท็จ เมื่อโกหกครั้งแรกไปแล้วต้องโกหกครั้งที่สอง ครั้งที่สาม โกหกต่อไปเรื่อยๆ เพราะคำโกหก อาจจะสปกปิดความจริงได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป จึงต้องสรรหาคำโกหกใหม่ๆ มาใช้อยู่ตลอดเวลา

คำโกหกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชยน์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องโกหกแบบต่อเนื่อง หยุดไม่ได้ เพราะหยุดเมื่อไร คำพูดโกหกครั้งก่อนๆ จะกลับมารัดคอตัวเอง

ต้นปีนี้ เมื่อโครงการรับจำนำข้าวเริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้การส่งออกข้าวของไทยลดลง เพราะราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่งมาก นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น ซึ่งบัดนี้เกษียณราชการไปแล้ว ตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นว่าประเทศไทยจะยังไม่ขายข้าวออก จะรอให้คนอื่นขายข้าวให้หมดเสียก่อน เมื่อราคาข้าวในตลาดโลกเขยิบสูงขึ้น เราจึงจะขาย ซึ่งจะได้กำไรแน่ๆ

ข้ออ้างนี้ถูกถ่ายทอดให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ นำไปให้สัมภาษ์สื่อมวลชน เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวต่อการส่งออก เป็นคำโกหกคำโต สวนทางกับข้อเท็จจริงว่า ประเทศไทยไม่ใช่ผู้ผลิตข้าวรายเดียวและรายใหญ่ที่สุด มีผู้ผลิตที่ใหญ่กว่าไทยมากมาย ถึงแม้ไทยจะเคยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด แต่เมื่อราคาข้าวไทยสูงกว่าตลาดโลก เพราะรัฐบาลกว้านซื้อข้าวในประเทศมาเก็บไว้เองในราคาที่แพง ตลาดก็หันไปซื้อจากเวียดนาม อินเดีย ซึ่งราคาถูกกว่าไทย ซื้อเท่าไร ข้าวอินเดียกับเวียดนามก็ไม่หมดเสียที

เรื่องโกหกเรื่องที่สองจึงถูกนำมาใช้ โดยนายบุญทรงอ้างว่า ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมในหลายๆ ส่วนของโลกจะทำให้ประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ผลิตข้าวโพดได้น้อย จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้น ทำให้ข้าวไทยส่งออกมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะข้าวโพดก็คือข้าวโพด ข้าวเจ้าก็คือข้าวเจ้า ข้าวโพดใช้ทำอาหารสัตว์ ส่วนข้าวเจ้าให้คนกิน

เมื่อล่วงเข้าครึ่งปีหลัง ข้อมูลการส่งออกซึ่งโกหกไม่ได้ชี้ชัดว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 ไทยส่งออกข้าวรวม 3.45 ล้านตัน ปริมาณการส่งออกลดลงทุกตลาดรวมกันร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน ส่วนมูลค่าส่งออกรวม 71,438 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่มีมูลค่ารวมกว่า 107,644 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 หากคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 35

รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องโกหกครั้งใหม่ คราวนี้บอกว่า รัฐบาลได้ทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีกับรัฐบาลหลายๆประเทศ ดังนั้น จึงไมต้องกังวลว่า ไทยจะเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้เวียดนามและอินเดีย เพราะรัฐบาลมีคำสั่งซื้อข้าวแบบจีทูจีอยู่หลายล้านตัน แต่นายบุญทรงไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดว่า ประเทศไหนบ้างที่ซื้อข้าวแบบจีทูจีจากไทย ซื้อไปจำนวนเท่าไร เพราะในข้อเท็จจริงนั้นสิ่งที่นายบุญทรงอ้างว่าเป็นการขายข้าวแบบจีทูจีนั้นไม่มี ถ้าจะมีก็เป็นเพียงเอ็มโอยู ซึ่งเปรียบเสมือนการรับปากในเบื้องต้นว่าจะพิจารณาซื้อข้าวจากไทย ไม่ใช่ข้อผูกมัดว่าจะต้องซื้อ เพราะประเทศผู้ซื้อย่อมต้องคำนึงถึงราคาข้าวไทยเทียบกับราคาตลาดโลกด้วย

โกหกครั้งล่าสุดคือการไปโกหกในที่ประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า กระะทรวงพาณิชย์ขายข้าวได้แล้ว 7 ล้านตัน ซึ่งทำเอาผู้ส่งออกข้าวงงเป็นไก่ตาแตกว่า ขายให้ใคร ขายเมื่อไร เพราะกระทรวงพาณิชย์เพิ่งจะนำข้าวในสต๊อกซึ่งมีอยู่ประมาณ 10 ล้านตันให้เอกชนประมูลซื้อไปเพียง 5 แสนตันเท่านั้น การขายข้าวปริมาณมหาศาล 7 ล้านตัน ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้เงียบๆ ต้องมีความเคลื่อนไหว หรือสัญญาณที่บ่งชี้ว่า มีการขายข้าวปริมาณมากๆ เช่น มีการสั่งซื้อกระสอบ เพื่อบรรจุข้าวเตรียมส่งออก มีการสั่งเรือเข้ามาขนข้าว แต่ที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณเหล่านี้เลย

เมื่อนักข่าวไปถามนายกฯ นกแก้วว่ากระทรวงพาณิชย์ขายข้าวได้ถึง 7 ล้านตัน ขายให้ประเทศไหนบ้าง นายกฯ ตอบว่ายังบอกไม่ได้ ต้องรอให้ส่งมอบก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าใครเขียนบทให้ท่อง เพราะถ้ามีการเซ็นสัญญาซื้อขายจริงก็ยิ่งต้องเปิดเผย สั่งให้หนังสือพิมพ์ข่าวสด มติชน เล่นข่าวใหญ่ ถือเป็นข่าวดีที่จะสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์โครงการจำนำข้าวว่าทำให้ประเทศฉิบหายได้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยว่า ใครที่ซื้อข้าวจากไทย

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์อ้างรายงานข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยผู้เขียน "อลัน เรย์โบลด์" รายงานคำสัมภาษณ์ของผู้จัดการบริษัทซื้อขายข้าวนานาชาติที่มีฐานในสิงคโปร์ มีข้อความตอนหนึ่งเกี่ยวกับข้ออ้างของนายบุญทรงที่ว่ากระทรวงพาณิชย์ขายข้าวได้ 7 ล้านตันว่า

“เมื่อเดือนที่ผ่านมา นายบุญทรงออกมาบอกว่าข้าวของไทยได้ถูกขายไปแล้ว 7.3 ล้านตัน ให้กับรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมทั้งจีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างที่นำไปสู่ความขบขันในวงกว้าง เพราะทั้งฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียปฏิเสธการตกลงซื้อขายดังกล่าว ส่วนผู้ประกอบการขนส่งก็บอกว่าไม่มีการขนส่งตามที่อ้าง ขณะที่จีนไม่ตอบคำถามในเรื่องนี้

ไอวอรีโคสต์ได้ซื้อข้าวไป 240,000 ตัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งบอกว่า ยังมีล็อตเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่งได้ถูกขายไปแล้ว แต่ไม่มีการยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการ ขณะที่การเปิดประมูล 586,000 ตัน เมื่อวันที่ 14 กันยานที่ผ่านมา กลับไม่มีการประกาศผลแต่อย่างใด รัฐบาลได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยราคาข้าวที่ขายไป ไม่ว่าจะขายให้ใคร

ผู้ค้ารายเดิมบอกว่า ราคา 15,000 บาทต่อตันที่รับจำนำมา คำนวณราคาส่งออกแล้วน่าจะอยู่ที่ตันละ 700 เหรียญฯ (21,000 บาท) ผู้ส่งออกข้าวไทยคงจะเสนอราคาที่ประมาณ 574 เหรียญฯ ถึง 580 เหรียญฯ เพื่อนำไปส่งออก ขณะที่เวียดนามและอินเดียกำหนดราคาขายที่ 450 เหรียญฯ และ 390 เหรียญฯ ตามลำดับ

"หากคุณอยู่ในกรุงเทพฯ และแสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวสัก 4-5 หมื่นตัน คุณจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงราชา" ผู้ค้าสิงคโปร์กล่าวเน้นย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ที่สิ้นหวัง”

ผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวนอกเหนือจากการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างครบวงจรแล้ว ยังส่งผลต่อฐานะเศรษฐกิจของประเทศด้วย นอกจากเรื่องของการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีส่วนทำให้ประเทศไทยขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบครึ่งปีแรก

ถึงแม้ว่านานมาแล้วที่ข้าวไม่ได้เป็นสินค้าส่งออกที่ทำเงินเป็นอันดับต้นๆ ของไทย แต่ข้าวเป็นสินค้าส่งออกที่รายได้เกือบทุกบาททุกสตางค์ อยู่ในประเทศไทย เพราะเป็นสินค้าที่มี local content ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนวัตถุดิบจากต่างประเทศ เหมือนกับ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนในสัดส่วนที่สูงมาก และกำไรเกือบทั้งหมด ถูกส่งกลับไปให้บริษัทแม่ในต่างประเทศ

ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกข้าวได้ปีละ 9-10 ล้านตัน ทำรายได้ปีละ 1.7 – 2 แสนล้านบาท

บทวิเคราะห์เรื่อง “โค้งสุดท้ายข้าวไทยปี 55 “ ของบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2555 พบว่ามีปริมาณการส่งออก 4.4 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 46.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณและมูลค่าการส่งออกข้าวของไทยที่ลดลง ส่วนมูลค่าการส่งออกทั้งปีคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 3,500 – 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 100,500-120,000 ล้านบาท

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์เองระบุว่าวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 มูลค่าส่งออกไปยังสหภาพยุโรปติดลบมากถึง -12.3% ขณะที่มูลค่าส่งออกไปยังญี่ปุ่นลดลง –4.1% ขณะที่มูลค่าส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ เกือบทั้งหมดเพิ่มขึ้น เช่น ตะวันออกกลางเพิ่ม 8.2% อาเซียนเพิ่ม 8.1% จีนเพิ่ม 7.5% ออสเตรเลียเพิ่ม 4.3% และสหรัฐฯ เพิ่ม 3.4%

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรกรรมลดลงมากถึง 19.5% โดยส่งออกข้าวลดลง 37.8% ยางพารา 27% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.4% ส่วนอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น 9.2%

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์เช่นเดียวกันระบุว่า ตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของไทยคือ อาฟริกา รองลงมาคือ เอเชีย และตะวันออกกลาง ส่วนยุโรป มีสัดส่วนการส่งออกไม่ถึง 5 %

ข้ออ้างของรัฐบาลว่า ปัญหาน้ำท่วมและ วิกฤติในยูโรโซน ส่งผลกระทบทำให้การส่งออกของไทยติดลบ จึงเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว ความจริงอีกครึ่งหนึ่งที่รัฐบาลไม่กล้าพูดคือ การส่งออกข้าวที่ลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง อันเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าว เป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ไทยต้องขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

กำลังโหลดความคิดเห็น