“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” หน้าเครียด หนีบ “บุญทรง” แจง “ดร.โกร่ง” ต้านจำนำข้าว ยันไม่โกรธ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ แต่ยังเดินหน้าโครงการฯ อ้างต้องยกระดับราคาเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร รับมีทุจริตบ้างในบางจุด ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยันขายต่างประเทศแล้ว 7 ล้านตันแบบจีทูจี แต่ไม่ยอมเปิดชื่อประเทศ ใบ้กินเจอถามจะขาดทุนเท่าไหร่ เช่นเดียวกับ รมว.พาณิชย์ก็ไม่สามารถบอกตัวเลขได้ ด้าน “กิตติรัตน์” ยกจำนำข้าวดีเยี่ยม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กรณีนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี คัดค้านโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลอย่างรุนแรง ถึงขั้นระบุว่ารัฐบาลจะพังเพราะโครงการนี้ว่า โครงการรับจำนำข้าวนั้นรัฐบาลต้องการที่จะช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับโดยตรงจากนโยบายนี้
ส่วนที่ 2 คือ เมื่อมีการจำนำข้าวแล้วก็จะทำให้รายได้ของเกษตรกรสูงขึ้น ซึ่งก็จะกลับมาเป็นภาพสะท้อนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานั้นราคาข้าวไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้ดีว่าข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ แต่ราคาที่มีการขายออกไปนั้นไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง นโยบายที่ดำเนินการนั้นก็เพื่อต้องการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร การกระตุ้นเศรษฐกิจและเพื่อการพยุงราคา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจำนำข้าวที่สูงกว่าราคาท้องตลาดจะทำให้เกิดปัญหาในการระบายข้าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าเราคำนึงถึงเรื่องการระบายข้าวในประเทศ ก็อาจจะได้ราคาข้าวที่ไม่สูงมากนัก เราจึงใช้วิธีการระบายออกต่างประเทศคือการขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ในราคาที่เหมาะสม ดูจากราคาตลาด อย่างไรก็ตามก็ต้องดูปริมาณที่ผลิตภายในประเทศด้วย ทั้งนี้ การระบายออกข้าวไปที่ไหนนั้นเราจะดูจากฐานราคาที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล และไม่ได้หมายความว่ารัฐต้องการกำไร นอกจากนี้จะต้องคำนึงถึงการบริโภคภายในประเทศด้วยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเนื่องจากปัญหาข้าวเหลือจนราคาตก รัฐจึงพยายามที่จะสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงราคา ช่วงนี้จึงถือเป็นรอยต่อซึ่งแน่นอนอาจมีผลกระทบบ้าง ซึ่งก็ได้มอบหมายให้นายบุญทรงนัดประชุมกับผู้ส่งออกข้าวเพื่อที่จะหารือแนวทางในการช่วยเหลือและแก้ไขต่อไป
“สำหรับข้อห่วงใยต่างๆ ที่หลายหน่วยงานให้ความคิดเห็นก็ต้องยืนยันว่าทุกอย่างที่เริ่มต้นก็ย่อมมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง เราก็พยายามเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปแก้ไข ตรวจสอบ ทำทั้งเชิงรับและเชิงรุก ก็ต้องขอเวลาที่จะค่อยๆ ทำงานไป”
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า โครงการดังกล่าวผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ไม่ใช่เกษตรกร แต่จะเป็นนักการเมืองและกลุ่มเจ้าของโรงสี น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ก็ต้องดูและต้องถามกับเกษตรกรโดยตรงว่าวันนี้การรับจำนำข้าวนั้นครอบคลุมจำนวนเกษตรกรเท่าไหร่ ถือเป็นจุดหลักมากกว่า ในส่วนของโรงสีนั้นเป็นเพียงกลไกในการทำงานที่เขาจะได้ค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต้องมีการตรวจสอบ ยืนยันว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลแล้วต้องการให้ประโยชน์ส่งถึงเกษตรกรและชาวนาโดยตรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นายวีรพงษ์ระบุว่าหากยังเดินหน้าต่ออาจทำให้รัฐบาลพัง เพราะการตรวจสอบการทุจริตค่อนข้างลำบาก น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความจริงนโยบายรับจำนำข้าวไม่ใช่การเริ่มนโยบายใหม่ เป็นนโยบายเดิมที่มีมาก่อนแล้วและได้รับการตอบรับจากประชาชน อย่างไรก็ตามก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการทำงานร่วมกัน วันนี้ต้องการให้สื่อมวลชนลงไปถามกับเกษตรกรในพื้นที่ว่าโครงการนี้เกษตรกรมีความต้องการอย่างไร และได้รับประโยชน์อย่างไร อยากให้มีการสอบถามไปถึงทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าโกรธนายวีรพงษ์หรือไม่ที่ออกมาวิเคราะห์และวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธว่า “ไม่โกรธค่ะ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ห่วงใยได้ เราเองก็มีหน้าที่ชี้แจง วันนี้ถือว่าทุกท่านมีความห่วงใย แต่ก็ต้องทำการอธิบายและลงไปดูความต้องการที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะทุกอย่างเราก็พร้อมน้อมรับฟัง แต่รัฐบาลเองก็มีกลไกในการตรวจสอบ” ต่อข้อถามว่าได้ทำความเข้าใจกับนายวีรพงษ์หรือยัง นายกฯ ไม่ตอบคำถาม เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
ส่วนตลาดข้าวที่รัฐบาลไทยส่งออกไปมีที่ไหนบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เมื่อมีการระบายเสร็จก็เชื่อว่า รมว.พาณิชย์จะเป็นผู้แถลงทั้งหมด เบื้องต้นเท่าที่ได้รับรายงานก็มีการแข่งขันทั้งด้านของราคา ก็จะมีขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินการ เมื่อถามว่าแย้งว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเราไม่สามารถขายข้าวได้ทำให้เกิดปัญหา น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ทางกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ชี้แจงดีกว่า อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เราได้กลับมาจากการส่งออกนั้น บางส่วนจะมาจากการขายในลักษณะของจีทูจี ก็จะมีการทยอยการส่งมอบ ก็จะโชว์ตัวเลขต่อเมื่อมีการส่งมอบจริง ถึงวันนี้ที่ รมว.พาณิชย์ระบุถึงจำนวนที่จำหน่ายได้นั้นก็เป็นตัวเลขที่มีการตกลง มีสัญญาแล้ว แต่การส่งมอบเป็นการทยอยส่งไม่ได้ส่งครั้งเดียวทั้ง 7 ล้านตัน ซึ่งจะชัดเจนโดยดูได้จากตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์จ่ายเงินกลับคืนเข้าคลังซึ่งจะเป็นรอบๆไป จึงทำให้ไม่เห็นภาพที่ชัดเจนเหมือนปีที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการขาดทุนกำไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีถึงกับชักสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะโยนให้นายบุญทรงเป็นคนตอบในเรื่องดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า วันนี้ก็ต้องกลับไปดูว่าที่ผ่านมาเป็นโครงสร้างราคาที่ได้มานั้นสะท้อนกับคุณภาพข้าวที่แท้จริงหรือไม่ ข้าวไทยมีคุณภาพดีแต่ราคาที่ขายได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านนั้นบางครั้งก็ไม่ได้สูงขึ้น รัฐบาลจึงพยายามทำให้ข้าวไทยนั้นกลับเข้าไปสู่ราคาที่เหมาะสมและสะท้อนความเป็นจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่ามีการทุจริตสวมรอยข้าวไทย จะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องดำเนินการโดยข้อกฎหมาย การทุจริตนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นเฉพาะจุดซึ่งอาจต้องไปดูในรายละเอียด เพราะบางครั้งอาจเกิดจากพฤติกรรมที่มีคนไปใช้ช่องว่างของระเบียบ อย่างไรก็ตาม ในทุกๆ ข้อมูลของการทุจริตไม่ว่าจะเป็น ในส่วนของผู้ประกอบการหรือเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย
ด้าน นายบุญทรงกล่าวแทรกว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นหัวหน้าทีมในการตรวจสอบการทุจริต ดังนั้น เรื่องการทุจริตมีการทำอย่างละเอียดอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนข้อสังเกตที่ว่าไทยไม่สามารถขายข้าวได้เลยหลังดำเนินโครงการจำนำข้าวนั้น ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ขายไปได้มากแล้วประมาณ 7 ล้านกว่าตัน เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าตัวเลขการส่งออกกับข้อมูลที่มีการนำเสนอไม่ตรงกัน รวมทั้งระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการขายข้าวในประเทศไม่ได้มีการส่งออกแต่อย่างใด นายบุญทรงกล่าวว่า การส่งออกวันนี้ตัวเลขเป็นลักษณะการขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ถ้าไม่ได้ทำสัญญาการขายแบบจีทูจีก็ไม่สามารถที่จะขายได้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ก็มีอยู่หลายประเทศที่เป็นคู่สัญญาระหว่างกัน
นายบุญทรงกล่าวตอบคำถามว่า การดำเนินโครงการจำนำข้าวทำให้เกิดการขาดทุนกำไรหรือไม่ว่า โครงการดังกล่าวการระบายข้าวจะจบในปีหน้า ดังนั้นตัวเลขที่รัฐบาลต้องรับภาระก็ยังยืนยันว่าอย่างไรก็ไม่มากไปกว่าโครงการที่ทำในปีที่ผ่านมา เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมา นายบุญทรงกล่าวปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะรอบที่แล้วรัฐบาลก็ใช้เงินไป 8 หมื่นล้านจากโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปีนี้ยืนยันว่าไม่เกินกว่านี้แน่นอน ส่วนข้อวิจารณ์ที่ระบุว่านโยบายดังกล่าวจะทำลายโครงสร้างข้าวภายในประเทศนั้นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะข้าวทั้งหมด 30 กว่าล้านตัน รัฐบาลรับจำนำเข้ามาประมาณ 20 ล้านตัน ที่เหลือก็อยู่ในมือพ่อค้า
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่านโยบายจำนำข้าวเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน หากไม่ดีก็ถูกตำหนิ ดังนั้นจึงต้องทำอย่างระมัดระวังเต็มที่ และเชื่อว่าการทำโครงการรับจำนำข้าวเกิดผลบวกแล้วคือเกษตรกรได้ราคาที่ดี ส่งผลให้ชาวนามีกำลังการซื้อเพิ่มขึ้น และทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนไหวด้วย แต่หลายฝ่ายที่เป็นห่วงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ช่วยกันระวัง และมั่นใจว่านายวีรพงศ์ก็มั่นใจว่าเป็นนโยบายที่ดีท่านจึงพูดว่าหากทำไม่ดีก็เป็นเรื่องเสียหาย ทั้งนี้การแก้ไขป้องการทุจริตต้องทำจริงจังทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องจำนำข้าว หากรัฐบาลเอาจริงเรื่องการทุจริต การทุจริตก็จะลดลง