โครงการจำนำข้าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะจาก ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย (กยอ.) ได้ออกมาท้วงติงโครงการนี้โดยระบุว่า รัฐบาลจะพังก็พังเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ควบคุมคอร์รัปชั่นไม่ได้ ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับโรงสี ผู้ส่งออก พรรคพวกนักการเมืองและรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งการตั้งราคาจำนำสูงเกินกว่าราคาจริงจะทำให้เกษตรกรไม่มาไถ่คืน และทำให้การระบายข้าวมีปัญหา
ขณะที่นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กรณีนายวีรพงษ์ รามางกูร ไม่เห็นด้วยกับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ต้องอธิบายว่านโยบายจำนำข้าวเราต้องการจะช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับโดยตรง อีกทั้งเมื่อมีการจำนำข้าว รายได้เกษตรกรจะสูงขึ้น ก็จะกลับมาสะท้อนกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เดิมทีราคาข้าวที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าราคาข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าท้องตลาดจะ ทำให้เกิดปัญหาในการระบายข้าวหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า การระบายในประเทศอาจจะไม่ได้ราคาสูงมาก เราจึงใช้วิธีการระบายไปต่างประเทศ โดยการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในราคาที่เหมาะสมกับราคาตลาดมากกว่า แต่ต้องไปดูปริมาณในประเทศด้วย เพราะบางครั้งการที่เรามองว่าระบายที่ไหน ๑.ต้องดูจากฐานราคาที่ดีที่สุด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแต่ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลต้องการได้กำไร ๒.ถ้าระบายแล้วเกิดปริมาณการบริโภคในประเทศไม่ได้มากอย่างนั้น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทั้งประเทศบริโภคข้าวต่อปีเท่าไร ดังนั้น ถ้าข้าวเหลือจะทำให้เกิดความเสียหาย ราคาตกอันนี้คือสิ่งที่เราพยายามจะสร้างความสมดุลระหว่างปริมาณอุปสงค์กับอุปาทาน รวมถึงราคาช่วงนี้เป็นช่วงของรอยต่อ แน่นอนอาจจะมีผลกระทบบ้าง ตนได้ให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์นัดประชุมกับผู้ส่งออกเพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและแก้ไขต่อไป ข้อห่วงใยต่างๆ ที่หลายหน่วยงานให้ความคิดเห็น ต้องเรียนว่าทุกอย่างที่เริ่มต้องมีอุปสรรคบ้าง เราพยายามเก็บข้อมูลต่างๆเข้าไปแก้ไข การตรวจสอบเราทำในเชิงรับเชิงรุกทุกอย่าง ขอเวลาในการที่จะค่อยๆ ทำงานไป
เมื่อถามว่านายวีรพงษ์ บอกว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่เกษตรกร แต่เป็นนักการเมืองและเจ้าของโรงสี น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า อันนี้ต้องดูและต้องไปถามคำถามกับเกษตรกรโดยตรงว่าวันนี้การรับจำนำข้าวครอบคลุมจำนวนเกษตรกรทั้งหมดเท่าไร อันนี้เป็นเรื่องหลักมากกว่า ส่วนโรงสีนั้นเป็นกลไกที่จะทำงาน เขาจะได้ในเรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นต้องตรวจสอบ จริงๆนโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และได้รับการตอบรับจากประชาชนอยู่แล้ว อยากให้ลงไปถามเกษตรกรในพื้นที่ว่าโครงการนี้มีความต้องการอย่างไรและได้รับประโยชน์อย่างไร ขอให้ถามให้ครบทุกกลุ่มด้วย
ส่วนที่นายวีรพงษ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่าตนไม่โกรธอะไร เพราะทุกคนมีสิทธิห่วงใยได้ เราเองต้องชี้แจงถือว่าทุกท่านมีความห่วงใย เราต้องอธิบายแล้วลงไปดู เราพร้อมที่จะน้อมรับและรับฟังแต่เราเองก็มีกลไกในการตรวจสอบ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ไทยไม่สามารถขายข้าวได้เลย ทำให้คุณภาพข้าวด้อยลงไปนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ให้กระทรวงพาณิชย์ตอบดีไหมว่าขายข้าวไปเท่าไรแล้ว เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าตัวเลขการส่งออกกับข้อมูลที่ได้พบไม่ตรงกัน และไม่มีการส่งออกข้าวไปขายต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่ขายในประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์อธิบายว่า รายได้ของการส่งออกบางส่วนเป็นการขายภายใต้จีทูจีจะมีการทยอยส่งมอบจะโชว์ตัวเลขเมื่อมีการส่งมอบจริงจำนวน ๗ ล้านตัน ทยอยส่ง ตัวเลขจะเห็นได้จากตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์จ่ายเงินกลับคืนเข้าคลังงบประมาณจึงจะจ่ายเป็นรอบเข้าไป ดังนั้น วิธีการไม่เป็นเหมือนปีที่ผ่านมา ปีที่ผ่านมาถ้าขายในประเทศ เมื่อขายเสร็จแล้วระบายก็รับรู้ตัวเลขเลย
เมื่อถามว่ามีการมองว่าจะเป็นการทำลายโครงสร้างข้าวภายในประเทศหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบเองว่า ต้องกลับไปดูว่าโครงสร้างที่ผ่านมาสะท้อนราคาข้าวหรือไม่ วันนี้เราเห็นว่าข้าวเราคุณภาพดี แต่ราคาที่ขายได้ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านราคาเราไม่ได้สูงขึ้น นี่คือสิ่งที่เราพยายามที่อยากให้ข้าวของเรากลับไปสู่ราคาที่เหมาะสมและสะท้อนความเป็นจริง
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่ามีการทุจริตสวมรอยจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ต้องดำเนินการโดยข้อกฎหมายการทุจริตเกิดขึ้นเฉพาะจุดอาจจะต้องไปดูในรายละเอียด เพราะบางทีอาจจะเกิดจากพฤติกรรมของคนที่ใช้ช่องว่างของระเบียบต่างๆ มาทุจริต
ครับ โดยสรุปแล้วปัญหาโครงการจำนำข้าวยังมีอยู่อีกมาก และรัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะต้องไม่ให้เกิดการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ได้เป็นอันขาด
ขณะที่นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กรณีนายวีรพงษ์ รามางกูร ไม่เห็นด้วยกับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ต้องอธิบายว่านโยบายจำนำข้าวเราต้องการจะช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับโดยตรง อีกทั้งเมื่อมีการจำนำข้าว รายได้เกษตรกรจะสูงขึ้น ก็จะกลับมาสะท้อนกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เดิมทีราคาข้าวที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าราคาข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าท้องตลาดจะ ทำให้เกิดปัญหาในการระบายข้าวหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า การระบายในประเทศอาจจะไม่ได้ราคาสูงมาก เราจึงใช้วิธีการระบายไปต่างประเทศ โดยการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในราคาที่เหมาะสมกับราคาตลาดมากกว่า แต่ต้องไปดูปริมาณในประเทศด้วย เพราะบางครั้งการที่เรามองว่าระบายที่ไหน ๑.ต้องดูจากฐานราคาที่ดีที่สุด เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแต่ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลต้องการได้กำไร ๒.ถ้าระบายแล้วเกิดปริมาณการบริโภคในประเทศไม่ได้มากอย่างนั้น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทั้งประเทศบริโภคข้าวต่อปีเท่าไร ดังนั้น ถ้าข้าวเหลือจะทำให้เกิดความเสียหาย ราคาตกอันนี้คือสิ่งที่เราพยายามจะสร้างความสมดุลระหว่างปริมาณอุปสงค์กับอุปาทาน รวมถึงราคาช่วงนี้เป็นช่วงของรอยต่อ แน่นอนอาจจะมีผลกระทบบ้าง ตนได้ให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์นัดประชุมกับผู้ส่งออกเพื่อหารือแนวทางการช่วยเหลือและแก้ไขต่อไป ข้อห่วงใยต่างๆ ที่หลายหน่วยงานให้ความคิดเห็น ต้องเรียนว่าทุกอย่างที่เริ่มต้องมีอุปสรรคบ้าง เราพยายามเก็บข้อมูลต่างๆเข้าไปแก้ไข การตรวจสอบเราทำในเชิงรับเชิงรุกทุกอย่าง ขอเวลาในการที่จะค่อยๆ ทำงานไป
เมื่อถามว่านายวีรพงษ์ บอกว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวไม่ใช่เกษตรกร แต่เป็นนักการเมืองและเจ้าของโรงสี น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า อันนี้ต้องดูและต้องไปถามคำถามกับเกษตรกรโดยตรงว่าวันนี้การรับจำนำข้าวครอบคลุมจำนวนเกษตรกรทั้งหมดเท่าไร อันนี้เป็นเรื่องหลักมากกว่า ส่วนโรงสีนั้นเป็นกลไกที่จะทำงาน เขาจะได้ในเรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นต้องตรวจสอบ จริงๆนโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และได้รับการตอบรับจากประชาชนอยู่แล้ว อยากให้ลงไปถามเกษตรกรในพื้นที่ว่าโครงการนี้มีความต้องการอย่างไรและได้รับประโยชน์อย่างไร ขอให้ถามให้ครบทุกกลุ่มด้วย
ส่วนที่นายวีรพงษ์ ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่าตนไม่โกรธอะไร เพราะทุกคนมีสิทธิห่วงใยได้ เราเองต้องชี้แจงถือว่าทุกท่านมีความห่วงใย เราต้องอธิบายแล้วลงไปดู เราพร้อมที่จะน้อมรับและรับฟังแต่เราเองก็มีกลไกในการตรวจสอบ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ไทยไม่สามารถขายข้าวได้เลย ทำให้คุณภาพข้าวด้อยลงไปนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ให้กระทรวงพาณิชย์ตอบดีไหมว่าขายข้าวไปเท่าไรแล้ว เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าตัวเลขการส่งออกกับข้อมูลที่ได้พบไม่ตรงกัน และไม่มีการส่งออกข้าวไปขายต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่ขายในประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์อธิบายว่า รายได้ของการส่งออกบางส่วนเป็นการขายภายใต้จีทูจีจะมีการทยอยส่งมอบจะโชว์ตัวเลขเมื่อมีการส่งมอบจริงจำนวน ๗ ล้านตัน ทยอยส่ง ตัวเลขจะเห็นได้จากตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์จ่ายเงินกลับคืนเข้าคลังงบประมาณจึงจะจ่ายเป็นรอบเข้าไป ดังนั้น วิธีการไม่เป็นเหมือนปีที่ผ่านมา ปีที่ผ่านมาถ้าขายในประเทศ เมื่อขายเสร็จแล้วระบายก็รับรู้ตัวเลขเลย
เมื่อถามว่ามีการมองว่าจะเป็นการทำลายโครงสร้างข้าวภายในประเทศหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบเองว่า ต้องกลับไปดูว่าโครงสร้างที่ผ่านมาสะท้อนราคาข้าวหรือไม่ วันนี้เราเห็นว่าข้าวเราคุณภาพดี แต่ราคาที่ขายได้ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านราคาเราไม่ได้สูงขึ้น นี่คือสิ่งที่เราพยายามที่อยากให้ข้าวของเรากลับไปสู่ราคาที่เหมาะสมและสะท้อนความเป็นจริง
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่ามีการทุจริตสวมรอยจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ต้องดำเนินการโดยข้อกฎหมายการทุจริตเกิดขึ้นเฉพาะจุดอาจจะต้องไปดูในรายละเอียด เพราะบางทีอาจจะเกิดจากพฤติกรรมของคนที่ใช้ช่องว่างของระเบียบต่างๆ มาทุจริต
ครับ โดยสรุปแล้วปัญหาโครงการจำนำข้าวยังมีอยู่อีกมาก และรัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะต้องไม่ให้เกิดการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ได้เป็นอันขาด