xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"เมิน"โกร่ง"ค้าน ตะแบงจำนำข้าว ADBแฉจุดอ่อนเพียบ-ไร้เงาจีทูจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - "ปู" หนีบ "บุญทรง" แจงโครงการจำนำข้าว หลัง "ดร.โกร่ง" ทิ้งบอมบ์จะทำรัฐบาลพัง ยันเดินหน้าต่อ อ้างมีออเดอร์จีทูจี 7 ล้านตันอยู่ในมือจริง แต่โชว์ไม่ได้ แฉ "โกตี๋" ที่แท้แกนนำแดงปลอมเป็นชาวนา ด้าน "นิด้า"ระบุศาล รธน.ไม่ได้ตีกลับคำร้อง ขณะที่ผู้ส่งออกข้องใจ ยอดส่งออกข้าวเดือน ก.ย. ไร้เงาจีทูจี ด้านเอดีบีวิพากษ์นโยบาย "จำนำข้าว" ไม่มีนโยบายการพัฒนาคุณภาพพันธุ์ข้าว และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลถูกโจมตี

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายวีระพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี ออกมาคัดค้านโครงการจำนำข้าวและระบุว่าหากยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อ รัฐบาลก็จะพังด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ต้องชี้แจงเหมือนเดิมว่าโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลต้องการที่จะช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับโดยตรงจากนโยบายนี้ ส่วนที่สอง เมื่อมีการจำนำข้าวแล้ว ก็จะทำให้รายได้ของเกษตรกรสูงขึ้น ซึ่งจะกลับมาเป็นภาพสะท้อนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ

"ที่ผ่านมา ราคาข้าวไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงทั้งๆ ที่ทุกคนก็รู้ดีว่าข้าวไทยไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ แต่ราคาที่มีการขายออกไป ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง นโยบายที่ดำเนินการ ก็เพื่อต้องการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพื่อพยุงราคา และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ"

เมื่อถามว่าการรับจำนำข้าวที่สูงกว่าราคาท้องตลาดจะทำให้เกิดปัญหาการระบายข้าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเราคำนึงถึงเรื่องการระบายข้าวในประเทศ ก็อาจจะได้ราคาข้าวที่ไม่สูงมากนัก เราจึงใช้วิธีการระบายออกต่างประเทศ คือ การขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ในราคาที่เหมาะสม ดูจากราคาตลาด และจะดูจากฐานราคาที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่ารัฐต้องการกำไร ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปนัดประชุมร่วมกับผู้ส่งออกข้าวเพื่อหารือแนวทางในการช่วยเหลือและแก้ไขแล้ว

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าโครงการดังกล่าวผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ไม่ใช่เกษตรกร แต่จะเป็นนักการเมืองและกลุ่มเจ้าของโรงสี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดูและต้องถามกับเกษตรกรโดยตรงว่าวันนี้การรับจำนำข้าวนั้นครอบคลุมจำนวนเกษตรกรเท่าไร ถือเป็นจุดหลักมากกว่า ในส่วนของโรงสี เป็นเพียงกลไกในการทำงานที่เขาจะได้ค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต้องมีการตรวจสอบ ยืนยันว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลแล้ว ต้องการให้ประโยชน์ส่งถึงเกษตรกรและชาวนาโดยตรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวีรพงษ์ระบุว่าหากยังเดินหน้าต่ออาจทำให้รัฐบาลพัง เพราะการตรวจสอบการทุจริตค่อนข้างลำบาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ความจริงนโยบายรับจำนำข้าวไม่ใช่การเริ่มนโยบายใหม่ เป็นนโยบายเดิมที่มีมาก่อนแล้วและได้รับการตอบรับจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการทำงานร่วมกัน วันนี้ต้องการให้สื่อมวลชนลงไปถามกับเกษตรกรในพื้นที่ว่าโครงการนี้ เกษตรกรมีความต้องการอย่างไร และได้รับประโยชน์อย่างไร อยากให้มีการสอบถามไปถึงทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่าโกรธนายวีระหรือไม่ที่ออกมาวิเคราะห์และวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่โกรธค่ะ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ห่วงใยได้ เราเองก็มีหน้าที่ชี้แจง วันนี้ถือว่าทุกท่านมีความห่วงใย แต่ก็ต้องทำการอธิบายและลงไปดูความต้องการที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะทุกอย่างเราก็พร้อมน้อมรับฟัง แต่รัฐบาลเองก็มีกลไกในการตรวจสอบ

ต่อข้อถามว่า ได้ทำความเข้าใจกับนายวีรพงษ์หรือยัง นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถาม เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ตลาดข้าวที่รัฐบาลไทยส่งออกไปมีที่ไหนบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อมีการระบายเสร็จ ก็เชื่อว่า รมว.พาณิชย์ จะเป็นผู้แถลงทั้งหมด โดยรายได้ที่ได้กลับมาจากการขายจีทูจี ก็จะมีการทยอยส่งเงินกลับคืนคลัง ซึ่งจะเป็นรอบๆ ไป โดยตัวเลขจีทูจี 7 ล้านตัน เป็นตัวเลขที่มีการตกลง มีสัญญากันแล้ว แต่การส่งมอบเป็นการทยอยส่ง ไม่ได้ส่งครั้งเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการขาดทุนกำไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ถึงกับชักสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะโยนให้นายบุญทรงเป็นคนตอบในเรื่องดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า วันนี้ก็ต้องกลับไปดูว่าที่ผ่านมา เป็นโครงสร้างราคาที่ได้มานั้นสะท้อนกับคุณภาพข้าวที่แท้จริงหรือไม่ ข้าวไทยมีคุณภาพดี แต่ราคาที่ขายได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน บางครั้งก็ไม่ได้สูงขึ้น รัฐบาลจึงพยายามทำให้ข้าวไทยกลับเข้าไปสู่ราคาที่เหมาะสมและสะท้อนความเป็นจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมายอมรับว่ามีการทุจริตสวมรอยข้าวไทยจะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการโดยข้อกฎหมาย การทุจริตส่วนใหญ่เกิดขึ้นเฉพาะจุด ซึ่งอาจต้องไปดูในรายละเอียด เพราะบางครั้งอาจเกิดจากพฤติกรรมที่มีคนไปใช้ช่องว่างของระเบียบ อย่างไรก็ตาม ในทุกๆ ข้อมูลของการทุจริตไม่ว่าจะเป็นในส่วนของผู้ประกอบการหรือเจ้าหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย

**"โต้ง"ยันเดินหน้าจำนำต่อ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวภายหลังร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วานนี้ (3 ต.ค.) ว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการจำนำข้าวต่อไป เพราะยังเป็นนโยบายที่ดี ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนกรณีที่นายวีรพงษ์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าวนั้น รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็น โดยจะนำความเห็นต่างๆ ไปปรับปรุงรูปแบบการทำงาน เพื่อป้องกันการรั่วไหลให้ได้มากที่สุด

***"บุญทรง"ยันขายจีทูจีได้จริงแต่โชว์ไม่ได้

นายบุญทรงได้กล่าวตอบแทรกว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมในการตรวจสอบการทุจริต ดังนั้น เรื่องการทุจริตมีการทำอย่างละเอียดอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนข้อสังเกตที่ว่าไทยไม่สามารถขายข้าวได้เลยหลังดำเนินโครงการจำนำข้าวนั้น ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ขายไปได้มากแล้วประมาณ 7 ล้านกว่าตัน เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านระบุว่าตัวเลขการส่งออกกับข้อมูลที่มีการนำเสนอไม่ตรงกัน รวมทั้งระบุว่าส่วนใหญ่เป็นการขายข้าวในประเทศไม่ได้มีการส่งออกแต่อย่างใด นายบุญทรง กล่าวว่า ถ้าไม่ได้ทำสัญญาการขายแบบจีทูจี ก็ไม่สามารถที่จะขายได้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ก็มีอยู่หลายประเทศที่เป็นคู่สัญญาระหว่างกัน เช่น จีน อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ กัวดิวัวร์ โดยบางสัญญาเป็นสัญญาซื้อขายรับมอบระยะยาว ไม่ได้ส่งออกในปีนี้ทั้งหมด คาดจนถึงสิ้นปีนี้จะสามารถส่งออกข้าวจีทูจีได้ประมาณ 1.8-2 ล้านตัน เพราะต้องดูศักยภาพการขนส่งของท่าเรือด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าออร์เดอร์ดังกล่าวที่จะส่งมอบให้กับประเทศผู้ซื้อในปีนี้ได้มีการเปิดแอลซีไว้แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นความลับการค้าระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ นายบุญทรง ยังได้กล่าวตอบคำถามว่าการดำเนินโครงการจำนำข้าว ทำให้เกิดการขาดทุนกำไรหรือไม่ว่า การระบายข้าวจะจบในปีหน้า ดังนั้น ตัวเลขที่รัฐบาลต้องรับภาระ ยังยืนยันว่า จะไม่มากไปกว่าโครงการประกันรายได้ เพราะรัฐบาลที่แล้วใช้เงินไปกว่า 8 หมื่นล้านบาท ส่วนข้อวิจารณ์ที่ระบุว่านโยบายดังกล่าวจะทำลายโครงสร้างข้าวภายในประเทศ ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะข้าวทั้งหมด 30 กว่าล้านตัน รัฐบาลรับจำนำเข้ามาประมาณ 20 ล้านตัน ที่เหลือก็อยู่ในมือพ่อค้า

**"มาร์ค"ชี้จำนำเหลวมีแต่ผลาญงบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ตนเป็นห่วง เพราะโครงการนี้ ได้สร้างปัญหาตามมาจำนวนมาก อยากให้รัฐบาลยอมรับความจริงและทบทวนนโยบาย โดยการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรด้วยวิธีการอื่นๆ ที่มันไม่สูญเสียและสูญเปล่ามากเท่าที่ใช้งบประมาณในโครงการนี้ เพราะหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการต่างๆ ก็เห็นตรงกัน ซึ่งได้วิเคราะห์กันมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาเตือน และสิ่งที่เตือนมาก็เกิดขึ้นจริงทั้งหมดว่าจะเกิดผลอะไรตามมา

เมื่อถามย้ำว่า แต่ล่าสุด ครม.เพิ่งจะมีมติอนุมัติเงินงบประมาณเพิ่มให้ทำโครงการนี้ต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่แปลกใจ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเองก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องทำโครงการนี้ต่อไปอีกกี่ปี ส่วนที่ครม.มีมติอนุมัติเงินงบประมาณช่วยในโครงการจำนำข้าวนาปี ไม่ครอบคลุมถึงข้าวนาปรัง สะท้อนถึงปัญหาสภาพคล่องด้านงบประมาณ ซึ่งตนยืนยันว่า มันจะสะสมไปเรื่อยๆ เพราะขณะนี้เกิดปัญหาเรื่องเงินกับที่เก็บข้าวเป็นรูปธรรม คือ ชาวนาในหลายพื้นที่ไม่สามารถเข้าโครงการได้ หรือเอาข้าวไปจำนำแล้ว แต่ยังไม่ได้เงิน ชี้ให้เห็นแล้วว่าโครงการจำนำข้าวมีปัญหาแล้ว

**แนะรัฐฟัง"ดร.โกร่ง"อย่าฟังแค่"เจ๊"

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจะส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว และไม่สามารถเยียวยาได้ในระยะเวลาสั้น ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ยังมีองค์กรที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียออกมาสะท้อนให้เห็นความไม่ถูกต้องเหมาะสมของนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล อาทิ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และนักวิชาการจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องรับฟัง และล่าสุดก็มีนายวีรพงษ์ ออกมาแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวด้วย

“ผมเรียกร้องว่าที่ผ่านมา รัฐบาลอาจจะไม่รับฟังเสียฝ่ายค้าน หรือนักวิชาการ แต่วันนี้รัฐบาลต้องฟังเสียงของดร.วีรพงษ์ ซึ่งเป็นคนของรัฐบาลเอง รัฐบาลต้องเปิดหูเปิดตามากขึ้น ไม่ใช่ทำเป็นตาบอดหูหนวก เพราะจะเกิดผลกระทบร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่ และควรนำนโยบายดังกล่าวไปดำเนินการไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประเทศ และอยากฝากถึงรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลควรให้ความใส่ใจในนโยบายที่มีผลกระทบต่อประเทศ ไม่ควรฟังข้อมูลจากรัฐมนตรีที่เป็นสายตรงของเจ๊ต่างๆ ซึ่งหวังเพียงอยู่ในตำแหน่ง และทำให้การแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบดำเนินการต่อไป” นายองอาจกล่าว

**ดร.โกร่งชิงหนีนักข่าวหลังโจมตีจำนำ

นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีและ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังจากได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยผู้สื่อข่าวได้ไปรอสัมภาษณ์หลังจากการประชุมกยอ.ที่สำนักนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) หรือตึกแดง ทำเนียบรัฐบาล โดยเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมนายวีรพงษ์ ได้เดินฝ่าผู้สื่อข่าว และขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาลที

**แฉ"โกตี๋"นำทีมก๊วนแดงปลอมเป็นชาวนา

น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เครือข่ายชาวนา ร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ คณะสืบสานเจตนารมณ์คณะราษฎร์แสดงกิจกรรมคัดค้านการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายจำนำข้าวของนักวิชาการนิด้านั้น เป็นพฤติกรรมของกลุ่มจัดตั้งขึ้นทางการเมือง เพราะหากเป็นชาวนาที่เดือนร้อนจริงๆ เขาจะยื่นเรื่องไปยังที่ว่าการอำเภอ และศาลากลางจังหวัด หากไม่ได้รับการแก้ไขจึงปิดถนน และจากการตรวจสอบก็พบว่าคนที่นำชาวนา คือ นายวุฒิพงศ์ กรธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่เคยนำม็อบคุกคามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดปทุมธานี และล่าสุดที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เท่ากับว่ากลุ่มที่อ้างว่าเป็นชาวนา คือ มวลชนจัดตั้งจากคนเสื้อแดงของรัฐบาล เพื่อต้องการดิสเครดิตของนักวิชาการนิด้า ตนอยากเรียกร้องให้รัฐบาลใจกว้างรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน และการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็มีควรชอบธรรม และหากมีการวินิจฉัยทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับผล

**นิด้ายันศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตีกลับคำร้อง

นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อคณาจารย์สถาบันนิด้า ม.ธรรมศาสตร์ และตัวแทนนักศึกษา จำนวน 146 คน เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 43 และ 81 (1) หรือไม่ โดยยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้ตีกลับคำร้องดังกล่าว เพียงแต่ในวันที่ไปยื่นนั้น เอกสารที่เตรียมไปยังไม่ครบ โดยในอีก 1-2 วันนี้ จะได้มีการไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อไป ซึ่งหากศาลเห็นว่าข้อร้องเรียนดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎหมาย ก็ไม่มีปัญหาอะไร และคงจะไม่มีการไปยื่นคัดค้านต่อองค์กรใดเพิ่มเติมอีกแน่นอน เพราะประเด็นในการคัดค้านหลัก คือ เรื่องการผูกขาดตลาดข้าวแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนที่มีผู้มองว่าการเคลื่อนไหวมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ส่วนตัวคิดว่าใครอยากมองอย่างไรก็เชิญ แต่ขอยืนยันว่า ตนมีข้อมูลในเชิงวิชาการสนับสนุนชัดเจนว่า เป็นประโยชน์สำหรับอนาคตข้าวไทยในระยะยาว และก็อยากฝากประเด็นนี้ให้ทางเกษตรกรรับทราบว่า ทางคณะอาจารย์นิด้าไม่ได้มีเจตนาทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจของท่าน แต่อยากให้มองว่าในระยะสั้นแม้ว่าในเวลานี้อาจจะขายข้าวในราคาดี แต่ต้องไม่ลืมว่าข้าวนั้นเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศ จะมาฝืนกลไกตลาด โดยบอกว่าประเทศไทยขายข้าวกัน 15,000-20,000 บาท ขณะที่เวียดนามขาย 11,000-12,000 เพราะฉะนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำมันจึงไม่จีรังยั่งยืนแน่นอน สักวันหนึ่งก็ต้องล้มลงมา

***ผู้ส่งออกแฉไร้วี่แววข้าวจีทูจีส่งออก

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมข้าวไทย กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีตัวเลขการส่งออกข้าวจีทูจีของรัฐบาลออกมา เพราะตัวเลขการส่งออกข้าวไทยเดือนก.ย.ล่าสุด ที่สามารถส่งออกได้ 5.5 แสนตัน เป็นการส่งออกของภาคเอกชนทั้งหมด และเชื่อว่า ช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่เหลือ คือ ต.ค.-ธ.ค. ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีการส่งออกข้าวจีทูจีออกไป เพราะหากจะมีการส่งออกจริงตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุไว้ จะต้องมีการเร่งจัดเตรียมกระสอบข้าวเพื่อส่งมอบไว้แล้ว ซึ่งต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า ประกอบกับประเทศที่รัฐบาลระบุว่าจะขายข้าวจีทูจีให้ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ออกมาปฏิเสธว่ายังไม่มีการนำเข้าข้าวจากไทยในปีนี้ ส่วนจีนที่รัฐบาลระบุว่ามีคำสั่งซื้อถึง 2 ล้านตัน มองว่าหากจีนจะซื้อข้าวไทยในราคาสูงถึง 500 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน ก็เป็นเรื่องแปลก เว้นแต่รัฐบาลจะยอดลดราคามาขาย 460-470 เหรียญสหรัฐ/ตัน ใกล้เคียงกับข้าวเวียดนามที่ขาย 440 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือมีการทำบาร์เตอร์เทรด เช่น ลงทุนรถไฟความเร็วสูงแลกกับข้าว แต่ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน

****"เอดีบี" ชำแหละจุดอ่อนเพียบ

นางลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) กล่าวว่าโครงการการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ถือว่าเป็นนโยบายที่ไม่ครบวงจร แม้ว่า รัฐบาลจะพยายามช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้ที่สูงขึ้น แต่กลับไม่มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ซึ่งหากรัฐบาลไทยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพเหนือประเทศคู่แข่ง ก็เชื่อว่า ราคาข้าวไทยจะสามารถปรับขึ้นได้เอง โครงการดังกล่าว ยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งเคยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาข้าวไทยที่สูงกว่าคู่แข่ง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลถูกโจมตีในนโยบายดังกล่าว

"รัฐบาลจะยังคงดำเนินนโยบายการคลังที่ช่วยเหลือเศรษฐกิจต่อไปในปีหน้า รวมทั้ง กู้เงินจำนวนมาก ทั้งพระราชบัญญัติกู้เงิน เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งแม้ว่า รัฐบาลจะมีแผนการกู้เงินจำนวนมาก แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาหนี้สาธารณะอย่างแน่นอน โดยคาดว่า หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 50 ในช่วง 3 ปีข้างหน้า"

**แฉ"โกร่ง"เหวี่ยงเหตุไม่ได้ร่วมทำนโยบาย

แหล่งข่าวจากทีมเศรษฐกิจของพรรเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายวีรพงษ์ ออกมาแสดงความความไม่เห็นด้วย และเป็นห่วงว่ารัฐบาลชุดนี้จะพังเพราะโครงการรับจำนำข้าวนั้น ถือเป็นการต่อสู้ของมือเศรษฐกิจสองขั้วภายในพรรคเพื่อไทย โดยนายวีรพงษ์อยู่ในขั้วฮาร์ดคอร์ ขณะที่อีกขั้วนำโดย นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทย และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้วางและผลักดันนโยบารับจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้น โดยที่นายวีรพงษ์ไม่ได้มีส่วนร่วมเขียนนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด จึงไม่แปลกที่นายวีรพงษ์จะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และวิพกษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง

"เชื่อว่าเร็วๆ นี้ นายโอฬารจะหาจังหวะออกมาชี้แจงโครงการรับจำนำข้าวนี้ด้วยตัวเอง เพื่อหักล้างข้อวิจารณ์ของนายวีรพงษ์ โดยนายโอฬารจะออกมาอธิบายว่า โครงการนี้เป็นโคงการที่มีประโยชน์ และมีหลักการในการกระตุ้นรายได้ของเกษตรกร แต่อาจจะตั้งข้อสัเกตว่า ในขั้นตอนการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ผู้รับผิดชอโครงการอาจทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้"
กำลังโหลดความคิดเห็น