xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แฉตั้งบริษัทผีขายข้าวแบบ “จีทูจี” เปิดตัวละคร “เสี่ยโจ-เสี่ยเปี๋ยง” เอี่ยวทุจริตจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
ปชป.ลากไส้นโยบายจำนำข้าวช่วงซักฟอกรัฐบาล “ประเสริฐ” แฉรัฐไม่เปิดเผยขายข้าว “จีทูจี” เหตุให้เอกชนทำ พบบริษัทประมูลได้เอี่ยวบริษัทค้าข้าวเก่าสมัย “แม้ว” ด้าน “หมอวรงค์” แฉพบ “ไอ้ปาล์ม” ผู้ช่วย “เมียกี้ร์” ตั้งบริษัทผีพรางซื้อข้าวแบบจีทูจี แถมเงินในบัญชีมีแค่เศษ 64 บาท ซัด “เสี่ยโจ” มือขวา “เสี่ยเปี๋ยง” เคยร่วมโกงค้าข้าวสมัยทักษิณ อดีตบริษัท “เพรสซิเดนท์” จดชื่อใหม่เป็น “สยามอินดิก้า”

วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 16.20 น.ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 2 ซึ่งเป็นการอภิปรายในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไม่กี่วันก็เริ่มมีการขายข้าวแบบจีทูจีค้างสต๊อก 3 แสนตัน กับบริษัท บูล๊อค ประเทศอินโดนีเซีย ในลักษณะมีการงุบงิบทำสัญญา เนื่องจากก่อนการประมูลมีเพียง 2 บริษัทที่ทราบเท่านั้น และในที่สุดบริษัทที่ได้ประมูลไป คือ บริษัท สยามอินดิก้า โดยไม่มีการเปิดเผยและแจ้งให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยทราบ

เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาเมื่อสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ทำหนังสือมาถึงรองนายกฯ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ว่า เหตุใดถึงไม่ทราบเรื่อง เพราะการขายข้าวครั้งนี้จำนวน 3 แสนตัน ก็ไม่ได้นำสต๊อคข้าวของรัฐบาลมาดำเนินการ ทำให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ต้องไปกว้านซื้อ ซึ่งถือเป็นการโกหก รองนายกฯ กลืนน้ำลายตัวเอง เพราะคงไม่มีใครมีข้าวจำนวนมากถึง 3 แสนตัน เหมือนรัฐบาลที่ไปรับซื้อในราคาที่ถูกกว่า และเห็นว่ารัฐบาลยุคนี้ กล้ากว่า หนากว่ารัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะในสมัยนั้น ซึ่งมี 4-5 บริษัทที่เข้าร่วมประมูล เมื่อมีการท้วงติงมา รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ยกเลิกการประมูล

นายประเสริฐ กล่าวว่า เวลาไปเจรจากับต่างประเทศใช้ยี่ห้อประเทศไทย คนไทย ข้าวไทยไปเจรจาหรือไม่ แต่เมื่อสำเร็จกลับยกให้เอกชนทำ และการอนุมัติปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัท สยามอินดิก้า เพื่อซื้อข้าว 3 แสนตันล็อตนี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ยังไม่รู้เลย เหมือนกับเอาเงินจากธนาคารกรุงไทยไปจ่ายให้กับ อคส.ซึ่งปัจจุบันบริษัท บูล๊อค ได้ทยอยเบิกข้าวไปแล้ว 1.5 แสนตัน ส่วนที่เหลือให้ชะลอไว้ก่อน ไหนว่าการขายข้าวแบบจีทูจีเป็นความลับ แต่ปิดหูปิดตาประชาชน เป็นเพราะให้เอกชนดำเนินการใช่หรือไม่ เพราะในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีการขายข้าวแบบจีทูจี กับประเทศอินโดนีเซีย และบังกลาเทศ ก็ไม่มีอะไรปิดบัง ทั้งที่เป็นเงินจำนวนมหาศาล และมีการเชิญชวนบริษัทต่างๆ ให้มาประมูลอย่างทั่วถึง

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า บริษัท สยามอินดิก้า มีความเชื่อมโยงกับบริษัท เพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการประมูลข้าวในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กว่า 3.8 แสนตัน เป็นบริษัทที่เดินเข้าออกกระทรวงพาณิชย์ ได้รับผลประโยชน์จากการขายข้าว ได้ลดค่าประกันสัญญา แต่ต่อมาบริษัทดังกล่าวทำให้ อคส.เสียหายถึง 4,800 ล้านบาท ซึ่งต่อมาบริษัทดังกล่าวล้มละลาย ทำให้ อคส.ไมได้รับค่าเสียหายแม้แต่แดงเดียว ต่อมาบริษัท เพรสซิเดนท์ มาตั้งบริษัทใหม่ ใช้ชื่อบริษัท สยามอินดิก้า โดยมีรายชื่อกรรมการบริหารบริษัทเป็นชุดเดียวกัน ครั้งนี้บริษัทดังกล่าวได้รับผลประโยชน์จากการประมูลข้าวจำนวน 3 แสนตัน ทั้งนี้ บริษัทนี้ในอดีตเคยทำให้ อคส.เสียหาย แต่ทำไมถึงยังทำธุรกิจกับบริษัทนี้อยู่ เพราะทำให้ อสค.เสียหาย มีประวัติไม่ดี ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล ซึ่งตนเชื่อว่าต้องมีเงินทอนกลับมาแน่นอน แต่ไปเข้ากระเป๋าใครต้องตอบให้ได้

“นายกฯ รู้ยิ่งกว่ารู้ เพราะเป็นนักธุรกิจ ว่า 2 บริษัทนี้โคลนนิงกันมา มีคุณสมบัติไม่ชอบ และมีเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งไปสู่การทุจริต ดังนั้น อยากให้นายกฯ เปิดเผยว่า อคส.รับเศษเงินมาเท่าไหร่ หายไปเท่าไหร่ ตกหล่นอยู่ที่ไหนบ้าง ขอให้มาเปิดเผยในสภาฯ แห่งนี้ นี่เป็นสิ่งที่ผมเสียใจ และไม่อาจให้นายกฯ อยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อประเด็นการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย เป็นสิ่งที่รัฐบาลโกหก เนื่องจากการตรวจสอบจากเอกสารแล้ว พบว่า ในจำนวนข้าวที่รัฐบาลว่าจะขาย ในจำนวน 7.32 ล้านตันนั้น เป็นการซื้อขายให้กับบริษัทผีของคนไทย และของบริษัทจีน ซึ่งเป็นบริษัทผี ซื้อแค่ชื่อบริษัทเพื่อมาทำสัญญาเท่านั้น โดยบริษัทจีนที่ว่านั้นชื่อ GSSG IMP AND EXP.CORP ตั้งอยู่ที่นครกวางเจา ประเทศจีน

โดยในเอกสารรับมอบอำนาจบริษัทดังกล่าว ระบุว่า นายรัฐนิธ โสจิรกุล เป็นผู้มีอำนาจของบริษัท ลงนามมอบอำนาจให้กับ นายนิมล รักดี มีที่อยู่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ให้เป็นผู้มีอำนาจในการลงนามแทน ในการซื้อขายข้าวตามสัญญารัฐต่อรัฐ จำนวน 5 ล้านกิโลกรัม โดยจากการตรวจสอบแล้ว พบว่า นายรัฐนิธ มีชื่อเล่นว่า ปาล์ม อายุ 32 ปี ผู้ช่วยลำดับที่ 3 ของ นางระพีพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และเมื่อตรวจสอบบัญชีธนาคารกรุงไทย พบว่า มียอดเงินค้างในบัญชี จำนวน 64.63 บาทเท่านั้น

นพ.วรงค์ อภิปรายต่อว่า ชื่อของ นายนิมล ที่เป็นผู้มีอำนาจของบริษัทจีนนั้น ตรวจสอบพบว่า คนในพื้นที่ จ.พิจิตร เรียกว่า เสี่ยโจ เป็นมือขวาให้กับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง และเมื่อตรวจสอบจากเอกสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า นายนิมล นั้น เป็นคนของบริษัท เพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง และถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบ พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตรับจำนำข้าว ในปี 46-47 สมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเด็นนำข้าวเก่ามาเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำ ซึ่งบริษัท เพรสซิเดนท์ มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า เพราะเมื่อปี 2547 เสี่ยเปี๋ยง ได้ไปจดทะเบียนบริษัท สยามอินดิก้า ทั้งนี้ นายนิมล มีชื่อเรียกในวงการว่า “โจ เพรสซิเดนท์ พิจิตร” เป็นคนของบริษัท สยามอินดิก้า ซึ่งเคยร่วมทุจริตค้าข้าวตั้งแต่สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ

“ประเด็นที่รัฐบาล ยอมนำหัวของบริษัทจีนมาทำสัญญาแบบจีทูจี เป็นเพราะว่าต้องการเลี่ยงการประมูลซึ่งมีราคาสูง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เมื่อทำเช่นนี้ จะค้าข้าวกระสอบละ 300 บาท ทั้งที่ราคาข้าวในตลาดจะอยู่ที่กระสอบละ 1,500-1,555 บาท ดังนั้น เมื่อค้าข้าวกระสอบละ 300 บาท จำนวนที่รัฐบาลว่าจะขายทั้งหมด 7.32 ล้านตัน จะมีค่าส่วนต่างถึง 2 หมื่นล้านบาท” นพ.วรงค์ อภิปราย

นพ.วรงค์ อภิปรายต่อว่า สำหรับข้าวที่มีการซื้อขาย พบว่า ถูกนำไปไว้ที่โกดัง จ.พิจิตร ซึ่งเป็นโกดังเก็บข้าวของบริษัท สยามเพรสซิเดนท์ โดยใช้วิธีการเทข้าวเก็บไว้ในโกดัง แทนเก็บไว้ในกระสอบ โดยทราบว่า เมื่อช่วง 5 พ.ค.-16 ก.ค.มีการนำข้าวไปไว้ถึง 4.1 แสนกระสอบ ทั้งนี้ ประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น นายกฯ ทราบข้อมูลและมีการสมรู้ร่วมคิดกับรัฐมนตรีในการกระทำทุจริต ตามที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล จากการตรวจสอบของการบันทึกเบิกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีการอำพรางชื่อบริษัทที่จะส่งมอบข้าว โดยใบบันทึกช่วงต้นพบมีการบันทึกบริษัทรับข้าวว่า “สยามเอริก้า” แต่ช่วงท้ายของบันทึกเบิกข้าว เจ้าหน้าที่พิมพ์ว่า “สยามอินดิก้า” ดังนั้น จึงถือว่ามีการลับลวงพราง

“การอ้างว่าขายข้าวแบบจีทูจี ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการประมูลให้ได้ราคาพิเศษ จึงอยากถามว่าเหตุใดรัฐบาลปล่อยให้บุคคลที่เคยมีความผิดเรื่องการทุจริต สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาซื้อข้าวในรัฐบาลชุดนี้อีก และเห็นว่า การขายข้าวจีทูจีไม่ได้ขายส่งออกต่างประเทศ แต่ส่งไปยังโรงสีของบริษัท เพรสซิเดนท์ ซึ่งเงินที่ต้องจ่ายจากต่างประเทศให้กรมการค้าระหว่างประเทศจำนวน 4,960 ล้านบาทนั้น กลับพบว่า เป็นการจ่ายจากแคชเชียร์เช็คจาก 4 ธนาคารใหญ่ภายในประเทศ ถือเป็นการขายแบบตัวบุคคลไม่ใช่ขายแบบนิติบุคคล ดังนั้น รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้” นพ.วรงค์ กล่าว และว่า หลังจากที่รัฐบาลอ้างว่ายังเหลือข้าวในสต๊อกอีก 3 แสนตัน ที่จะระบายออกยังพบว่าในช่วงวันที่ 8 ต.ค.-9 พ.ย.ก็มีเงินจ่ายจาก 4 ธนาคารใหญ่ภายในประเทศจำนวน 6,473 ล้านบาท

มีรายงานว่า ในการอภิปรายครั้งนี้ นพ.วรงค์ ได้นำหลักฐานวิดีโอมาแสดงให้เห็นถึงการพบปะกันระหว่าง “เสี่ยเปี๋ยง” เจ้าของสยามอินดิก้า กับบุคคลที่มีใบหน้าคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศจีน พร้อมกับตั้งสมมติฐานว่า อดีตนายกฯ เป็นผู้ชักใยอยู่หลังกระบวนการทั้งหมดหรือไม่ ระหว่างที่ นพ.วรงค์ อภิปรายนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น