ขอถามท่านเสธ.อ้าย ว่าหากไล่รัฐบาลได้แล้วท่านจะทำอะไรก่อนระหว่างสถาปนาจุดหมาย (หลักการปกครองโดยธรรม) กับสร้างวิธีการไปสู่จุดหมาย (กฎหมายรัฐธรรมนูญ)
ทุกวันนี้ก็เพราะระบอบเลว จึงส่งผลให้รัฐบาลเลวทุกรัฐบาล...จึงส่งผลต่อ กระทรวงเลว กรมเลว จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล ถูกครอบงำด้วยกระแสแห่งความเลว
อันเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายอกุศล, ฝ่ายลบ, หรือฝ่ายเสื่อม กฎนี้เป็นกฎสากล หรือเป็นกฎทั่วไป (General law) คือ เป็นกฎความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล (พระไตรปิฎกไทยเล่มที่ 29 ข้อที่ 865) มีใจความว่า
อิมสฺมึสติอิทํโหติ เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้ก็มี
อิมสฺสุปฺปาทาอิทํอุปฺปชฺชติ เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น
อิมสฺมึอสติอิทํนโหติ เมื่อสิ่งนี้ไม่มีสิ่งนี้ก็ไม่มี
อิมสฺสนิโรธาอิทํนิรุชฺฌติ เพราะสิ่งนี้ดับสิ่งนี้ก็ดับ(ด้วย)
เมื่อนำมาพิจารณาเหตุปัจจัยทางการเมือง จะเห็นได้ว่าประเทศไทยกำลังเคลื่อนไปตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายเสื่อม ดังนี้
เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของกลุ่มทุนและนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียวจึงเป็นเหตุให้ไม่มีเสรีภาพบริบูรณ์ทางการเมืองเมื่อไม่มีเสรีภาพบริบูรณ์ทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้ไม่มีความเสมอภาคทางโอกาส
เมื่อไม่มีความเสมอภาคทางโอกาส จึงเป็นเหตุให้ไม่มีภราดรภาพ
เมื่อไม่มีภราดรภาพ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม
เมื่อไม่มีเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม จึงเป็นเหตุให้ไม่มีดุลยภาพ
เมื่อไม่มีดุลยภาพ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีหลักนิติธรรม บ้านเมืองจึงแตกแยก
ดังกล่าวนี้ ก็จะเป็นปัจจัยให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ขาดโอกาสที่ดีงามในความเป็นประชาชนไทย ทั้งยังจะถูกกดขี่ด้วยกฎหมาย ขูดรีดด้วยการเสียภาษีให้รัฐอย่างหนัก ประชาชนส่วนใหญ่ต้องทำงานอย่างหนักแต่ยากจน ระบอบการเมืองที่ไม่เป็นธรรมจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนทำผิดกฎหมายและจมอยู่ในกองอบายมุข แต่ผู้ปกครองกลับหลีกเลี่ยงกฎหมายและไร้จริยธรรม สภาพการณ์เช่นนี้ปัญญาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบฯ และรัฐบาลที่สร้างหนี้และโกงประชาชน
คนฉลาด ปัญญาชน รู้ตื่น เบิกบาน ต้องออกมาร่วมมือกันแก้ไขตรงเหตุแห่งความจัญไรทั้งปวงของชาติและปวงชน
เราจึงกล่าวว่า.. “ไล่รัฐบาลจัญไรยกระดับขึ้นสู่ไล่ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ” อันเป็นลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นทายาทของคณะราษฎร (จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ที่ทำให้รัฐบาลต่อๆ มาสืบทอดแนวคิดบิดเบือนว่า...รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้จากสร้างอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญขึ้นกลางใจเมืองแล้วตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นี่คือแนวคิดอันเป็นโคตรอัปรีย์จัญไรที่ครอบงำแผ่นดิน)
ระบอบเผด็จการย่อมเกิดวิกฤตเสมอไป เมื่อเกิดวิกฤต มันก็ทำรัฐประหารแล้วมันสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือรัฐบาลจากการเลือกตั้งมันก็แก้ไข หรือไม่ก็ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยมา 18 ครั้งแล้ว จนกลายเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญมากที่สุด มากที่สุดในโลก มันก็ยังคิดจะสร้างรัฐธรรมนูญกันต่อไป มันโง่สิ้นดี
การยกร่างหรือการสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ มันก็คือ สร้างแต่วิธีการไป แต่ไม่มีจุดหมาย (ระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรม) ของปวงชน ในเมื่อหลักการปกครอง (ระบอบ) แท้จริงไม่มี หรือจุดหมาย หรือเอกภาพของปวงชนไม่มี หรือศูนย์กลางของปวงชนในชาติไม่มี หรือหลักนิติธรรมแห่งชาติไม่มีแล้วจุดหมายในทางการเมืองการปกครองเป็นของใคร????
จุดหมายหรือตัวระบอบที่มันเป็นอยู่ ที่มันดำรงอยู่ มันจึงกลายเป็นจุดหมายของกลุ่มทุนและนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว นั่นเอง พกมันจึงปล้นงบประมาณใต้โต๊ะอย่างถูกกฎหมายกันทุกรัฐบาลนี่แหละจึงเรียกว่า “ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ” เราต้องโค่นวิธีคิดจัญไรนี้อันเป็นทายาทของคณะราษฎรลงให้ได้ ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญมันทำลายชาติของเรามา 80 กว่าปีแล้ว เราควรจะร่วมมือกันหยุดมันได้แล้ว แล้วใครเป็นผู้รักษาระบอบแนวคิดจัญไรนี้ไว้ มันก็มีแต่พวกพรรคการเมืองและกลุ่มทุนที่สนับสนุนเพียงหยิบมือเดียวนั่นเอง แท้จริงรัฐบาลระบอบเผด็จการนี้อ่อนแอมากๆ ดูได้จากการทำรัฐประหารล้มรัฐบาลโกงกินชาติลงอย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดายๆ ที่ว่าทุกคณะรัฐประหารนับแต่พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เรื่อยมาจนถึงรายล่าสุดคือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ล้วนแล้วอยู่ในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
ประสบการณ์มันสอน มันบอก เห็นชัดแล้วว่า แนวทางลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้มันจะมาคู่กับการรัฐประหารเสมอไป เราจะหยุดวงจรอุบาท์นี้ได้อย่างไร
วิธีการที่หนึ่ง มีคณะรัฐประหารที่มีปัญญา ทำรัฐประหารแล้วยกระดับขึ้นสู่การปฏิวัติงานเริ่มแรกยิ่งใหญ่ของชาติและปวงชนคือสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ตามแนวทางพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
วิธีการที่สอง ผู้นำ แกนนำ และมวลชนผู้มีปัญญา ละทิ้งแนวทางคณะราษฎรเชิดชูแนวทางเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าและบูรพกษัตริย์ รัชกาลที่ 5, 6, 7 และในหลวง มหาราชองค์ที่ 9 ด้วยการเรียกร้อง เสนอ ขอพระราชทานสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
โดยมีหลักและวิธีคิดง่ายๆ “จุดหมายต้องมาก่อนวิธีการไปสู่จุดหมาย” ผู้รู้กล่าวว่า “การที่เราจะเข้าถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องมีอยู่ก่อน” ดังเช่น สร้างวัดพระแก้วก่อน สร้างวิธีการไปวัดพระแก้ว) ฉันใด ต้องสร้างระบอบ (หลักการปกครองโดยธรรม) ก่อนรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น ครับ พี่น้องปัญญาชน สาธุคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย
ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในอดีตหลายครั้งหลายครา คือ ประชาชนอยากได้ระบอบประชาธิปไตย (หลักการปกครองโดยธรรม) แต่แกนนำมันโง่ มันพาไปเอากฎรัฐธรรมนูญใหม่ทุกที เพราะคิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย เฉกเช่นเดียวกับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
จึงเรารู้ได้ทันทีว่า แกนนำเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันสร้างแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่ามันสร้างแต่วิธีการไป แต่ไม่รู้ไปไหน เพราะไม่มีจุดหมาย รัฐบาลพาประชาชนไปลงเหวทุกรัฐบาล พวกเผด็จการมันเอาวิธีการมาเป็นจุดหมาย เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นวิธีการปกครอง (Methods of Government) มันจึงเป็นจุดหมายของผู้ปกครอง นักการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว
มันจึงกลายเป็นเผด็จการโดยรัฐบาลหรือผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว โดยใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองกดขี่ ขูดรีดมันจึงมีแต่หนทางของนักการเมืองและมีแต่จุดหมายของนักการเมืองเท่านั้น พวกมันจึงกู้และปล้นชาติกันอย่างสนุกมือ รัฐบาลแล้ว รัฐบาลเล่า
และพวกเขาเอารูปการปกครอง (Form of Government) ระบบรัฐสภา(Parliamentary System) มาหลอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย ใครๆ ที่เข้าใจว่า การปกครองปัจจุบันคือระบอบประชาธิปไตย คุณกำลังคิดผิดอย่างแรง คุณอาจจะรักชาติแต่ทำลายชาติเพราะเชื่อตามๆ กันอย่างไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง แท้จริง พูดกันตรงๆ ยังไม่มีผู้ปกครองชุดไหนเข้าใจเรื่องสร้าง หรือสถาปนาหลักการ (ระบอบ) ปกครองประชาธิปไตยสักชุดเดียว มันมีแต่บ้ากันยกใหญ่ ยัดเยียดให้แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญกันมันคือระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และทุกรัฐบาลบิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย อย่างเช่น ชุมนุมไล่รัฐบาล พวกรัฐบาลมันกล่าวหาว่าเป็นกบฏ หาว่าไล่รัฐบาลประชาธิปไตย
หากเปรียบกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ กระจก มีสะท้อนความเป็นจริงที่ประจักษ์ มันไม่มีหน้าที่จะไปสร้างระบอบประชาธิปไตย เมื่อความเป็นจริงระบอบประชาธิปไตย หรือหลักการปกครองประชาธิปไตยยังไม่ได้รับการสถาปนา สภาพการณ์ที่แท้จริงมันจึงเผด็จการ คือเพียงไปยึดอำนาจของสมเด็จพระปกเกล้าฯ แล้วก็เอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาปกครองเท่านั้น มันจึงขัดกับหลักการ นโยบายของสมเด็จพระปกเกล้าฯ อย่างสิ้นเชิง
ในแนวทางที่ถูกต้องต้องร่วมกันเรียกร้อง ร่วมกันเสนอ ร่วมกันสร้าง ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ขึ้นมา จากนั้นจึงค่อยแก้ไขรัฐธรรมนูญโยงกับหลักการปกครองฯ นี่คือแนวทางที่ถูกต้องตามนโยบาย สมเด็จพระปกเกล้าฯ พระองค์ทรงต้องการสถาปนา “หลัก Democracy” แต่พวกบ้าอำนาจ อยากใหญ่ชุดแรกเมื่อปี 2475ความมุ่งหมายสูงสุดของพวกเขาคือ ธรรมนูญการปกครอง มันเลยผิดพลาดมาตลอด 80 ปีกว่าแล้ว...
เสธ.อ้าย แกนนำ พวกปัญญาชนไทยทั้งหลายหากไม่โค่นแนวคิดนี้ลงเสียก่อนนะ ถึงจะไล่รัฐบาล ถึงจะรัฐประหารโดยกองทัพ หรือจะปฏิวัติโดยประชาชน เช่น 14 ตุลา 16 มันก็จะไปคว้าเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันอีก “จะเขียนกันสัก100 ครั้ง 1,000 ฉบับ มันก็ไม่ได้ระบอบประชาธิปไตยสักครั้ง” เพราะมันผิดวิธีการ เสือกไปสร้างแต่ดาวเคราะห์ มันจึงตั้งอยู่ไม่ได้ ต้องล้มเหลวทุกครั้งไป
อุปมา มันต้องสร้างดวงอาทิตย์ (หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) ก่อน สร้างดาวเคราะห์ (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) อย่างยึดโยงกันเป็นเหตุเป็นผล เหตุดีผลดี หรือมันต้องสร้างไข่แดง (เหตุ) ก่อนไข่ขาว (ผล) แต่พวกมันสร้างแต่ไข่ขาว (รัฐธรรมนูญก่อนทุกครั้งไป จึงผิดพลาดทุกครั้งไป มากถึง 18 ครั้ง ยาวนาน 80 กว่าปีที่อยู่มาได้ก็เพราะมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นหลักชัยอยู่นั่นเอง)
หวังว่าท่านทั้งหลายพี่น้อง ผองเพื่อน ปัญญาชนที่รักที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ทั้งหลาย จะได้เห็นเหตุแห่งความจัญไรของชาติและร่วมมือแก้ไขให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เอาตามนี้นะท่าน เสธ.อ้าย
ทุกวันนี้ก็เพราะระบอบเลว จึงส่งผลให้รัฐบาลเลวทุกรัฐบาล...จึงส่งผลต่อ กระทรวงเลว กรมเลว จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล ถูกครอบงำด้วยกระแสแห่งความเลว
อันเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายอกุศล, ฝ่ายลบ, หรือฝ่ายเสื่อม กฎนี้เป็นกฎสากล หรือเป็นกฎทั่วไป (General law) คือ เป็นกฎความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล (พระไตรปิฎกไทยเล่มที่ 29 ข้อที่ 865) มีใจความว่า
อิมสฺมึสติอิทํโหติ เมื่อสิ่งนี้มีสิ่งนี้ก็มี
อิมสฺสุปฺปาทาอิทํอุปฺปชฺชติ เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น
อิมสฺมึอสติอิทํนโหติ เมื่อสิ่งนี้ไม่มีสิ่งนี้ก็ไม่มี
อิมสฺสนิโรธาอิทํนิรุชฺฌติ เพราะสิ่งนี้ดับสิ่งนี้ก็ดับ(ด้วย)
เมื่อนำมาพิจารณาเหตุปัจจัยทางการเมือง จะเห็นได้ว่าประเทศไทยกำลังเคลื่อนไปตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายเสื่อม ดังนี้
เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของกลุ่มทุนและนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียวจึงเป็นเหตุให้ไม่มีเสรีภาพบริบูรณ์ทางการเมืองเมื่อไม่มีเสรีภาพบริบูรณ์ทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้ไม่มีความเสมอภาคทางโอกาส
เมื่อไม่มีความเสมอภาคทางโอกาส จึงเป็นเหตุให้ไม่มีภราดรภาพ
เมื่อไม่มีภราดรภาพ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม
เมื่อไม่มีเอกภาพหรือรู้รักสามัคคีธรรม จึงเป็นเหตุให้ไม่มีดุลยภาพ
เมื่อไม่มีดุลยภาพ จึงเป็นเหตุให้ไม่มีหลักนิติธรรม บ้านเมืองจึงแตกแยก
ดังกล่าวนี้ ก็จะเป็นปัจจัยให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ขาดโอกาสที่ดีงามในความเป็นประชาชนไทย ทั้งยังจะถูกกดขี่ด้วยกฎหมาย ขูดรีดด้วยการเสียภาษีให้รัฐอย่างหนัก ประชาชนส่วนใหญ่ต้องทำงานอย่างหนักแต่ยากจน ระบอบการเมืองที่ไม่เป็นธรรมจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนทำผิดกฎหมายและจมอยู่ในกองอบายมุข แต่ผู้ปกครองกลับหลีกเลี่ยงกฎหมายและไร้จริยธรรม สภาพการณ์เช่นนี้ปัญญาชนจะลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบฯ และรัฐบาลที่สร้างหนี้และโกงประชาชน
คนฉลาด ปัญญาชน รู้ตื่น เบิกบาน ต้องออกมาร่วมมือกันแก้ไขตรงเหตุแห่งความจัญไรทั้งปวงของชาติและปวงชน
เราจึงกล่าวว่า.. “ไล่รัฐบาลจัญไรยกระดับขึ้นสู่ไล่ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ” อันเป็นลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ อันเป็นทายาทของคณะราษฎร (จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ที่ทำให้รัฐบาลต่อๆ มาสืบทอดแนวคิดบิดเบือนว่า...รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย จะเห็นได้จากสร้างอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญขึ้นกลางใจเมืองแล้วตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นี่คือแนวคิดอันเป็นโคตรอัปรีย์จัญไรที่ครอบงำแผ่นดิน)
ระบอบเผด็จการย่อมเกิดวิกฤตเสมอไป เมื่อเกิดวิกฤต มันก็ทำรัฐประหารแล้วมันสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือรัฐบาลจากการเลือกตั้งมันก็แก้ไข หรือไม่ก็ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยมา 18 ครั้งแล้ว จนกลายเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญมากที่สุด มากที่สุดในโลก มันก็ยังคิดจะสร้างรัฐธรรมนูญกันต่อไป มันโง่สิ้นดี
การยกร่างหรือการสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ มันก็คือ สร้างแต่วิธีการไป แต่ไม่มีจุดหมาย (ระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรม) ของปวงชน ในเมื่อหลักการปกครอง (ระบอบ) แท้จริงไม่มี หรือจุดหมาย หรือเอกภาพของปวงชนไม่มี หรือศูนย์กลางของปวงชนในชาติไม่มี หรือหลักนิติธรรมแห่งชาติไม่มีแล้วจุดหมายในทางการเมืองการปกครองเป็นของใคร????
จุดหมายหรือตัวระบอบที่มันเป็นอยู่ ที่มันดำรงอยู่ มันจึงกลายเป็นจุดหมายของกลุ่มทุนและนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว นั่นเอง พกมันจึงปล้นงบประมาณใต้โต๊ะอย่างถูกกฎหมายกันทุกรัฐบาลนี่แหละจึงเรียกว่า “ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ” เราต้องโค่นวิธีคิดจัญไรนี้อันเป็นทายาทของคณะราษฎรลงให้ได้ ลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญมันทำลายชาติของเรามา 80 กว่าปีแล้ว เราควรจะร่วมมือกันหยุดมันได้แล้ว แล้วใครเป็นผู้รักษาระบอบแนวคิดจัญไรนี้ไว้ มันก็มีแต่พวกพรรคการเมืองและกลุ่มทุนที่สนับสนุนเพียงหยิบมือเดียวนั่นเอง แท้จริงรัฐบาลระบอบเผด็จการนี้อ่อนแอมากๆ ดูได้จากการทำรัฐประหารล้มรัฐบาลโกงกินชาติลงอย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดายๆ ที่ว่าทุกคณะรัฐประหารนับแต่พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เรื่อยมาจนถึงรายล่าสุดคือ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ล้วนแล้วอยู่ในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
ประสบการณ์มันสอน มันบอก เห็นชัดแล้วว่า แนวทางลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญนี้มันจะมาคู่กับการรัฐประหารเสมอไป เราจะหยุดวงจรอุบาท์นี้ได้อย่างไร
วิธีการที่หนึ่ง มีคณะรัฐประหารที่มีปัญญา ทำรัฐประหารแล้วยกระดับขึ้นสู่การปฏิวัติงานเริ่มแรกยิ่งใหญ่ของชาติและปวงชนคือสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ตามแนวทางพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
วิธีการที่สอง ผู้นำ แกนนำ และมวลชนผู้มีปัญญา ละทิ้งแนวทางคณะราษฎรเชิดชูแนวทางเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าและบูรพกษัตริย์ รัชกาลที่ 5, 6, 7 และในหลวง มหาราชองค์ที่ 9 ด้วยการเรียกร้อง เสนอ ขอพระราชทานสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
โดยมีหลักและวิธีคิดง่ายๆ “จุดหมายต้องมาก่อนวิธีการไปสู่จุดหมาย” ผู้รู้กล่าวว่า “การที่เราจะเข้าถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องมีอยู่ก่อน” ดังเช่น สร้างวัดพระแก้วก่อน สร้างวิธีการไปวัดพระแก้ว) ฉันใด ต้องสร้างระบอบ (หลักการปกครองโดยธรรม) ก่อนรัฐธรรมนูญ ฉันนั้น ครับ พี่น้องปัญญาชน สาธุคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย
ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงในอดีตหลายครั้งหลายครา คือ ประชาชนอยากได้ระบอบประชาธิปไตย (หลักการปกครองโดยธรรม) แต่แกนนำมันโง่ มันพาไปเอากฎรัฐธรรมนูญใหม่ทุกที เพราะคิดว่ารัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย เฉกเช่นเดียวกับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
จึงเรารู้ได้ทันทีว่า แกนนำเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันสร้างแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ นั่นก็หมายความว่ามันสร้างแต่วิธีการไป แต่ไม่รู้ไปไหน เพราะไม่มีจุดหมาย รัฐบาลพาประชาชนไปลงเหวทุกรัฐบาล พวกเผด็จการมันเอาวิธีการมาเป็นจุดหมาย เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นวิธีการปกครอง (Methods of Government) มันจึงเป็นจุดหมายของผู้ปกครอง นักการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว
มันจึงกลายเป็นเผด็จการโดยรัฐบาลหรือผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว โดยใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองกดขี่ ขูดรีดมันจึงมีแต่หนทางของนักการเมืองและมีแต่จุดหมายของนักการเมืองเท่านั้น พวกมันจึงกู้และปล้นชาติกันอย่างสนุกมือ รัฐบาลแล้ว รัฐบาลเล่า
และพวกเขาเอารูปการปกครอง (Form of Government) ระบบรัฐสภา(Parliamentary System) มาหลอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย ใครๆ ที่เข้าใจว่า การปกครองปัจจุบันคือระบอบประชาธิปไตย คุณกำลังคิดผิดอย่างแรง คุณอาจจะรักชาติแต่ทำลายชาติเพราะเชื่อตามๆ กันอย่างไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง แท้จริง พูดกันตรงๆ ยังไม่มีผู้ปกครองชุดไหนเข้าใจเรื่องสร้าง หรือสถาปนาหลักการ (ระบอบ) ปกครองประชาธิปไตยสักชุดเดียว มันมีแต่บ้ากันยกใหญ่ ยัดเยียดให้แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญกันมันคือระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และทุกรัฐบาลบิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย อย่างเช่น ชุมนุมไล่รัฐบาล พวกรัฐบาลมันกล่าวหาว่าเป็นกบฏ หาว่าไล่รัฐบาลประชาธิปไตย
หากเปรียบกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ กระจก มีสะท้อนความเป็นจริงที่ประจักษ์ มันไม่มีหน้าที่จะไปสร้างระบอบประชาธิปไตย เมื่อความเป็นจริงระบอบประชาธิปไตย หรือหลักการปกครองประชาธิปไตยยังไม่ได้รับการสถาปนา สภาพการณ์ที่แท้จริงมันจึงเผด็จการ คือเพียงไปยึดอำนาจของสมเด็จพระปกเกล้าฯ แล้วก็เอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาปกครองเท่านั้น มันจึงขัดกับหลักการ นโยบายของสมเด็จพระปกเกล้าฯ อย่างสิ้นเชิง
ในแนวทางที่ถูกต้องต้องร่วมกันเรียกร้อง ร่วมกันเสนอ ร่วมกันสร้าง ร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ขึ้นมา จากนั้นจึงค่อยแก้ไขรัฐธรรมนูญโยงกับหลักการปกครองฯ นี่คือแนวทางที่ถูกต้องตามนโยบาย สมเด็จพระปกเกล้าฯ พระองค์ทรงต้องการสถาปนา “หลัก Democracy” แต่พวกบ้าอำนาจ อยากใหญ่ชุดแรกเมื่อปี 2475ความมุ่งหมายสูงสุดของพวกเขาคือ ธรรมนูญการปกครอง มันเลยผิดพลาดมาตลอด 80 ปีกว่าแล้ว...
เสธ.อ้าย แกนนำ พวกปัญญาชนไทยทั้งหลายหากไม่โค่นแนวคิดนี้ลงเสียก่อนนะ ถึงจะไล่รัฐบาล ถึงจะรัฐประหารโดยกองทัพ หรือจะปฏิวัติโดยประชาชน เช่น 14 ตุลา 16 มันก็จะไปคว้าเอารัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันอีก “จะเขียนกันสัก100 ครั้ง 1,000 ฉบับ มันก็ไม่ได้ระบอบประชาธิปไตยสักครั้ง” เพราะมันผิดวิธีการ เสือกไปสร้างแต่ดาวเคราะห์ มันจึงตั้งอยู่ไม่ได้ ต้องล้มเหลวทุกครั้งไป
อุปมา มันต้องสร้างดวงอาทิตย์ (หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9) ก่อน สร้างดาวเคราะห์ (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) อย่างยึดโยงกันเป็นเหตุเป็นผล เหตุดีผลดี หรือมันต้องสร้างไข่แดง (เหตุ) ก่อนไข่ขาว (ผล) แต่พวกมันสร้างแต่ไข่ขาว (รัฐธรรมนูญก่อนทุกครั้งไป จึงผิดพลาดทุกครั้งไป มากถึง 18 ครั้ง ยาวนาน 80 กว่าปีที่อยู่มาได้ก็เพราะมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นหลักชัยอยู่นั่นเอง)
หวังว่าท่านทั้งหลายพี่น้อง ผองเพื่อน ปัญญาชนที่รักที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ทั้งหลาย จะได้เห็นเหตุแห่งความจัญไรของชาติและร่วมมือแก้ไขให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เอาตามนี้นะท่าน เสธ.อ้าย