**ชักจะเข้าสู่วังวนเดิมๆ อีกครั้งสำหรับพลพรรคเพื่อแม้ว ที่ระยะหลังๆ เริ่มเห็นความร้าวฉาน คานอำนาจกันเอง ของคนภายในปะทุส่งเสียงดังจนคนภายนอกได้ยินบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงนี้มีเล็ดลอดออกมาให้เห็นกันแทบทุกสัปดาห์ อย่างล่าสุดก็กรณีที่ “พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดชุมพร เดินทางไปยื่นหนังสือถึง “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมแอบกระแทกกระทั้นใส่สองสามีภรรยา เครือข่ายเสื้อแดงเหมือนกันอย่าง “นพ.เหวง โตจิราการ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธานใหญ่ นปช.
ข้อหาหลอกลวง ต้มตุ๋น กลุ่มคนเสื้อแดงจากกรณีที่อ้างว่า ได้เดินทางไปยื่นเรื่องคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน–พฤษภาคม ปี 2553 กับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี โดย “บักเหงี่ยม” คนยื่นอ้างว่า สองสามีภรรยา เดอะเรด กำลังจะทำให้รัฐบาลตกอยู่ในสภาวะอันตราย เพราะการไปกดดันให้กระทรวงการต่างประเทศลงนามรับอำนาจของไอซีซี โดยไม่ผ่านกระบวนการสภา อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ได้
ขณะที่ในรายแกนนำนปช.คนอื่นๆ ก็ยังมีข่าวแว่วมาหนาหูด้วยว่า ขณะนี้บรรดาแกนนำที่อยู่ในจำพวกฮาร์ดคอร์ อย่าง "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ และ “ชินวัตร หาบุญพาด” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็แอบซุ่มประชุมลับ หาช่องทางเลื่อยขาเก้าอี้อยู่เป็นระยะๆ เพราะไม่พอใจบทบาทของ"ธิดาแดง"เอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม ศึกแดงชนแดงที่เกิดขึ้นก็คงยังดูเล็กน้อยเกิน หากจะนำไปเปรียบเทียบกับคลื่นใต้น้ำที่เริ่มก่อตัวภายในพรรคเพื่อไทย และตัวรัฐบาลเอง โดยเฉพาะกับศึกภายในที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดขณะนี้ อันเนื่องมาจากผลของการปรับ “ครม.ปู 3” ล้วนๆ
ดังที่ปรากฏให้เห็นจากกรณี “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำนปช. ต้องถอนสายบัวรอเก้อ หลังวืดเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” แดงตัวพ่อ ได้ตกปากรับคำว่าจะปูนบำเหน็จให้ได้เป็นเสนาบดี
แต่ทว่า พอเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการจัดโผชื่อของ “ตุ๊ดตู่” กลับหลุดวงโคจรออกไป จนทำให้บรรดาแฟนคลับออกมาตีโพยตีพาย อาละวาด เหน็บจิก “นายใหญ่” และ “นายหญิง” กันขนานใหญ่
ตามคิวที่ “วรชัย เหมะ” ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. ออกมาแฉเบื้องลึกเบื้องหลังว่า งานนี้ตัวตัดเกมที่เตะสกัดไม่ให้ “จตุพร” ขึ้นวอ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพวกเดียวกันเอง
**กระแทกดังๆ ออกมาเป็นตัวอักษรย่อ “ส.เสือ” ร่างอวบ น่ะตัวดี !
ส่วนแผนการบล็อกหนนี้ก็ไม่ใช่อะไร เพียงเพราะต้องการพยุงอำนาจให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่มี “สายล่อฟ้า” มาล่อเป้า บั่นทอนเสถียรพภาพรัฐบาล เข้าจังหวะ “ทักษิณ” ไฟเขียว แต่ “นารีปู” ผู้ถืออำนาจในปัจจุบัน มีทีมงานพรายกระซิบที่ตึกไทยคู่ฟ้า คอยปั่นหู เล่นบทกดสัญญาณไฟแดงห้ามผ่าน !
ผลการปรับครม.เที่ยวล่าสุดที่ออกมาจึงได้เห็นหน้าค่าตาโควตาใหม่ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีเพียงสายตรงนายใหญ่ สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า สายเจ๊แดง – เยาวภา แอนด์สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่บัดนี้มี “สายไทยคู่ฟ้า” ที่กำลังมาแรง
โดยเฉพาะทีมงานข้างกายผู้นำหญิงฯ ที่แต่ละคนพิสูจน์มาแล้วว่า ทนทานแข็งโป๊ก ไล่เรียงตั้งแต่ "โต้งไวท์ไลน์" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่แม้จะทำงานออกอ่าว ออกทะเล และมีระดับบิ๊กในรัฐบาลจ้องแซะเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอด “นายกฯหญิง” ก็ยังเหน็บเพื่อนซี๊ พี่รักคนนี้ให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนอีกรายที่มาแรงจนแกนนำเสื้อแดง และส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหมั่นไส้ และวางแผนจ้องถล่มกันอยู่ ก็หาใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “ส.ร่างอวบ” ข้างต้น คนเดียวกับที่เป่าหูนายหญิงตึกไทยฯ ไม่ให้ “จตุพร” อยู่ในลิสต์รายชื่อ 35 เสนาบดี
ตามสภาพความเป็นจริงที่วันนี้ “ส.ร่างอวบ” ได้ดิบได้ดี เป็นสายตรงนายหญิงตึกไทยฯ หลายๆ ตำแหน่งเจ้าตัวก็มีส่วนกระซิบว่านายกฯหญิง ควรจะเอาใครมาทำงาน
**สาเหตุที่ “ส.ร่างอวบ” ต้องตกเป็นเป้าโจมตีของคนเสื้อแดงมากขึ้นทุกขณะ ก็หาใช่เหตุผลใด นอกจากสไตล์การเลือกคนทำงานที่มักบล็อก “เสื้อแดง” อยู่เป็นประจำ
เพราะนอกจาก กรณีของ “จตุพร” ที่ต้องกินแห้วกระป๋องใหญ่จากสีเสื้อแล้ว ยังมีอีกหนึ่งรายที่ต้องถูกพิษ “ส.ร่างอวบ” เตะตัดขาจนตกกระป๋องเช่นกัน อย่าง "ดีเจเสื้อแดง" อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุด ย้ายสำมะโนครัวจากทำเนียบรัฐบาล ไปพึ่งน้ำเย็นๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม กับ “ฐานิสร์ เทียนทอง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่
หลังโดนสกัดดาวรุ่งไม่ให้ขึ้นเป็น “เบอร์ 1 ทีมโทรโข่ง” มาแล้วถึงสองครั้ง สองครา โดยรอบแรกเกิดขึ้นในช่วงที่ “ฐิติมา ฉายแสง” ประกาศไขก๊อกจากโฆษกรัฐบาล และเจ้าตัวได้ขึ้นเป็นรักษาการโฆษกรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวพยายามปั้นผลงาน ด้วยการออกมาตอบโต้ทางการเมืองกับพรรคฝ่ายค้านรายวัน ชนิดกะให้เตะตานายหญิงตึกไทยฯ
แต่โค้งสุดท้ายก็มิวายถูก “ส.ร่างอวบ” เบรกสกัด และประเคนชื่อ "เจ๊ติ๋ว" ศันสนีย์ นาคพงศ์ เข้าไปเสียบแทน จนกระทั่งล่าสุด “เจ๊ติ๋ว” ได้พาสชั้นเป็นเสนาบดี เก้าอี้โทรโข่งรัฐบาลว่างอีกครั้ง
“ดีเจเสื้อแดง” ลูบปาก คิดว่าไร้คู่แข่ง แต่ก็ต้องแห้วซ้ำสอง เพราะโดน “ส.ร่างอวบ” คนเดิมอีกแล้วยกขาไม่ให้ผ่าน จนในที่สุดต้องตัดสินใจแยกทาง
กลายเป็นการตอกลิ่มอำนาจ “ส.ร่างอวบ” กันอีกรอบ
** นอกจากเสื้อแดงที่ไม่พอใจพฤติกรรมของ “ส.ร่างอวบ” รายนี้แล้ว ในส่วนของมวลสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไล่ไปจนถึงแกนนำเกือบทั้งหมด ก็หาได้นิยมชมชอบแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังอยู่ในระดับเกลียดเข้ากระดูกดำ ชนิดเดินเข้าพรรคไม่ได้ จนทุกวันนี้
เพราะหลายคนยังฝังใจกับวันที่ “ไทยรักไทย” กำลังร่อแร่ “ส.ร่างอวบ” รายนี้นี่แหละที่รีบสะบัดตูด แยกตัวออกไป แล้วตั้งโต๊ะด่า “นายใหญ่” ด้วยตัวเอง แต่พอ “เพื่อไทย” ลุกขึ้นได้ และกลับมามีอำนาจ ก็รีบแจ้นเข้าหา “นายหญิงตึกไทย” ป้อนผลงานให้จนได้ดิบได้ดีแซงคิวคนอื่นที่จงรักภักดีมาตลอด
พูดได้ไม่เกินเลยว่า วันนี้ "ส.ร่างอวบ" กับที่ทำการพรรคเพื่อไทย กลายเป็นของแสลงกันไปแล้ว วันไหนเยื้องย่างเข้าไปก็มีแต่เสียงซุบซิบนินทาไล่หลัง พรรคพวกเดินหนี ไม่ทักทาย ตรงนี้เจ้าตัวก็รู้ดี
หนำซ้ำ ยังสวมบทพรายกระซิบปั่นหู “นายหญิงตึกไทยฯ” ว่าจะเลือกคนไหน เขี่ยคนไหน ชนิดงานในทำเนียบฯ แทบจะเคลียร์ให้ทั้งหมด
แม้ “นายใหญ่” และสมุนจะไม่แฮปปี้ แต่ก็ต้องจำใจยอมรับ เพราะวันนี้ “น้องรัก” ดันเป็นปลื้ม ฟอร์มอะไร พูดอะไรก็เชื่อเขาหมด
เรื่องนี้ก็เลยต้องจับตากันยาวๆ ว่า บรรดาพวกแอนตี้จะหาทางขจัด “ส.ร่างอวบ” กันอย่างไร หรือหากเจ้าตัวยังอยู่ ก็ต้องจับตาดูกำลังภายในของ “ทีมตึกไทยคู่ฟ้า” ว่า จะแบ่งโควตา แผ่อำนาจกันได้ขนาดไหน
**รวมไปถึงผนังทองแดงกำแพงเหล็กอย่าง “คนเสื้อแดง” ที่ “นายใหญ่” เองจะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ เพื่อรักษาเอาไว้คุ้มครองรัฐบาลในยามฉุกเฉิน
โดยเฉพาะในช่วงนี้มีเล็ดลอดออกมาให้เห็นกันแทบทุกสัปดาห์ อย่างล่าสุดก็กรณีที่ “พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์” ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดชุมพร เดินทางไปยื่นหนังสือถึง “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมแอบกระแทกกระทั้นใส่สองสามีภรรยา เครือข่ายเสื้อแดงเหมือนกันอย่าง “นพ.เหวง โตจิราการ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธานใหญ่ นปช.
ข้อหาหลอกลวง ต้มตุ๋น กลุ่มคนเสื้อแดงจากกรณีที่อ้างว่า ได้เดินทางไปยื่นเรื่องคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือนเมษายน–พฤษภาคม ปี 2553 กับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี โดย “บักเหงี่ยม” คนยื่นอ้างว่า สองสามีภรรยา เดอะเรด กำลังจะทำให้รัฐบาลตกอยู่ในสภาวะอันตราย เพราะการไปกดดันให้กระทรวงการต่างประเทศลงนามรับอำนาจของไอซีซี โดยไม่ผ่านกระบวนการสภา อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ได้
ขณะที่ในรายแกนนำนปช.คนอื่นๆ ก็ยังมีข่าวแว่วมาหนาหูด้วยว่า ขณะนี้บรรดาแกนนำที่อยู่ในจำพวกฮาร์ดคอร์ อย่าง "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ และ “ชินวัตร หาบุญพาด” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก็แอบซุ่มประชุมลับ หาช่องทางเลื่อยขาเก้าอี้อยู่เป็นระยะๆ เพราะไม่พอใจบทบาทของ"ธิดาแดง"เอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม ศึกแดงชนแดงที่เกิดขึ้นก็คงยังดูเล็กน้อยเกิน หากจะนำไปเปรียบเทียบกับคลื่นใต้น้ำที่เริ่มก่อตัวภายในพรรคเพื่อไทย และตัวรัฐบาลเอง โดยเฉพาะกับศึกภายในที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดขณะนี้ อันเนื่องมาจากผลของการปรับ “ครม.ปู 3” ล้วนๆ
ดังที่ปรากฏให้เห็นจากกรณี “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำนปช. ต้องถอนสายบัวรอเก้อ หลังวืดเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ ชินวัตร” แดงตัวพ่อ ได้ตกปากรับคำว่าจะปูนบำเหน็จให้ได้เป็นเสนาบดี
แต่ทว่า พอเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการจัดโผชื่อของ “ตุ๊ดตู่” กลับหลุดวงโคจรออกไป จนทำให้บรรดาแฟนคลับออกมาตีโพยตีพาย อาละวาด เหน็บจิก “นายใหญ่” และ “นายหญิง” กันขนานใหญ่
ตามคิวที่ “วรชัย เหมะ” ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. ออกมาแฉเบื้องลึกเบื้องหลังว่า งานนี้ตัวตัดเกมที่เตะสกัดไม่ให้ “จตุพร” ขึ้นวอ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพวกเดียวกันเอง
**กระแทกดังๆ ออกมาเป็นตัวอักษรย่อ “ส.เสือ” ร่างอวบ น่ะตัวดี !
ส่วนแผนการบล็อกหนนี้ก็ไม่ใช่อะไร เพียงเพราะต้องการพยุงอำนาจให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่มี “สายล่อฟ้า” มาล่อเป้า บั่นทอนเสถียรพภาพรัฐบาล เข้าจังหวะ “ทักษิณ” ไฟเขียว แต่ “นารีปู” ผู้ถืออำนาจในปัจจุบัน มีทีมงานพรายกระซิบที่ตึกไทยคู่ฟ้า คอยปั่นหู เล่นบทกดสัญญาณไฟแดงห้ามผ่าน !
ผลการปรับครม.เที่ยวล่าสุดที่ออกมาจึงได้เห็นหน้าค่าตาโควตาใหม่ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีเพียงสายตรงนายใหญ่ สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า สายเจ๊แดง – เยาวภา แอนด์สมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่บัดนี้มี “สายไทยคู่ฟ้า” ที่กำลังมาแรง
โดยเฉพาะทีมงานข้างกายผู้นำหญิงฯ ที่แต่ละคนพิสูจน์มาแล้วว่า ทนทานแข็งโป๊ก ไล่เรียงตั้งแต่ "โต้งไวท์ไลน์" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่แม้จะทำงานออกอ่าว ออกทะเล และมีระดับบิ๊กในรัฐบาลจ้องแซะเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา แต่จนแล้วจนรอด “นายกฯหญิง” ก็ยังเหน็บเพื่อนซี๊ พี่รักคนนี้ให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนอีกรายที่มาแรงจนแกนนำเสื้อแดง และส.ส.ในพรรคเพื่อไทยหมั่นไส้ และวางแผนจ้องถล่มกันอยู่ ก็หาใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “ส.ร่างอวบ” ข้างต้น คนเดียวกับที่เป่าหูนายหญิงตึกไทยฯ ไม่ให้ “จตุพร” อยู่ในลิสต์รายชื่อ 35 เสนาบดี
ตามสภาพความเป็นจริงที่วันนี้ “ส.ร่างอวบ” ได้ดิบได้ดี เป็นสายตรงนายหญิงตึกไทยฯ หลายๆ ตำแหน่งเจ้าตัวก็มีส่วนกระซิบว่านายกฯหญิง ควรจะเอาใครมาทำงาน
**สาเหตุที่ “ส.ร่างอวบ” ต้องตกเป็นเป้าโจมตีของคนเสื้อแดงมากขึ้นทุกขณะ ก็หาใช่เหตุผลใด นอกจากสไตล์การเลือกคนทำงานที่มักบล็อก “เสื้อแดง” อยู่เป็นประจำ
เพราะนอกจาก กรณีของ “จตุพร” ที่ต้องกินแห้วกระป๋องใหญ่จากสีเสื้อแล้ว ยังมีอีกหนึ่งรายที่ต้องถูกพิษ “ส.ร่างอวบ” เตะตัดขาจนตกกระป๋องเช่นกัน อย่าง "ดีเจเสื้อแดง" อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุด ย้ายสำมะโนครัวจากทำเนียบรัฐบาล ไปพึ่งน้ำเย็นๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม กับ “ฐานิสร์ เทียนทอง” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่
หลังโดนสกัดดาวรุ่งไม่ให้ขึ้นเป็น “เบอร์ 1 ทีมโทรโข่ง” มาแล้วถึงสองครั้ง สองครา โดยรอบแรกเกิดขึ้นในช่วงที่ “ฐิติมา ฉายแสง” ประกาศไขก๊อกจากโฆษกรัฐบาล และเจ้าตัวได้ขึ้นเป็นรักษาการโฆษกรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวพยายามปั้นผลงาน ด้วยการออกมาตอบโต้ทางการเมืองกับพรรคฝ่ายค้านรายวัน ชนิดกะให้เตะตานายหญิงตึกไทยฯ
แต่โค้งสุดท้ายก็มิวายถูก “ส.ร่างอวบ” เบรกสกัด และประเคนชื่อ "เจ๊ติ๋ว" ศันสนีย์ นาคพงศ์ เข้าไปเสียบแทน จนกระทั่งล่าสุด “เจ๊ติ๋ว” ได้พาสชั้นเป็นเสนาบดี เก้าอี้โทรโข่งรัฐบาลว่างอีกครั้ง
“ดีเจเสื้อแดง” ลูบปาก คิดว่าไร้คู่แข่ง แต่ก็ต้องแห้วซ้ำสอง เพราะโดน “ส.ร่างอวบ” คนเดิมอีกแล้วยกขาไม่ให้ผ่าน จนในที่สุดต้องตัดสินใจแยกทาง
กลายเป็นการตอกลิ่มอำนาจ “ส.ร่างอวบ” กันอีกรอบ
** นอกจากเสื้อแดงที่ไม่พอใจพฤติกรรมของ “ส.ร่างอวบ” รายนี้แล้ว ในส่วนของมวลสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไล่ไปจนถึงแกนนำเกือบทั้งหมด ก็หาได้นิยมชมชอบแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังอยู่ในระดับเกลียดเข้ากระดูกดำ ชนิดเดินเข้าพรรคไม่ได้ จนทุกวันนี้
เพราะหลายคนยังฝังใจกับวันที่ “ไทยรักไทย” กำลังร่อแร่ “ส.ร่างอวบ” รายนี้นี่แหละที่รีบสะบัดตูด แยกตัวออกไป แล้วตั้งโต๊ะด่า “นายใหญ่” ด้วยตัวเอง แต่พอ “เพื่อไทย” ลุกขึ้นได้ และกลับมามีอำนาจ ก็รีบแจ้นเข้าหา “นายหญิงตึกไทย” ป้อนผลงานให้จนได้ดิบได้ดีแซงคิวคนอื่นที่จงรักภักดีมาตลอด
พูดได้ไม่เกินเลยว่า วันนี้ "ส.ร่างอวบ" กับที่ทำการพรรคเพื่อไทย กลายเป็นของแสลงกันไปแล้ว วันไหนเยื้องย่างเข้าไปก็มีแต่เสียงซุบซิบนินทาไล่หลัง พรรคพวกเดินหนี ไม่ทักทาย ตรงนี้เจ้าตัวก็รู้ดี
หนำซ้ำ ยังสวมบทพรายกระซิบปั่นหู “นายหญิงตึกไทยฯ” ว่าจะเลือกคนไหน เขี่ยคนไหน ชนิดงานในทำเนียบฯ แทบจะเคลียร์ให้ทั้งหมด
แม้ “นายใหญ่” และสมุนจะไม่แฮปปี้ แต่ก็ต้องจำใจยอมรับ เพราะวันนี้ “น้องรัก” ดันเป็นปลื้ม ฟอร์มอะไร พูดอะไรก็เชื่อเขาหมด
เรื่องนี้ก็เลยต้องจับตากันยาวๆ ว่า บรรดาพวกแอนตี้จะหาทางขจัด “ส.ร่างอวบ” กันอย่างไร หรือหากเจ้าตัวยังอยู่ ก็ต้องจับตาดูกำลังภายในของ “ทีมตึกไทยคู่ฟ้า” ว่า จะแบ่งโควตา แผ่อำนาจกันได้ขนาดไหน
**รวมไปถึงผนังทองแดงกำแพงเหล็กอย่าง “คนเสื้อแดง” ที่ “นายใหญ่” เองจะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ เพื่อรักษาเอาไว้คุ้มครองรัฐบาลในยามฉุกเฉิน