ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 12
เวลาเดียวกันณวัตรยื่นโบว์ชัวร์แบบบ้านให้ตรงหน้าธีรดนย์
“บ้านของนาย”
ธีรดนย์รับภาพบ้านมาดู พึงพอใจกับบ้านใหม่
ณวัตรยื่นเช็คให้ห้าล้าน “พร้อมเงินห้าล้านบาท ฉันคิดว่ามากพอสำหรับทุนการศึกษา นายคงไม่เรียกร้องมากไปกว่านี้”
ธีรดนย์บอก “ผมไม่คิดจะใช้แม่เป็นข้อต่อแลกเปลี่ยน”
“หลังเผาศพอุษา นายย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ได้เลย”
ธีรดนย์แปลกใจที่ณวัตรเร่งย้ายบ้านให้ธีรดนย์
“ฉันไม่มีเจตนาไล่นาย แต่มันดีกับทั้งสองฝ่าย”
ธีรดนย์มองณวัตร แปลกใจในคำพูดของณวัตร
“นายต้องการอิสระ ฉันเองก็ต้องการให้นายห่างจากลูกสาวฉัน”
“ครับ...ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”
ธีรดนย์ยอมรับข้อเสนอของณวัตร
ชนิกานต์ยืนรอที่มุมหนึ่ง แปลกใจว่าณวัตรเรียกธีรดนย์ไปคุยเรื่องอะไร?
“คุณพ่อคุยเรื่องอะไร” จู่ๆ ชนิกานต์ตกใจ “รึว่าคุณพ่อรู้...เป็นไปไม่ได้”
ชนิกานต์คาใจ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้นก่อน รีบกดรับเมื่อเห็นชื่อสุตาภัญ
“ว่าไงยัยตา...” ชนิกานต์ได้ฟังก็ตกใจ “อะไรนะ...เธออยู่ไหน...ฉันจะรีบไป”
ชนิกานต์วางสายโทรศัพท์ ตัดสินใจไม่รอฟังเรื่องจากธีรดนย์ เดินลิ่วออกไปทันทีเพราะห่วงเพื่อน
ด้านธีรดนย์ออกจากห้องทำงานณวัตรก่อนจะปิดประตู กฤติยาเดินเข้ามาหา
“ไม่สบายใจเรื่องป้าอุษา...รึว่าเครียดเรื่องนิกกี้”
ธีรดนย์สะอึก กลัวกฤติยาจะรู้เรื่องของเขากับชนิกานต์
ชนกชนม์หิ้วกระเป๋าใส่เครื่องประดับออกมาหน้าบ้านสุรเดช ตั้งใจจะเอาไปขาย สุรเดชเข้ามาแย่งไป
“เฮ้ย...ไอ้ขโมยเอาคืนมา ฉันจะไปขาย” ชนกชนม์ตามเอาคืน
“จะได้กี่บาทเชียว” สุรเดชเยาะ
“ไม่ต้องมาหว่านล้อมให้ทำชั่วเหมือนแก”
“โห..ชั่วกระเด็นเข้าหน้า..ฉันเลิกแล้ว” จอมกะล่อนบอก
“สาบานพระเก้าวัด” ชนกชนม์จ้องหน้า
“ฉันเข้าวัดไม่ได้ มันร้อน..ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง...แกไม่ต้องขายแล้ว ขืนไปขายพวกเชี๊ยก็ป่วน...แกไปขวางทางรักน้องแกด้วย”
“ไม่ขายแล้วจะเอาไรกิน”
“ตอนนี้ข้ามีเงิน...ข้าเลี้ยงได้...วันนี้ไปสนุกกัน”
“ไปไหน”
“ไม่ต้องถาม...ไปถึงแล้วจะตื่นเต๊นนน”
“ไปก็ได้ แต่ขอไปธุระก่อน”
สุรเดชแปลกใจว่าชนกชนม์จะไปไหน
สองคนอยู่ตรงมุมหนึ่งที่คฤหาสน์ณวัตร ธีรดนย์ย้อนถามกฤติยา
“เธอรู้ได้ไงว่าฉันมีปัญหากับนิกกี้”
“ฉันเห็นเงานิกกี้ทาบอยู่บนหน้านาย”
ธีรดนย์ชักกังวลใจ “จริงเหรอ? ต้องรีบล้างหน้าแล้วล่ะ เงาอำมหิตซะด้วย”
“ฉันล้อเล่นนะ...ฉันแอบเห็นนายทะเลาะกับนิกกี้”
“เธอเป็นกล้องวงจรปิดรึเปล่า เห็นโน่นเห็นนี่ตลอด” ธีรดนย์เย้า
“บ้า...”
กฤติยาหัวเราะ ธีรดนย์พลอยยิ้มและมีความสุขไปด้วย....
“ธีรดนย์....นายอย่าโกรธนิกกี้เลย จริงๆ แล้วเธอไม่มีอะไรหรอก แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เหงา เธอต้องการความรัก”
ธีรดนย์เถียง “แต่ทำร้ายคนอื่น”
“มันเป็นวิธีหนึ่งในการเรียกร้องความสนใจ...รักมากก็ป่วนอย่างไม่มีเหตุผล คนแบบนี้ล่ะรักจริง แต่ถ้าเกินลิมิตก็หึงจนน่ากลัว”
ธีรดนย์คิดตาม กังวลใจ กลัวปัญหาจะตามมา
“ฉันทำให้นายเครียดอีกแล้ว...ไม่เอาไม่เครียด”
กฤติยาเข้าไปนวดขมับให้ ธีรดนย์มองหน้า กฤติยารีบเอามือออก
“ไปเที่ยวกัน”
ธีรดนย์แปลกใจที่กฤติยาชวนไปเที่ยว
ชนกชนม์แวะมาหาสุตาภัญที่บ้าน แต่ต้องตกใจเมื่อรู้จากสุรัมภาว่าสุตาภัญออกจากบ้านไปแล้ว
“ตาย้ายออกไปแล้ว!”
“ค่ะ”
ชนกชนม์รู้สึกผิด “เพราะพี่..ทำให้ตาต้องลำบาก”
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ...คุณพ่อไม่ตั้งใจจะไล่พี่ตา พี่ตาเป็นคนขอออกไปเอง”“แล้วตาไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีใครทราบค่ะ”
ชนกชนม์กังวลใจ เป็นห่วงสุตาภัญมาก
สุตาภัญเดินถือกระเป๋ามาหยุดหน้าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ชนิกานต์มายืนข้างๆ
“เธอจะอยู่อพาร์ทเม้นท์เนี่ยนะ”
สุตาภัญร้องเพลงอารมณ์ดี “นี่ถือสถานแหล่งอพาร์ทเม้นท์ที่ฉันปองมาสู่” แล้วยิ้มให้ชนิกานต์ “เสียดายไม่ได้ผูกเปียมาด้วย”
สุตาภัญเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ชนิกานต์วิ่งตามไป “ยัยตา”
ชนกชนม์ยังอยู่ตรงหน้าบ้านสุตาภัญ พยายามโทรศัพท์หาสุตาภัญ แต่ติดต่อไม่ได้
“ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าปิดเครื่องรึเปลี่ยนเบอร์? คงคิดตัดขาดจากครอบครัว”
สุรเดชเยาะเย้ยเอา “แล้วก็ตัดขาดจากแกด้วย ฮะฮาฮ่า..สมน้ำหน้า”
ชนกชนม์มองหน้าอย่างไม่พอใจ สุรเดชหยุดหัวเราะทันที
“ช่วยกันตามหาตา”
สุรเดชยิ้ม “ไม่..แกรับปากจะไปกับฉัน ห้ามเบี้ยว”
“แต่ฉันห่วงตา”
“พักเรื่องนางฟ้าไว้ก่อน ไปสนุกกับชีวิต แล้วค่อยกลับมาคิดเรื่องรัก เชื่อผู้เชี่ยวชาญรักอย่างฉัน”
ชนกชนม์ไม่มีทางเลือก จำต้องไปกับสุรเดช
“บอกได้ยังจะไปไหน”
สุตาภัญเดินเข้ามาในห้องพักใหม่ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“สวัสดีจ้ะห้องใหม่.....ชีวิตใหม่ของฉัน”
ชนิกานต์แปลกใจ “โดนไล่ออกจากบ้านยังร่าเริงอยู่ได้ เธอไม่เสียใจ”
สุตาภัญบอก “เสียใจสุดๆ”
ชนิกานต์โผเข้ามากอดสุตาภัญ “ไม่ต้องร้อง...เธอยังมีฉัน”
“เฮ้ย...ฉันโอเค”
ชนิกานต์ยิ่งแปลกใจที่เห็นสุตาภัญเข้มแข็ง ไม่ฟูมฟายสักนิด
“ห้องยังกะรังแมว...ย้ายไปอยู่บ้านฉัน”
“ไม่อ่ะ ฉันเป็นนกน้อยในกรงทองมานาน ขอฉันโบยบินบ้าง”
ขณะพูด น้ำตาสุตาภัญไหลรินออกมา ชนิกานต์แปลกใจใหญ่
“ร้องไห้ทำไม”
“ไม่ได้ร้อง มันไหลออกมาเอง ตื่นเต้นยังไงไม่รู้...ต้องเรียน...แล้วก็หางานพิเศษหาเงินด้วยตัวเอง ต้องใช้ชีวิตคนเดียว มันตื่นเต้นอ่ะ”
ชนิกานต์เข้าสวมกอดสุตาภัญให้แรงใจ “เธอไม่ต้องกลัวนะ ฉันเป็นเพื่อนเธอ เธอยังมีฉัน”
จู่ๆ สุตาภัญร้องไห้โฮ ชนิกานต์แปลกใจหนัก
“อะไรของเธอเนี่ย เรื่องควรเสียใจไม่ร้อง ฉันพูดแค่นี้เอาซะโฮเลย”
“ฉันตื้นตัน...คำว่าเพื่อนทำให้จุกอก...อั้นไม่อยู่...ฉันคงต้องยอมรับความจริงแล้วว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยู่คนเดียวไม่ได้”
“อย่างน้อยเธอก็มีฉัน”
สุตาภัญกอดชนิกานต์แน่น จนชนิกานต์หายใจไม่ออก
“พอแล้ว ฉันหายใจไม่ออก”
สุตาภัญยิ้มให้ชนิกานต์ ดีใจที่มีเพื่อนคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจ เสียงโทรศัพท์ชนิกานต์ดังขึ้น ชนิกานต์มองเบอร์แล้วรับสายท่าทีแปลกใจ
“เธอเองเหรอ มีอะไร”
สุตาภัญแปลกใจว่าใครโทร.หาชนิกานต์
“ได้...ฉันจะรีบไป..” หันมาบอกสุตาภัญ “ไปกับฉัน”
สุตาภัญแปลกใจสองเด้งว่าใครโทร.มา และชนิกานต์จะพาไปไหน?
ที่บ่อนเสี่ยปรัชญา ชยางกูรเล่นเสีย โวยวายดังลั่นอย่างไม่พอใจ
“เสียอีกแล้ว โกงป่าววะ”
ชยางกูรโวยใส่พนักงาน ปรัชญาเดินเข้ามาบอกชยางกูร
“กฎใหญ่ของการเล่นพนัน..มีได้ก็มีเสีย มีเสียก็มีได้”
“ผมขอยืมเฮียเพิ่มอีกสองล้าน”
“เคลียร์ของเก่าห้าล้านก่อนดีกว่า เฮียไม่ได้งก แต่มันเป็นกฎเหล็กของเฮีย”
ชยางกูรผิดหวังที่ปรัชญาไม่ให้ยืมเงินเพิ่ม เดินหัวเสียออกไป
เพทายเดินตามหลังไป ปรัชญามองเหยียดยิ้มชยางกูร
ชยางกูรเดินหัวเสียออกมา เพทายเข้ามาเตือนทำเป็นหวังดี
“พักหลังมีแต่เสียกับเสีย ดวงนายคงไม่ถูกโฉลกกับที่นี่ เลิกเหอะ”
“ไม่ต้องยุ่ง! ฉันเสียไปเท่าไหร่ฉันต้องได้คืนเป็นสิบเท่า!” ชยางกูรพูดอย่างอวดเก่ง
“นายจะหาเงินมาจากไหนมาใช้หนี้แล้วเล่นต่อ? แม่นายไม่ให้หรอก”
“ฉันดูแลบริษัท..ฉันมีสิทธิ์บริหารเงินทั้งหมด”
ชยางกูรคุยโว แล้วเดินออกไป เพทายยืนมองตาม ยิ้มด้วยความพอใจ
จังหวะนั้นเฮียปรัชญาเดินเข้ามาเตะไหล่เพทาย
“เหยื่อตัวใหญ่ ต้องเสียแรงเย่อนานกว่าจะสำเร็จ”
“มันก็คุ้มกับนะเฮีย เฮียจะได้เงินจากมันอีกเป็นสิบๆ ล้าน”
“แกก็จะได้เปอร์เซ็นจากฉันไม่น้อย”
เพทายและปรัชญาหัวเราะพอใจที่ลวงชยางกูรมาตกหลุมพรางให้สูบเงินจนได้
ชนกชนม์เดินเข้ามาในสวนสนุก มองตรงไปเบื้องหน้า เห็นบรรยากาศภายในสวนสนุก คึกคักสุดๆ ชนกชนม์หันกลับไปถามสุรเดช
“หน้าอย่างแกเนี่ยนะอยากเที่ยวสวนสนุก”
“หน้าอย่างนี้ก็มีหัวใจนะเว้ยเฮ้ย”
“เออ..จะว่าไป..แกเหมาะ”
สุรเดชมองไปที่ปราสาทเทพนิยาย “เหมาะที่จะเป็นเจ้าชายอยู่ในปราสาท”
แต่ชนกชนม์มองไปยังบ้านผีสิง “บ้านผีสิง” แล้วระเบิดหัวเราะใส่สุรเดช
“ไอ้หมาชนม์”
สุรเดชไล่เตะอุตลุด ชนกชนม์วิ่งหนีเข้าไปภายในสวนสนุก ครู่ต่อมาชนิกานต์พาสุตาภัญเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งในสวนสนุกเดียวกัน
ชนิกานต์กำลังมองหาใครสักคน สุตาภัญเข้ามาถามชนิกานต์
“มองหาใคร”
“เปล่า” ชนิกานต์ปฏิเสธ
“โกหก...เมื่อกี้คุยกับใคร? นัดมาทำอะไร?..แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ไม่ต้องซักน่า..มีธุระนิดหน่อย”
“ธุระเธอแล้วทำไมต้องลากฉันมาด้วย”
“ใครกันบ่นอยากหางานพิเศษหาเงิน”
สุตาภัญเสียงอ่อย “ฉันจ้ะ” แล้วนึกสงสัย “ให้ฉันทำงานในสวนสนุกเนี่ยนะ”
“เหมาะกับนางฟ้าเบอร์ห้าอย่างเธอ...รับรองว่าสนุ๊กสนุก”
สุตาภัญแปลกใจว่าจะเป็นงานอะไร ชนิกานต์ลากมือเข้าไปด้านใน
ระหว่างนั้นธีรดนย์และกฤติยา เดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง
ธีรดนย์ยืนมองเครื่องเล่น กฤติยาเดินมาหายิ้มให้
“รับรองว่านายจะหายเครียดแน่นอน เป็นไง..ชอบไหม”
ธีรดนย์ส่ายหน้า
“ฉันรู้ว่ายังมีงานศพ มันไม่เหมาะ แต่ป้าอุษาคงไม่อยากเห็นลูกชายเอาแต่ทุกข์ใจ โอเคนะ”
ธีรดนย์ยังคงนิ่งเงียบ
กฤติยารู้สึกผิดหวัง “ขอโทษนะ ที่ทำนายเสียเวลา..นายไม่อยากเที่ยวก็กลับเถอะ”
กฤติยาจะเดินออกไป ธีรดนย์เข้ามาจับมือไว้
“บอกให้ฉันหายเครียด แต่ตัวเองเครียดซะเอง..มานี่เลย”
ธีรดนย์ลากมือกฤติยาเข้าไปด้านในสวนสนุก
ด้านสุรเดชยื่นตั๋วเครื่องเล่นรถไฟเหาะให้ชนกชนม์
“แกเอาไปเล่นเครื่องเล่น ฉันจะไปเล่นอันโน้น”
ชนกชนม์สงสัย “มาด้วยกันก็เล่นด้วยกัน”
สุรเดชทำท่าออกสาวใส่ “ไม่อาว...เค้าไม่เล่นกับตัวเองหรอก”
“อะไรของแก” ชนกชนม์ยิ่งสงสัย
สุรเดชพูดเสียงแมนปกติ “ฉันจะหาขบวนรถที่สาวๆ มาคนเดียว แล้วฉันก็ลงไปแจมนั่งสองต่อสอง กุ๊กกิ๊กจุ๊กกะดิ๊กกัน โครตเฟี้ยวเลย”
สุรเดชจะเดินออกไป...ชนกชนม์จับตัวไว้
“บอกความจริง แกมานี่เพราะมาปล่อยของ”
สุรเดชเซ็ง “เฮ้ย...มองโลกแง่ร้ายว่ะ”
ชนกชนม์เข้ามาค้นตัวสุรเดช จับตามตัวเสื้อ ไล่ลงมาที่กระเป๋ากางเกงหลัง ค้นไม่เจออะไร ตั้งท่าจะจับที่เป้า
สุรเดชร้องลั่น “หยุด....อันนั้นสงวนลิขสิทธิ์!...ฉันมาดี ไม่ได้ส่งยา ตำรวจล่าคืนนั้นเข็ดแล้วเลิกแล้ว!”
“ไม่เชื่อ”
“เมื่อไหร่แกจะเลิกมองฉันในแง่ร้ายสักทีวะ”
“แกหาเรื่องให้ฉันซวยตลอด อยากให้ฉันไว้ใจ ก็ทำตัวให้ดีมีประโยชน์บ้าง”
สุรเดชแสร้งทำเป็นสะเทือนใจมวาก “จุกว่ะเพื่อน...ไม่เล่นแล้ว แกจะเล่นไรก็ไปเหอะ...แซด”
ชนกชนม์ส่ายหน้า เดินออกไป
สักครู่หนึ่งเปี๊ยกเดินเข้ามาหาสุรเดช
“ลูกค้ารออยู่...ของอยู่ไหน”
สุรเดชก้มมองเป้ากางเกงตัวเอง “ฝากไว้กับน้องชาย”
สุรเดชยิ้มย่องพอใจ ที่ชนกชนม์ไม่ได้เข้ามาค้นเจอยา
“ไปส่งของ..แล้วเที่ยวให้สนุก...ยะฮิ้ววว”
ฝ่ายชนิกานต์ถอนสายบัวให้สุตาภัญอย่างสวยงาม สวมบทบาทนางรับใช้
“ฉลองพระองค์เจ้าหญิงเพคะ”
สุตาภัญงง “อะไรของเธอ”
“อยากรับจ๊อบไม่ใช่เหรอ? เอาไปสิ”
สุตาภัญรับชุดมาดู...เริ่มสนใจ
“สนุกดีนะ..ถูกไล่ออกจากบ้านเป็นหญิงพเนจร ไม่ทันข้ามคืนก็ได้เป็นเจ้าหญิง” สุตาภัญว่าขำๆ
“ไปเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วไปทำงานได้แล้วเพคะ”
สุตาภัญยิ้มรับ แล้วถือชุดเข้าไปเปลี่ยน ชนิกานต์หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หา แต่ปลายสายไม่มีคนรับ
“นัดฉันไว้...แต่ไม่รับสาย”
ชนิกานต์หน้าคว่ำไม่พอใจ เดินออกไปตามหาใครสักคน
เวลาเดียวกันธีรดนย์ลากกฤติยาเข้ามานั่งเครื่องเล่น
“ไม่เอา....นายเล่นคนเดียวเถอะ ฉันกลัว”
ธีรดนย์เข้ามาจับมือกฤติยาเข้ามานั่งด้วยกัน กฤติยารู้สึกตื่นกลัว
“ไม่ต้องกลัว.....ฉันอยู่ด้วย”
กฤติยายิ้มได้ รู้สึกดีที่ธีรดนย์พร้อมปกป้อง เครื่องเล่นวิ่งออกไป กฤติยาตกใจกลัว ธีรดนย์ยิ้มเป็นกำลังใจให้
ตรงบริเวณเดียวกับที่ชนิกานต์มอบชุดให้เวลานั้น สุตาภัญแต่งชุดเจ้าหญิงออกมา แต่แปลกใจเมื่อไม่เห็นชนิกานต์
“ยัยนิกกี้หนีไปไหน”
สุตาภัญมองหาชนิกานต์ พนักงานเข้ามาบอกสุตาภัญ
“อย่าอู้งาน....ออกไปแจกลูกโป่งเด็กๆ ได้แล้ว”
“ค่ะ” สุตาภัญรับงงๆ
พนักงานส่งลูกโป่งเป็นก้านให้ สุตาภัญรับแล้วรีบเดินออกไป
ชนกชนม์เดินเล่นมาเรื่อยๆ จนไม่รู้จะเล่นอะไรดี ชนกชนม์ชนกับสุตาภัญในชุดเจ้าหญิง
สุตาภัญร้อง “ว้าย” เห็นลูกโป่งในมือตกพื้น สุตาภัญรีบก้มเก็บ
“ขอโทษครับ” ชนกชนม์ว่า
สุตาภัญไม่ได้มอง ก้มเก็บลูกโป่ง “ไม่เป็นไรค่ะ”
สุตาภัญก้มเก็บลูกโป่งเสร็จ แล้วรีบเดินออกไป ชนกชนม์มองตาม ยิ้มแป้น ดีใจที่ได้เจอสุตาภัญ
“ตา...” ชนกชนม์คิดจะทำอะไรบางอย่าง
เวลาเดียวกัน ที่บริษัทเพชรของชลนิภา ชยางกูรโยนแฟ้มใส่หน้าพนักงานหญิง
“กล้าดียังไงไม่ทำเรื่องเบิกเงินให้ฉัน”
“ดิฉันต้องทำเรื่องเสนอคุณชลนิภาก่อนค่ะ”
“เธอก็รู้ว่าคุณแม่ไปต่างประเทศ ฉันต้องสั่งซื้อเพชรล๊อตใหญ่”
“เงินจำนวนมากควรรอให้คุณ...”
พนักงานพูดไม่ทันจบคำ ชยางกูรสวนขึ้น “คุณแม่ให้ฉันบริหารงานแทน เธอขัดคำสั่งฉัน!เท่ากับขัดคำสั่งคุณแม่! อยากลาออกก่อนกำหนดรึไง”
ชยางกูรขู่พนักงานหญิง
พนักงานชายพนักหน้าให้พนักงานหญิงยอมทำตามชยางกูร
“ได้ค่ะ...ฉันจะทำเบิกให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
ชยางกูรยิ้มพอใจ เดินกลับเข้าไปที่ห้อง
พนักงานชายเดินเข้ามาหาพนักงานหญิง
“ตามใจลูกเสียคน สุดท้ายต้องจนใจเอง”
พนักงานชายส่ายหน้า ขณะหันไปมองรูปภาพชลนิภาที่ติดไว้ตรงผนังในบริษัท
ชยางกูรอยู่ในห้องคุยโทรศัพท์กับเพทาย
“บอกเฮียว่าฉันจะโอนเงินไปให้ภายในหนึ่งชั่วโมง เย็นนี้เคลียร์โต๊ะพิเศษให้ฉันด้วย”
ชยางกูรสั่งการเสร็จ วางสาย แล้วยิ้มย่อง ที่สามารถเบิกเงินใช้ได้ตามต้องการ
“เงินทุกบาทในบริษัท มันเป็นของฉัน”
ขณะที่สุตาภัญบิดลูกโป่งรูปดอกไม้ให้เด็ก
“ได้ดอกไม้แสนดีจากเจ้าหญิงแล้ว.. ต้องเป็นเด็กดีนะคะ”
เด็กชายหญิงรับพร้อมกัน “ครับ” / “ ค่ะ”
เด็กๆ ได้รับลูกโป่งวิ่งออกไป สุตาภัญมองตาม ยิ้มมีความสุข พูดกับตัวเอง
“งานนี้เหมาะกับเราจริงๆ ด้วย เจ้าหญิงผู้อารีย์”
ชนกชนม์เลียนเสียงเด็ก “ผมขอลูกโป่งด้วยครับ”
สุตาภัญหันไป คิดว่าเป็นเด็กจริงๆ แต่เจอชนกชนม์ในชุดโจรสลัดตาเดียว สุตาภัญแปลกใจ
ชนกชนม์บอก “เอารูปหัวใจนะครับ”
สุตาภัญเดินเข้ามาใกล้ แล้วดึงที่ปิดตาออกมาดูหน้า
ชนกชนม์ยิ้มแฉ่ง “จ๊ะเอ๋”
สุตาภัญตะลึงเมื่อรู้ว่าเป็นชนกชนม์ “นาย”
สุตาภัญปล่อยมือให้ที่ปิดตาดีดใส่ตา ชนกชนม์ร้องลั่น
“โอ๊ยย”
สุตาภัญเดินหนีไปทันที ชนกชนม์รีบเดินตาม
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 12 (ต่อ)
สุตาภัญเดินหนีมาอีกมุม ชนกชนม์เดินตาม สุตาภัญไม่พอใจหันมาต่อว่าเสียงขุ่น
“เลิกตามฉันได้แล้ว”
ชนกชนม์เสียงดังใส่ “ไม่ได้”
สุตาภัญไม่พอใจ “นาย”
“ฉันเป็นต้นเหตุให้เธอโดนไล่ออกจากบ้าน...ฉันต้องรับผิดชอบชีวิตเธอ”
สุตาภัญแปลกใจที่ชนกชนม์รู้เรื่องนี้
“ภาเล่าเรื่องให้ฉันฟังหมดแล้ว.....ฉันจะคอยดูแลเธอเอง”
สุตาภัญจ้องหน้า “นายอย่าลืมคำพูดที่บอกฉัน...”เราจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน” นายกำลังจะกลืนน้ำลายตัวเอง
“ฉันยอม..ถ้ามันทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น”
“มันอาจจะแย่ลงก็ได้”
สุตาภัญจะเดินหนีไป..ชนกชนม์รีบบอก
“ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่เจ้าชายของเธอ แต่ฉันพร้อมจะเป็นองครักษ์พิทักษ์เธอ”
สุตาภัญมองหน้าชนกชนม์แวบหนึ่ง แล้วเดินหนีออกไป ชนกชนม์ผิดหวัง แต่ฮึดไม่ยอมแพ้ คิดตื๊อสุตาภัญต่อไป
ฟากกฤติยาเดินลงจากเครื่องเล่น ธีรดนย์เข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้าง ไหวไหม”
“นิสัยไม่ดีแกล้งฉัน”
“ไม่ได้แกล้ง อยากให้หายเครียดด้วยกัน...ไปเล่นอีกรอบ”
ธีรดนย์แกล้งกฤติยา...ดึงมือกลับไป กฤติยามองมือ ธีรดนย์รู้ตัวเอามือออก
“เธอบอกว่านิกกี้เรียกร้องความรัก..แล้วเธอล่ะ..เป็นคนแบบไหน” ธีรดนย์ถาม
กฤติยาย้อนถาม “คิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนล่ะ”
ธีรดนย์มองหน้ากฤติยา “ไม่เรียกร้อง ไม่แสดงออก”
กฤติยายิ้มรับ “เก่งจัง ฉันขอแค่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว”
ธีรดนย์โพล่งขึ้นมา “เธอชอบใครล่ะ....ฉันจะเป็นพ่อสื่อให้”
กฤติยามองหน้าธีรดนย์ อยากบอกแต่ไม่กล้า ลังเลอยู่อย่างนั้น
เสียงโทรศัพท์กฤติยาดังขึ้น กฤติยามองชื่อ ก็รีบบอกธีรดนย์
“ฉันขอรับสายก่อนนะ”
ธีรดนย์เห็นกฤติยาลุกลี้ลุกลนก็แหย่เล่น “ผู้ชายคนนั้นโทร.มาล่ะสิ ต้องหนีไปคุยไกล”
“นายไปรอที่เครื่องเล่นก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
กฤติยาเดินออกไป เพื่อคุยโทรศัพท์ ธีรดนย์ยิ้มให้
กฤติยาเดินเข้ามามุมหนึ่ง ชนิกานต์เดินเข้ามาหา ที่แท้คนที่ชนิกานต์ตามหาเป็นกฤติยา
“นัดฉันมามีอะไร”
“ฉันมากับธีรดนย์”
ชนิกานต์เผลอดีใจ “ธี...” แต่ไม่พอใจที่รู้ว่ามากับกฤติยา “แล้วเธอ”
“ฉันรู้ว่าเธอกับธีมีเรื่องผิดใจ ฉันอยากให้เธอได้มาเที่ยวกับเขา เธอสองคนจะได้ปรับความเข้าใจกัน...” ” กฤติยาบอก
ชนิกานต์อึ้ง งวยงง “เธอทำอย่างนี้ทำไม”
“ฉันรู้ว่าเธอรักธีรดนย์”
ชนิกานต์แปลกใจ
“รีบไปสิ”
ชนิกานต์รู้สึกดีที่กฤติยาคอยช่วยเหลือ
“ขอบใจนะ”
กฤติยายิ้มให้ ชนิกานต์รีบเดินออกไปหาธีรดนย์ กฤติยามองตามหวังว่าทั้งสองจะปรับความเข้าใจกันได้
ด้านสุตาภัญกำลังถ่ายรูปกับเด็กๆ ชนกชนม์ตามเข้ามา สุตาภัญไม่พอใจ หันไปบอกชนกชนม์
“ออกไปนะ! ฉันจะทำงาน”
แต่เด็กคนหนึ่งกลับดีใจ ร้องขึ้น “ถ่ายกับโจรสลัดด้วยครับ”
เด็กๆ วิ่งกรูเข้าไปจูงมือชนกชนม์เข้ามาถ่ายรูปร่วมกับสุตาภัญ ผู้ปกครองถ่ายรูปให้เด็กๆ
“เจ้าหญิงกับโจรสลัดชิดกันหน่อยค่ะ”
ชนกชนม์ได้ทีเข้าไปแนบชิดสุตาภัญไม่มีทางหนี จำต้องยิ้มรับ
ผู้ปกครองและเด็กๆ วิ่งออกไป สุตาภัญหันมาโวย
“หน้าตาแย่ยังนิสัยแย่อีก”
ชนกชนม์ร้อง “อูยย...”
“ดื้อ! ตื๊อไม่เลิก! ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นอย่างนี้”
ชนกชนม์ยิ้มแป้น “ยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่รู้”
สุตาภัญไม่พอใจ “นาย! ฉันขอบอกครั้งสุดท้ายให้ออกไป”
ชนกชนม์ยิ้ม ไม่ไปไหน
สุตาภัญผลักชนกชนม์ให้ออกไป ชนกชนม์ทำตัวแข็งใส่ ไม่ยอมหนีไป
“ออกไปนะ...ออกไป”
จู่ๆ เสียงเด็กชายนิธิก็ดังขัดขึ้น “เป็นแฟนกันอย่าทะเลาะกันสิครับ”
ชนกชนม์และสุตาภัญเห็นไปมอง นิธิยืนยิ้มให้สองคน
ชนกชนม์ดีใจ “นิธิ”
นิธิยักคิ้วยิ้มให้พี่ชายต่างมารดา
ชนกชนม์เดินเข้าไปถามนิธิ
“นิธิมาได้ไงครับ”
เด็กชายนิธิกวน “นิธิมีขาครับ”
สุตาภัญหัวเราะที่นิธิย้อนชนกชนม์ ส่วนชนกชนม์เสียหน้า ถามน้องต่อ
“พี่ชนม์ถามจริงๆ”
“มากับคุณพ่อคุณแม่ครับ”
วีรภัทรและนัชชากำลังเดินตามหานิธิ ชนกชนม์เห็นกลัวนัชชาจะไม่พอใจเขาและวีรภัทรอีก รีบบอกนิธิ
“นิธิกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ แล้วอย่าบอกว่าเจอพี่ชนม์นะครับ”
นัชชาหันมาที่มุมนิธิ ตะโกนเรียก
“ลูกนิธิ”
นัชชาและวีรภัทรจะเดินเข้ามา ชนกชนม์รีบดึงมือสุตาภัญหันหลัง แล้วเดินออกไปทันที
นัชชามองตามล๔กชายตัวน้อย “ลูกคุยกับใคร”
นิธิมองไปที่ชนกชนม์และสุตาภัญ “เจ้าหญิงกับโจรสลัดครับ”
ชนกชนม์และสุตาภัญโล่งใจที่นิธิไม่บอกความจริง ชนกชนม์จับมือสุตาภัญ แล้วแกว่งมือกระโดดออกไป ด้วยท่าทางน่ารัก ไม่ให้นัชชาและวีรภัทรสงสัย
วีรภัทรมองไป คุ้นๆ แต่ไม่เอะใจ บอกนิธิ
“ใครกันบ่นหิวน้ำ ไปซื้อน้ำกันครับ”
“ครับ”
วีรภัทรและนัชชาพานิธิเดินไปทางจุดขายน้ำ
ฝ่ายสุรเดชเดินมา แล้วมองไปยังวีรภัทรและนิธิ จนปอนแปลกใจ
“อะไรวะ”
“พ่อกับครอบครัวใหม่ไอ้ชนม์”
“แล้วไง... ส่งของเสร็จแล้ว กลับเหอะ” ปอนว่า
“ทำชั่วแล้วก็ต้องหมั่นทำดีกู้โลก”
“อะไรของเอ็งวะ”
สุรเดชยิ้มมีแผนการบางอย่าง ปอนนึกสงสัย
ฝ่ายธีรดนย์ยืนแกร่วอยู่ กฤติยาไม่มาสักที ธีรดนย์รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา หันไปคุยด้วย
“ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน...” แต่ต้องอึ้ง “นิกกี้”
ชนิกานต์เดินยิ้มเข้ามาหาธีรดนย์
“ทำหน้ายังกะเห็นผี! ผีที่ไหนจะสวยเท่านี้”
“เธอมาได้ไง”
“ฉันก็อยากมาเที่ยวบ้างสิ...บังเอิญนะที่เจอแอนกับนายที่นี่”
ธีรดนย์สงสัย “แล้วแอนล่ะ”
“แม่บุญธรรมเค้าโทร.ตามกลับ....แอนเลยขอให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนนาย”
ธีรดนย์ทำท่าจะเดินออกไป...ชนิกานต์รีบถาม
“นายจะไปไหน”
“ฉันอยากกลับแล้ว”
ชนิกานต์เสียงแข็ง “ไม่ได้...”
“อย่ามาหาเรื่องฉัน”
ชนิกานต์ยิ้มแย้มอารมณ์ดี “ไม่ได้ป่วน...ฉันอยากเล่นเครื่องเล่นอะ เล่นเป็นเพื่อนฉัน”หน่อยสิ..
ธีรดนย์เห็นชนิกานต์ดี๊ด๊าอยากเล่น คิดแกล้ง
“จัดไป”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่ธีรดนย์ยอมเล่นเครื่องเล่นกับตน ธีรดนย์เดินนำ ชนิกานต์ตามหลัง
ระหว่างนั้นกฤติยาเดินออกมาจากที่ซ่อน มองทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน ดีใจที่ช่วยให้ทั้งสองได้อยู่เข้าใจกัน และด้วยกัน
กฤติยายอมเสียสละความรักของตัวเอง เพื่อให้คนที่เธอรักมีความสุข
ชนิกานต์เดินมาที่เครื่องเล่น แต่ชักตกใจกลัว
“ไม่เอาไวกิ้ง ไปนั่งม้าหมุน”
“เด็กเค้าเล่นกัน คนแรงๆ อย่างเธอต้องนี่แหละ”
ชนิกานต์กลัว ธีรดนย์พาชนิกานต์เข้าไปนั่งที่เครื่องเล่น...ชนิกานต์กลัวอยู่
ธีรดนย์ตะโกนบอกพนักงาน “จัดเต็มเลยพี่”
ชนิกานต์ร้องลั่น “อย่านะ”
พนักงานกดเปิดเดินเครื่องทันที เครื่องเล่นเดินเครื่องด้วยความเร็ว และแรง ชนิกานต์ร้องเสียงหลง ธีรดนย์หัวเราะสะใจที่ได้แกล้งชนิกานต์
ส่วนทางชนกชนม์จับมือสุตาภัญแกว่งมาเรื่อยๆ แต่แล้วสุตาภัญสะบัดมือออกจากชนกชนม์
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
ชนกชนม์ปล่อยมือแล้วยืนยิ้มให้
“แล้วก็ขอเรียนเชิญ..มาทางไหนไปทางนั้น ฉันเป็นเจ้าหญิงดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการเจ้าชายรึโจรสลัด”
“ฉันเป็นปีศาจ มีหน้าที่ป่วนเธอ” ชนกชนม์ทำหน้าผีใส่
สุตาภัญไม่พอใจ “นาย”
ชนกชนม์ยิ้มยั่วไม่ยอมออกไป สุตาภัญหยิบลูกโป่งขึ้นมาลูกหนึ่ง
“ทำอะไร”
“ทนได้ทนไป”
สุตาภัญเอาลูกโป่งมาบิดหน้าชนกชนม์จังๆ ชนกชนม์หลับตาปี๋กลัวลูกโป่งแตกใส่ สุตาภัญพอใจ บิดแรงขึ้นเพื่อไล่ชนกชนม์ แต่ชนกชนม์อดทน ไม่ยอมหนี
“กลัวก็ไปสิ”
“ไปไม่ได้..เป็นห่วงเธอ” ชนกชนม์บอกจริงจัง
สุตาภัญฟังก็อึ้ง แต่มือก็เผลอบิดต่อจนลูกโป่งแตก ชนกชนม์ตกใจ โผเข้ากอดสุตาภัญ
ทั้งสองมองหน้ากันซึ้งๆ เหมือนตกอยู่ในภวังค์
เวลาเดียวกัน นัชชาส่งแก้วน้ำให้นิธิ
“น้ำหวานของลูก”
นิธิรับแก้วน้ำ แล้วเดินดูดน้ำออกห่างจากซุ้มขายน้ำไป
“อย่าไปไหนนะ รอคุณแม่ก่อน”
นัชชาบอกแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่ม วีรภัทรก็จ่ายเงินให้แม่ค้า ไม่ได้มองนิธิ
ฝ่ายนิธิดูดน้ำเพลิน แล้วเห็นตัวตลกโบโซ่ เรียกให้นิธิไปเอาตุ๊กตา โดยไม่รู้ว่าเป็นสุรเดชนั่นเองที่แต่งตัวเป็นโบโซ่
นิธิอยากได้ วิ่งไปทันที..
วีรภัทรหันกลับมาเรียกนิธิ
“ลูกนิธิ”
วีรภัทรแปลกใจที่ไม่เจอนิธิ นัชชาหันกลับมา แก้วน้ำที่นิธิถือดื่ม ตกลงพื้นน้ำแข็งน้ำหวานกระจาย
วีรภัทรกับนัชชาตกใจร้องพร้อมกัน “ลูกนิธิ”
ขณะที่ที่ชนกชนม์กอดสุตาภัญไว้นั้น สุตาภัญได้สติ ดันตัวออกห่าง
ชนกชนม์อ้อนเสียงหวาน “กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ให้เพื่อนดูแลเพื่อน..นะครับ”
สุตาภัญไม่ทันตอบ สุรเดชวิ่งเข้ามาลากตัวชนกชนม์ออกไป
“ไปกับฉัน”
“อะไรของแกวะ”
สุรเดชบอกสุตาภัญ “กองโจรกำลังออกรบ..ขอยืมตัวโจรสลัดไปสงครามครับ”
สุรเดชตะเบ๊ะแล้วลากตัวชนกชนม์ออกไป สุตาภัญแปลกใจมองตามงงๆ
วีรภัทรและนัชชาเห็นสุตาภัญแต่งตัวเป็นเจ้าหญิง เป็นพนักงานของสวนสนุกเข้ามาถาม
“หนู... หนูเห็นเด็ก” วีรภัทรจำสุตาภัญได้ “หนูเป็นเพื่อนชนกชนม์ใช่ไหม”
“ค่ะ” สุตาภัญยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณอา”
นัชชาตาขวางไม่พอใจนักที่เจอสุตาภัญซึ่งเป็นเพื่อนของชนกชนม์
“เธอเห็นลูกชายฉันไหม” นัชชาถามเสียงขุ่น
สุตาภัญแปลกใจ “น้องนิธิ...มีอะไรเหรอคะ”
“นิธิหายตัวไป”
สุตาภัญตกใจที่นิธิหายตัวไป
ชนกชนม์โมโหนิดๆ นึกว่าสุรเดชก่อเรื่องอีก จึงสะบัดตัวออกจากสุรเดช
“แกไปก่อเรื่องอะไรอีก ฉันไม่ยุ่งไม่เกี่ยวด้วย ไม่อยากซวยซ้ำซวยซ้อน”
ชนกชนม์จะเดินออกไป สุรเดชล็อคตัวไว้
“เป็นโชคของแกต่างหาก”
ชนกชนม์หันไปมอง เห็นปอนกำลังจับตัวนิธิไว้ มีตุ๊กตาอุดปากเด็กน้อยไว้ ก็ตกใจ
“นิธิ แกลักพาตัวนิธิ”
“ใช่ เฮ้ย ไม่ใช่!!..ฉันแค่วางสถานการณ์ลักพาตัว....ให้แกเป็นฮีโร่ พาน้องแกไปส่งแม่เลี้ยง แม่เลี้ยงจะได้รักแก” จอมกะล่อนทำท่าภูมิใจมาก “เป็นไง..สุโค่ยไหมเพื่อน”
ชนกชนม์ไม่พอใจ “แผนบ้าอะไรของแกวะ”
“ก็แกบอกว่าฉันไม่มีประโยชน์ ฉันก็อยากช่วยแก ฉันผิดด้วยเหรอวะ คนชั่วกลับตัวกลับใจ แซดนะเว้ยเฮ้ย” สุรเดชทำทีเป็นน้อยใจ แซดสุดๆ
ชนกชนม์กังวลใจ “ป่านนี้คุณพ่อคงเรียกตำรวจออกไล่ล่าโจรลักเด็ก...แกจบเห่แน่!”
สุรเดชตกใจ “ไม่อยากติดคุก! แกรีบพาน้องแกไปส่งเร็ว”
ชนกชนม์จำต้องเดินตามแผนของสุรเดช ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เต็มใจนัก
ทางสุตาภัญออกตามหานิธิ
“น้องนิธิ น้องนิธิคะ”
วีรภัทรและนัชชาก็ออกตามหา แต่ไม่เจอ นัชชาร้อนใจบอกวีรภัทร
“คุณ โทร.แจ้งตำรวจเถอะค่ะ”
“ต้องรอให้ถึง 24 ชั่วโมง ถึงจะแจ้งความได้”
“ฉันรอไม่ไหวแล้ว ฉันเป็นห่วงลูก...มันอาจพาลูกไปเรียกค่าไถ่หรือจับตัวไปขาย”
เสียงเด๋กชายนิธิดังขึ้น “คุณแม่ครับ”
นัชชาและวีรภัทร รวมทั้งสุตาภัญหันไปตามเสียง
เห็นนิธิยืนร้องไห้อยู่
นัชชาดีใจมาก “ลูกนิธิ”
นัชชาและวีรภัทรวิ่งเข้าไปกอดนิธิอย่างดีใจ
“ลูกหายไปไหน ลูกเป็นอะไรรึเปล่า” นัชชาถาม
“โจรมันจับนิธิ.....พี่ชนกชนม์ช่วยนิธิไว้ครับ”
นัชชา วีรภัทร และสุตาภัญแปลกใจ ชนกชนม์เดินเข้ามาบอก
“บังเอิญผมเห็นโจรกำลังจับนิธิออกไปจากสวน ผมเข้าไปช่วย...มันกลัวโดนจับ รีบปล่อยนิธิแล้วหนีไปครับ”
นัชชาและวีรภัทรดีใจมากที่นิธิปลอดภัย สุตาภัญมองชนกชนม์ด้วยความสงสัย
“น้องปลอดภัยแล้ว....ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ชนกชนม์เดินออกไป สุตาภัญแปลกใจไม่หายจึงเดินตามออกไป
นัชชาและวีรภัทรกอดนิธิด้วยความเป็นห่วงและดีใจที่ได้นิธิกลับคืนอย่างปลอดภัย
ชนกชนม์เดิออกมาอีกมุมหนึ่ง สุตาภัญวิ่งเข้ามาเรียก
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์หันหน้ามา เก๊กทำแมนฮีโร่
“ไม่ต้องชื่นชมฉัน...ฉันไม่คิดว่าฉันเป็นฮีโร่กู้โลกหรอก... มันเป็นหน้าที่ของพี่ชายต้องช่วยน้อง”
สุตาภัญถามอย่างจริงจัง “ฉันอยากฟังความจริง”
ชนกชนม์ผิดหวัง “ไม่เชื่อใจฉัน”
“โจรสลัดออกไปกับเพื่อนโจร กลับมากลายเป็นฮีโร่...มันบังเอิญไปนะ”
ชนกชนม์ยิ้มอายๆ “อย่าบอกใครนะ ความจริงก็คือว่า...”
จากนั้นชนกชนม์จึงเล่าความจริงให้สุตาภัญฟังว่าเป็นแผนสร้างภาพให้ตนด้วยฝีมืสุรเดชเพื่อนจอมกะล่อน
ส่วนนัชชากอดนิธิด้วยความดีใจที่ลูกชายปลอดภัย
“แม่เป็นห่วงลูกมาก...ต่อไปอย่าไปกับคนแปลกหน้าอีก”
“ครับ”
วีรภัทรบอกนัชชา “คุณควรไปขอบใจชนกชนม์”
วีรภัทรรอลุ้นว่านัชชาจะว่าอย่างไร นัชชารู้สึกผิด
“ถ้าไม่ได้ชนกชนม์ ป่านนี้ลูกนิธิคงแย่..คุณ..ฉันเสียใจที่อคติกับลูกคุณ”
“ผมเคยบอกคุณแล้ว เขารักและห่วงนิธิไม่แพ้เรา ไม่สายเกินไปหรอกที่จะเปิดใจยอมรับเขา”
“ฉันอยากไปขอบใจชนกชนม์”
วีรภัทรยิ้มพอใจที่นัชชาเปิดใจยอมรับชนกชนม์
เวลาต่อมาสุตาภัญได้ฟังความจริงจากปากชนกชนม์ก็รู้สึกกังวล
“เรื่องนี้ให้อานัชชารู้ไม่ได้นะ ไม่งั้นเขาจะเกลียดชังนายมากกว่าเดิม”
“ฉันรบกวนเจ้าหญิงช่วยปิดเป็นความลับด้วยนะ”
“ฉันมีทางเลือกอื่นไหมล่ะ...ตกกระไดพลอยโจรสลัด”
ชนกชนม์ยิ้มที่สุตาภัญยอมปิดบังความลับครั้งนี้
สุรเดชและปอนเข้ามาต่อว่าชนกชนม์
“หนักมือชิป.... เอาซะปากแตกเลย” สุรเดชอวดโชว์แผลที่ปาก
“มันน้อยไปด้วยซ้ำ ทำอะไรไม่ปรึกษา หาเรื่องให้ฉันตลอด”
“ที่ผ่านมานะใช่ แต่คราวนี้แกได้หน้าเต็มๆ รับรองแม่เลี้ยงแกเปิดบ้านรับขวัญแกแน่นอน
สุรเดชโม้ด้วยความมั่นใจ แต่พอชนกชนม์มองไปทางด้านหลังสุรเดชก็ตกใจ
“คุณน้า”
สุรเดชและปอนหันไป เจอนัชชา วีรภัทรและนิธิยืนเป็นแผงมองมา
นิธิจำได้ตะโกนบอก “สองคนนี้ล่ะครับที่จับผม”
นัชชาโกรธจัด “พวกเธอวางแผนเอาลูกฉันเป็นเครื่องมือ ฉันจะเอาตำรวจลากตัวเข้าคุก”
สุรเดชและปอนตกใจ วิ่งหนีไปทันที
“คุณอาครับ ผมไม่มีเจตนาจะ....”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบ นัชชาสวนขึ้น “ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ฉันได้ยิน มันชัดพอที่ฉันจะรู้ว่าฉันโดนหลอก ฉันไม่โง่ตกเป็นเหยื่อของเธออีก”
นัชชาจูงนิธิเดินออกไป ชนกชนม์หันไปบอกวีรภัทร
“คุณพ่อครับ”
“ลูกไม่ควรทำอย่างนี้....พ่อเสียใจที่พ่อเชื่อมั่นลูกมากเกินไป”
“ฟังผมก่อนครับ”
“ลูกก็รู้ว่าไม่มีใครฟังคำแก้ตัวของเด็กเลี้ยงแกะ”
วีรภัทรผิดหวังในตัวชนกชนม์ เดินตามนัชชาไป ชนกชนม์เสียใจที่กลายเป็นความเข้าใจผิด และทำให้วีรภัทรไม่พอใจชนกชนม์ สุตาภัญสงสารชนกชนม์มาก
ธีรดนย์เดินถือไอติมโคนเข้ามาให้ชนิกานต์
“ฉันไม่เล่นแล้วนะ...เดินแทบไม่ไหว”
ธีรดนย์ยิ้ม แล้วเดินตามชนิกานต์ ถามเรื่องที่คุยค้างไว้
“เธอกินยาแล้วใช่ไหม”
ชนิกานต์ไม่พอใจที่ธีรดนย์ถามเรื่องกินยาคุมกำเนิด เดินหนีไป
ชนิกานต์เดินหนี ธีรดนย์เข้ามาขวาง
“เธอกินยารึยัง”
“มันสำคัญกับนายมาก”
“ฉันไม่อยากให้เกิดปัญหา ถ้าเธอท้อง...มันจะยุ่งยาก...”
ชนิกานต์สวนคำทันที “ก่อนทำ ทำไมไม่คิด”
ธีรดนย์พูดไม่ออก
“ดีแต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ”
“ฉันขอโทษ....เธอกินยาเถอะ...ทุกอย่างก็จะจบลง”
ชนิกานต์ประชด “พูดง่ายไปรึเปล่า...กินยาก็จบ แล้วความรู้สึกฉันล่ะ”
“มันก็ผ่านไปแล้ว...ลืมมันเถอะ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ เอาไอติมโคนทิ่มหน้าธีรดนย์
“ผู้ชายมักง่าย!”
ชนิกานต์เดินหนีไป ธีรดนย์รู้สึกผิด แต่ยังต้องการให้ชนิกานต์กินยา เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 12 (ต่อ)
เวลาผ่านไปจากบ่ายคล้อยเป็นเย็นย่ำ ชนกชนม์เสียใจเรื่องที่ถูกวีรภัทรและนัชชาต่อว่า จะเดินหนีออกไปให้พ้นๆ สุตาภัญวิ่งตามเข้ามาเรียกเพื่อปลอบใจ
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์หยุดเดิน หันกลับมาหาสุตาภัญ
“ฉันเข้าใจนายนะ เราทำผิดถูกตำหนิก็แค่รู้สึกแย่ แต่การถูกต่อว่าโดยเราไม่ได้ทำ มันแย่มากๆ”
ชนกชนม์รับฟังคำปลอบสุตาภัญ แต่ยังคงเสียใจ
“นายอย่าเพิ่งท้อใจ ปัญหามีไว้ให้แก้” สุตาภัญปลอบต่อ
“มันหมดหนทางแล้วละ น้านัชชาเกลียดฉันมากกว่าเดิม คุณพ่อเองก็คงหมดหวังในตัวฉัน” ชนกชนม์พูดออกมาอย่างท้อแท้
“เวลาจะช่วยพิสูจน์ความจริง นายต้องรอ”
“จะให้ฉันรออีกนานแค่ไหน?”
“เท่าที่เรายังมีลมหายใจ...ถ้านายยังยึดมั่นในการเป็นคนดี”
สุตาภัญพูดให้สติ ชนกชนม์คิดตาม แล้วเดินออกไป
สุตาภัญยิ้มขณะมองตาม มั่นใจว่าชนกชนม์ต้องคิดได้และสู้ต่อไป
คืนนั้นชนกชนม์เปิดประตูบ้านเข้ามาเจอสุรเดชกำลังเล่นยาอยู่
“ไอ้เดช”
สุรเดชตกใจ คว้าอุปกรณ์และยามาไว้ในมือ
“ฉันตั้งใจดีสร้างเรื่องให้แกเป็นฮีโร่...ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้นี่หว่า”
ชนกชนม์พุ่งเข้ามาดันตัวสุรเดชติดผนังห้อง กระชากคอเสื้อ
“ฉันขอโทษ ต่อไปฉันไม่ทำให้แกเดือดร้อนอีกแล้ว”
ชนกชนม์เข้าไปแย่งหลอดยาในมือสุรเดชมา สุรเดชอึ้ง ไม่คิดว่าชนกชนม์อยากลองยาอีก
ชนกชนม์ไม่พูดไม่จา เดินหนีเข้าไปในห้องนอน สุรเดชมองตาม
“ใครที่แปลงร่างเป็นลูกเทวดา ไม่มีทางกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีก”
สุรเดชยิ้มหยันอย่างพอใจที่ชนกชนม์เลือกจะเล่นยา มาเป็นพวกเดียวกับแก๊งลูกเทวดาของตน
มองจากหิ้งพระในห้องลงไป เห็นชนกชนม์นอนขดตัวอยู่ที่พื้น หลังจากเสพยาแล้วสักระยะหนึ่ง ทั่วทั้งห้องเห็นแต่ควันสีขาวฟุ้งกระจายคละคลุ้ง บรรยากาศสลัว ขมุกขมัว มีเพียงแสงจากไฟกะพริบดวงเล็กวิบวับไปมา
ชนกชนม์แหงนหน้ามองไปยังพระพุทธรูปในห้อง แล้วร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา
“แม่...แม่ช่วยผมด้วย”
ชนกชนม์นอนอยู่ในอาการเมายา และร้องไห้เสียใจกับชะตาชีวิตของตัวเองที่เจออุปสรรค และปัญหาไม่จบไม่สิ้น
หลายวันผ่านไป
ภายในห้องนอนธีรดนย์ ตอนกลางวันของวันนั้น ภาพถ่ายของอุษา กำลังถูกยกขึ้นวางไว้บนหิ้ง คู่กับภาพของผู้เป็นพ่อ ธีรดนย์หยิบโกฎิใส่อัฐิของแม่ วางไว้ที่ข้างภาพถ่าย
“แม่ครับ...แม่พักที่นี่ก่อนนะครับ...อีกไม่กี่วัน...ผมจะพาแม่ไปอยู่บ้าน...บ้านของเรา...เราจะมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่เป็นของเรา ตามที่ผมเคยสัญญากับแม่ไว้ครับ”
ธีรดนย์ยิ้มทั้งน้ำตา ขณะมองไปยังภาพแม่และพ่อ
กัณฐิกาเข้ามาถามณวัตรเรื่องที่ธีรดนย์จะย้ายออกไป
“คุณจะให้ธีรดนย์ย้ายไปอยู่ที่อื่นจริงเหรอคะ”
“ใช่”
กัณฐิกาทำทีเป็นห่วงใยในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง “แล้วแกจะอยู่ยังไง? ใครจะดูแลแก”
“นายธีโตแล้ว เด็กผู้ชายดูแลตัวเองได้” ณวัตรรู้สึกแปลกใจ “ทำไมคุณถึงได้ห่วงใยนายธีนัก”
กัณฐิกายอมรับความจริง
“กัณยอมรับค่ะ ว่ากัณห่วงแกมาก ตอนนี้แกไม่มีพ่อไม่มีแม่ แกน่าจะได้อยู่กับผู้ใหญ่ที่แกไว้ใจได้ซึ่งก็คือคุณ”
“มันเป็นความต้องการของนายธี แล้วอีกอย่าง..มันดีกับนิกกี้และหนูแอน...เด็กหนุ่มสาวที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน ไม่ควรใกล้ชิดกัน คุณเองควรดูแลไม่ให้หลานคุณใกล้ชิดนายธีมากนัก”
ณวัตรเตือนกัณฐิกา เพราะรู้ว่ากฤติยาชอบไปไหนมาไหนกับธีรดนย์ กัณฐิการู้เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยสบายใจ
ประตูห้องนอนกฤติยาเปิดออก กัณฐิกาเข้ามาในห้องเรียกหา
“แอน แอน”
กัณฐิกาเข้าไปในห้อง แต่ไม่พบกฤติยา กัณฐิกาแปลกใจ สงสัยว่ากฤติยาอาจไปหาธีรดนย์
จึงรีบออกไปจากห้องทันที
ส่วนชนิกานต์เดินมาเคาะประตูห้องธีรดนย์
“นายธี...ธีรดนย์! เปิดประตู”
กฤติยาเดินเข้ามาเห็นชนิกานต์เรียกนานแล้ว จึงเข้ามาบอกชนิกานต์
“ธีคงออกไปมหาลัยแล้วมั้ง เธอมีอะไรเหรอ”
“ฉันรอนายธีไปส่งที่มหาลัยน่ะสิ”
“ฉันขับรถไปให้ก็ได้” กฤติยาอาสา
“ไม่เป็นไร”
ชนิกานต์จะเดินออกไปแล้ว แต่นึกได้ รู้สึกดีที่กฤติยาคอยช่วยเหลือเธอเสมอ เลยหันกลับมาบอกกฤติยา
“ขอบใจนะที่ช่วยฉันทุกเรื่อง”
กฤติยายิ้มรับ ชนิกานต์เดินออกไป
จังหวะที่ประตูห้องเปิดออกนั้น กฤติยาเห็นธีรดนย์ก็จะหันไปบอกชนิกานต์ แต่ถูกธีรดนย์เอามือปิดปากไว้
ฝ่ายกัณฐิกาออกตามหากฤติยาจะเดินไปทางห้องพักธีรดนย์ เจอกับชนิกานต์เดินมาจากทางนั้น
“หนูนิกกี้...”
ชนิกานต์มองหน้า กัณฐิการู้สึกผิดเรื่องที่เป็นต้นเหตุทำให้อุษาวิ่งหนีออกจากบ้านจนรถชน แล้วโยนความผิดให้ชนิกานต์ กัณฐิกาจึงเข้าไปพูดจาดีๆ ด้วย
“หนูรู้สึกดีขึ้นรึยัง”
“ถ้าจะถามเรื่องป้าอุษา มันคงเป็นตราบาปติดตัวฉัน”
กัณฐิกาปลอบใจ “มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครโทษหนูหรอก”
“แต่ถ้าจะถามว่าฉันรู้สึกดีกับเธอรึยัง...”
ชนิกานต์ค้างคำพูดไว้ กัณฐิการอฟัง หวังว่าชนิกานต์จะยอมรับเธอมากขึ้น
ชนิกานต์บอกต่อ “ตอบได้เลยว่าไม่”
กัณฐิกาผิดหวังที่ชนิกานต์ยังตั้งป้อมรังเกียจเธอไม่เลิกรา
“ทำดีกับฉันเสียเวลาเปล่า ฉันไม่มีวันเรียกเธอว่าแม่ เหตุผลเดียวที่ฉันยอมให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้...เพราะฉันรักคุณพ่อ”
“ฉันพยายามดีที่สุดแล้ว ในเมื่อเธอยังเกลียดชังฉัน ต่างคนก็ต่างอยู่!”
ทั้งสองมองหน้าสู้สายตากัน เลือกแล้วที่จะเป็นคู่อริกันต่อไป ชนิกานต์จะเดินออกไป
กัณฐิกาถาม “เธอเห็นหลานฉันไหม”
ชนิกานต์ทำทีไม่ได้ยินคำถาม “เอ...เสียงนกเสียงกาที่ไหน น่ารำคาญ”
ชนิกานต์เดินเชิดออกไป ไม่สนใจ
กัณฐิกาไม่พอใจ มองตามด้วยแววตาวาววับ
“ไม่ติดว่าเป็นลูกรักคุณณวัตร ฉันจัดหนักไปแล้ว”
สองคนอยู่ในห้องพักธีรดนย์ด้วยกัน ธีรดนย์ยังเอามือปิดปากกฤติยาอยู่ กฤติยาจ้องมองขอร้องให้ปล่อย ธีรดนย์ได้สติ รีบปล่อยมือ
“ขอโทษนะ”
“ทำไมต้องหลบนิกกี้ด้วย”
“เบื่อ! เจอหน้าทีไรมีเรื่องทุกที”
กฤติยาผิดหวัง “นายสองคนยังไม่ดีกันอีกเหรอ” แล้วพลั้งปาก “ฉันอุตส่าห์วางแผน”
ธีรดนย์สงสัย “แผนอะไร”
กฤติยารู้สึกตัว รีบปฏิเสธ “เอ่อ..ไม่มีอะไร”
พร้อมกันนั้นกฤติยาทำท่าจะเดินออกไป ธีรดนย์ดึงตัวไว้
“บอกมา มีความลับอะไรปิดฉัน”
กฤติยายิ้มบางๆ กลบเกลื่อน “ไม่มี”
ธีรดนย์จ้องหน้า “ผู้ร้ายปากแข็ง” แล้วจู่ๆ ก็จิ้วเอวกฤติยา
กฤติยาบ้าจี้ ร้องลั่น “อย่านะ”
“บอกมา”
ธีรดนย์ถามแล้วจี้เอวแกล้ง กฤติยาทนไม่ไหวยอมบอก
“ฉันจัดฉากให้นายไปสวนสนุกกับนิกกี้ จะได้ปรับความเข้าใจกัน”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ร้ายนักเชียว เธอต้องไถ่โทษ”
ธีรดนย์จ้องหน้า กฤติยาแปลกใจว่าตนต้องทำอะไรเป็นการไถ่โทษ
เวลาเดียวกัน สุตาภัญเดินเข้ามาเกาะที่ประตูรั้ว มองเข้าไปในบ้าน ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงทุกคน
ขณะที่สุตาภัญจะหันกลับออกไป เจอเสาวนิตย์ที่กลับมาจากข้างนอกพอดี
“แม่”
เสาวนิตย์ดีใจทิ้งตะกร้าซื้อกับข้าว โผเข้าไปจับเนื้อตัวสุตาภัญด้วยความเป็นห่วง
“ลูกเป็นยังไงบ้าง ลูกไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร แล้วลูกมีเงินใช้รึเปล่า”
เสาวนิตย์จะควักเงินให้ลูกสาว สุตาภัญห้ามไว้
“ตามีใช้ค่ะแม่...ตามาเยี่ยมแม่”
“ลูกเข้าไปขอโทษพ่อเขาเถอะ พ่อเขาต้องให้อภัย ยอมให้ลูกกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน”
“แม่ไม่ต้องห่วงตา..ตาอยู่ได้ แล้วพ่อเขาทำร้ายแม่อีกรึเปล่า”
เสาวนิตย์ส่ายหน้า
สุตาภัญประชดตัวเอง “ไม่มีตา สถานการณ์ในบ้านดีขึ้น ทุกคนคงอยู่อย่างมีความสุข”
“ขาดลูกไปคนนึง จะเป็นบ้านที่สมบูรณ์ได้ยังไง”
เสาวนิตย์กอดสุตาภัญร่ำไห้ด้วยความรักและสงสาร จังหวะนั้นสุตาภัญมองเข้าไปในบ้าน เห็นสุทินกำลังจะเดินออกมาที่หน้าประตูหน้าบ้าน ไม่อยากเจอกลัวมีเรื่องอีก
“ตาต้องไปแล้วล่ะ.. แม่ดูแลตัวเองนะคะ”
เสาวนิตย์รับคำ สุตาภัญรีบเดินหนีไป เสาวนิตย์เดินเข้าไปในบ้าน
สุทินเดินเข้ามาซักเสาวนิตย์ อยากรู้ว่าเสาวนิตย์คุยกับใครเห็นหลังไวๆ
“เมื่อกี้เธอยืนคุยกับใคร”
“เพื่อนบ้านมาทักทายค่ะ” เสาวนิตย์รีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันเข้าไปเตรียมตั้งโต๊ะให้คุณก่อน”
“คุณไปตามลูกด้วย...ยัยสุตาภัญขี้เซายังไม่ลงมา”
สุทินเผลอพูดถึงสุตาภัญ เพราะลืมไปว่าสุตาภัญออกไปจากบ้านนานแล้ว
เสาวนิตย์รู้สึกดีใจที่สุทินยังคิดถึงสุตาภัญ สุทินเสียหน้าที่พลั้งปากถามถึงลูกสาวหัวแข็ง
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูก เราเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องให้อภัยแก ไปรับลูกกลับบ้านเถอะค่ะ”
สุทินวางมาดเข้ม เสียงดุกลบเกลื่อน “ฉันบอกให้ไปเตรียมอาหาร”
เสาวนิตย์หน้าม่อย จำต้องเดินไปที่ครัว สุทินหันไปทางมุมหนึ่งเจอภาพสุตาภัญที่ติดอยู่ในบ้าน
เสาวนิตย์หยุดยืนมองที่มุมหนึ่ง อยากรู้ว่าสุทินจะทำอย่างไร
เวลาต่อมาภาพของสุตาภัญที่อยู่ในกรอบรูปวางอยู่ที่โต๊ะ สุทินเดินตรงเข้ามาหยิบภาพขึ้นมาพึมพำอย่างเจ็บปวด
“เธอทำอย่างนี้ได้ยังไง...ไม่รู้เหรอว่าพ่อแม่ห่วงมากแค่ไหน”
สุทินน้ำตาไหลริน ร้องไห้ไม่มีเสียงออกมาด้วยความเสียใจ คว่ำกรอบรูปสุตาภัญ ไม่อาจห้ามความรู้สึกตัวเองได้
เสาวนิตย์ยืนมองสงสารสามีเผด็จการ รู้ดีว่าสุทินรักและห่วงลูกมาก แต่ไม่แสดงออกและใจแข็ง เสาวนิตย์สะท้อนใจพลอยร้องไห้ออกมาด้วย
ไม่นานหลังจากนั้นสุตาภัญเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย ยืนนิ่งมองไปตรงหน้า เห็นธีรดนย์ยืนรออยู่ สุตาภัญยิ้มให้
“สวัสดีธี”
ธีรดนย์วิ่งเข้ามาโอบกอดสุตาภัญ
“ตา....ผมขอโทษที่ไม่ได้ดูแลคุณ”
สุตาภัญแปลกใจ “อะไรกันเนี่ย”
“ผมแย่มากมัววุ่นวายเรื่องตัวเอง จนไม่รู้ว่าคุณออกจากบ้านตามีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้เลยนะ”
ธีรดนย์โอบกอดสุตาภัญไว้แน่น ด้วยความรักและเป็นห่วง
“ช่วยปล่อยตาก่อน... ตาหายใจไม่ออกแล้ว”
ธีรดนย์นึกได้ รีบถอยออกห่าง ยิ้มให้สุตาภัญ
“เรื่องเล็กนิดเดียว ไม่ต้องรู้สึกผิดก็ได้”
“คนเป็นแฟนกันก็ต้องห่วงใยกันสิ”
สุตาภัญยิ้มให้ ไม่อยากทำให้ธีรดนย์เสียใจ
“ตาขอโทษนะ”
ธีรดนย์ยิ้มตอบแล้วเข้ามาโอบกอดสุตาภัญอีก
ราวกับนัดไว้ จังหวะนั้นชนกชน์และชนิกานต์เดินเข้ามา เห็นภาพธีรดนย์กอดสุตาภัญ ฟากชนกชนม์เจ็บจี๊ดในใจ ส่วนชนิกานต์หน้าตึงรู้สึกไม่พอใจนัก ทำทีกลบเกลื่อนเข้ามา จับสุตาภัญแยกออกจากธีรดนย์
“เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว อย่าให้ผู้ชายฉวยโอกาส”
ชนกชนม์รีบแก้ตัวให้ธีรดนย์ “เขาเป็นแฟนกันนะ”
“แฟนกันก็ไม่ได้...มันไม่เหมาะกับสถานที่”
สุตาภัญแหย่ชนิกานต์ “อิจฉาฉันก็กอดแฟนเธอสิ” พลางมองบุ้ยใบ้ไปยังชนกชนม์
สุตาภัญยังเข้าใจว่าชนกชนม์เป็นแฟนชนิกานต์
“เราเลิกกันแล้ว”
สุตาภัญและธีรดนย์แปลกใจที่รู้เรื่องนี้
“ฉันตกข่าวอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ชนม์ แกต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าว”
ธีรดนย์หันไปหา ชนกชนม์ยิ้มเจื่อนๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
ด้านสุรัมภานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ ตรงมุมหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งจ้องมองสุรัมภา โยกหน้ามองซ้ายมองขวา
สุรัมภารู้สึกตัวว่าโดนจ้อง จึงเอามาร์กเกอร์สีขีดหน้าเพื่อน
เพื่อนร้อง “ว้าย..ยัยภาแกล้งฉัน”
“จ้องหน้าฉันอยู่ได้ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย”
“เธอไปทำอะไรมา ดูอวบอิ่ม หน้าผ่องขึ้น” เพื่อนทัก
“เปล่า”
“จริงๆนะ สวยขึ้นผิดตา” เพื่อนย้ำ
“หลอกด่าว่าที่ผ่านมาฉันขี้เหร่ล่ะสิ นี่แน่ะ”
สุรัมภาเอามาร์กเกอร์สีจะป้ายหน้าเพื่อน เห็นเพื่อนอีกคนถือขนมเข้ามา
“ขนมมาแล้วจ้า”
เพื่อน2 คนแย่งกันกินขนม สุรัมภามองนิ่ง
เพื่อนเจ้าของขนมงง ฎของชอบของเธอเลยนะ”
“ไม่อะ ไม่อยากกิน”
เพื่อนคนแรกก็แปลกใจ “อีกละ มื้อกลางวันก็กินข้าวแค่สองสามคำ เป็นอะไรรึเปล่า..รึว่าเธอ...”
เพื่อนคนที่สองต่อให้ “ไม่สบาย”
เพื่อน 2 คนเข้าไปจับเนื้อตัวสุรัมภาวุ่นวาย
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่อยากกิน เห็นแล้วเบื่อๆ”
“อยากสวยเลยลดความอ้วนใช่ปะ” คนแรกแซว
“คงงั้นมั้ง”
สุรัมภายิ้ม ทั้งทีเธอเองก็งงๆ ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน เพื่อน 2 คน ไม่ติดใจ แย่งกันกินขนมต่อ
สุรัมภามองเพื่อนๆ ยิ้มอย่างมีความสุข
ฟากธีรดนย์กำลังตั้งคำถามชนกชนม์
“ว่าไงเจ้าชายพเนจร เรื่องราวเป็นยังไง”
“ไม่มีอะไรซับซ้อน เลิกก็คือเลิก...จริงมั้ยชนม์”
ชนิกานต์หันไปตอบแทน สุตาภัญรู้สึกสงสารชนกชนม์เลยดุชนิกานต์
“สงสารความรู้สึกชนกชนม์บ้าง”
“ฉันโอเค. เราเลิกกันแต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ จริงมั้ย”
ชนกชนม์หันไปยิ้มให้ชนิกานต์พร้อมยกมือให้จับ ชนิกานต์จับมือชนกชนม์ด้วยความสนิทใจในฐานะเพื่อน
“ถูกต้องที่สุด”
สุตาภัญถามชนิกานต์ “ตัดใจง่ายอย่างนี้ แสดงว่ามีคนใหม่”
“ใช่...ฉันพบรักใหม่”
ชนิกานต์ยิ้มแล้วหันไปมองธีรดนย์ ทำเอาธีรดนย์รู้สึกอึดอัด
ชนกชนม์สนใจ “เธอยังไม่ได้เล่าฉันฟังเลย”
สุตาภัญคาดคั้น “บอกมาสิผู้ชายโชคดีคนนั้นเป็นใคร”
ชนกชนม์และสุตาภัญรอฟังคำตอบ ชนิกานต์มองไปยังธีรดนย์อีก ธีรดนย์ร้อนตัวรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อย่าไปสนใจผู้ชายโชคร้ายคนนั้นเลย”
ชนิกานต์ไม่พอใจเล็กน้อยที่ธีรดนย์กลบเกลื่อน
ธีรดนย์บอกสุตาภัญ “ตา..ผมกับชนม์มีงานให้ตาทำ ตาจะได้มีรายได้”
“จะให้ตาทำอะไร”
ชนกชนม์บอก “เป็นหุ้นส่วนร้านเครื่องประดับฉัน”
ขณะเดียวกันรถของชลนิภาวิ่งเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ชลนิภาลงจากรถ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด แป๋ววิ่งเข้าไปรับ ปากไวตามเคย
“คุณผู้หญิงกลับจากบริษัทเร็วจัง แสดงว่าการงานราบรื่นโกยรายได้เป็นร้อยล้านพันล้าน”
ชลนิภาสวนขึ้น “หุบปากเน่าๆ ของแก”
แป๋วตกใจร้อง “ว้าย”
“คุณธนกรอยู่ไหน” ชลนิภาถามเสียงเขียว
แป๋วตอบเสียงสั่น “ยะ...อยู่ในบ้านค่ะ”
ชลนิภาเดินเอาตัวกระแทกแป๋วเข้าไปในบ้าน แป๋วหันไปมองตามท่าทีสยอง
“แผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ว้าย...น่ากลัว!
ธนกรเดินลงบันไดมาพอดี ชลนิภาปราดเข้าไปต่อว่า
“คุณมัวทำอะไร? รู้ไหมว่าชยางกูรเบิกเงินบริษัทไปใช้เกือบสิบล้าน”
“ผมไม่ทราบครับท่านประธาน ถึงรู้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม” ธนกรแดกดัน
ชลนิภาไม่พอใจ “คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
“คุณอย่าลืมสิ คุณให้ชยางกูรบริหารงานแทนผมทุกอย่าง”
ชลนิภาท้วง “แต่คุณเป็นพ่อ คุณต้องคอยดูแลลูก”
ธนกรจ้องหน้าย้อนกลับ “แล้วคุณเคยเปิดโอกาสให้ผมทำหน้าที่นั้นรึเปล่า”
ชลนิภานิ่งงัน พูดไม่ออก
“ผมอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงได้ชื่อเป็นสามีคุณและพ่อของลูก แต่ไม่มีบทบาทอะไรเลย”
“ฉันจะไว้ใจคุณได้ไง..คุณมันไม่ได้เรื่อง!”
ธนกรเดินออกไป ถือกระเป๋าเดินทางด้วยชลนิภาแปลกใจ
“คุณจะไปไหน”
“ในเมื่อภรรยาไม่พอใจการทำงานของสามี ผมก็ควรพิจารณาตัวเอง...เราหย่ากัน”
ชลนิภาอึ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่าที่ธนกรจะขอหย่า แป๋วตกใจ
ธนกรเดินไปหยิบกระเป๋า ชลนิภาเข้ามาห้าม
“ไม่ได้! คุณหย่าจากฉันไม่ได้”
ธนกรย้อนอีก “ไม่ได้..เพราะคุณเสียใจ หรือทำให้คุณเสียหน้า”
ชลนิภาพูดไม่ออก
“ผมไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะเมียกินอีกต่อไป วันไหนคุณพร้อมโทร.บอกผม ผมจะไปเซ็นหย่าให้”
ธนกรถือกระเป๋า แล้วเดินออกไป ชลนิภาเสียหน้าตะโกนลั่นบ้าน
“อย่ามาพูดอย่างนี้กับฉัน ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายบอกเลิก คุณมันเป็นตัวซวยทำให้ชีวิตฉันตกต่ำ!”
ธนกรหันกลับมาจ้องหน้า “จำคำของผมไว้...ถ้าคุณไม่ให้เกียรติใคร ก็จะไม่มีใครให้เกียรติคุณ”
ธนกรถือกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์ ชลนิภายืนมองโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
“ฉันเกลียดคุณ!” พูดได้เท่านั้นก็เป็นลมหมดสติไป
แป๋วตกใจรีบวิ่งเข้าไปดูแลชลนิภา ตะโกนบอกธนกร
“คุณผู้ชายคะ คุณผู้หญิงเป็นลม”
ธนกรเดินดุ่มออกไป โดยไม่ยอมหันกลับมามอง
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 12 (ต่อ)
สุตาภัญเดินเข้ามาในบริเวณชุมชนแออัด พร้อมกับเพื่อนๆ ชนกชนม์ ธีรดนย์ และชนิกานต์
“มาทำเครื่องประดับที่นี่เหรอ” สุตาภัญถาม
ธีรดนย์บอก “ใช่..รามีโรงงานผลิตอยู่ที่นี่”
ชนิกานต์และสุตาภัญแปลกใจ
ระหว่างนั้นกฤติยาเดินเข้ามาหาทุกคน
“โรงงานเปิดพร้อมทำการแล้วค่ะ”
สุตาภัญและชนิกานต์แปลกใจยิ่งขึ้นว่า เป็นโรงงานอะไร
ตรงบริเวณเพิงที่ยายแก้วเคยขายของ มีการตกแต่งทาสีใหม่ ดูดีขึ้นมาก
ชนกชนม์เอ่ยขึ้น “นี่คือโรงงานผลิตเครื่องประดับของเรา”
สุตาภัญและทุกคนยืนมอง ชนิกานต์รับไม่ได้
“เนี่ยนะโรงงาน บ้านฉันเรียกเพิงหมาแหงน”
“เป็นเพิงเก่าที่ยายฉันเคยขายขนม พอจะใช้ได้ไหม” กฤติยาถาม
ชนิกานต์บอกเสียงดัง “ไม่ได้”
แต่ทุกคนเห็นด้วยกับกฤติยา
“โอเค”
ชนิกานต์หันไปมองทุกคนลงมติเสียงส่วนใหญ่
“ไม่โอนะ ดูอนาถา เอางี้ฉันออกเงินไปเช่าห้องใหม่”
“ไม่ต้องหรอก แค่มีหลังคาคุ้มหัวก็ทำงานได้แล้ว” สุตาภัญว่า
“เราประหยัดค่าใช้จ่ายมากได้เท่าไหร่ ต้นทุนในการผลิตก็ถูกลง ขายได้กำไรมากขึ้น”
ธีรดนย์ปิดประเด็น “สรุปว่าเราจะเปิดโรงงานที่นี่”
ทุกคนมองไปยังชนิกานต์เป็นตาเดียว ชนิกานต์จำต้องยอมรับมติกลุ่ม
“ก็โออ่ะ”
สุตาภัญร้องเชียร์อัพ “ว่าแล้วก็ลุยเลย”
ทุกคนร้อง “เย๊” พร้อมกันเอาฤกษ์
สุตาภัญบิ้วท์ให้ทุกคนลงมือช่วยกันผลิตเครื่องประดับเป็นงานแรก
ด้านชลนิภารู้สึกตัวแล้ว แป๋วดีใจ
“คุณผู้หญิงฟื้นแล้ว รีบไปง้อคุณผู้ชายเถอะค่ะ คุณผู้ชายเพิ่งออกไป”
แป๋วพูดไม่ทันจบประโยค ชลนิภาไล่ตะเพิด
“ออกไป! ไม่ต้องสาระแนยุ่งเรื่องของฉัน”
แป๋วตกใจกลัว รีบลนลานออกไป ชลนิภานึกโกรธแค้นที่ถูกธนกรทิ้งไปตอนมีปัญหา
ชลนิภาเดินมาที่หน้าคฤหาสน์ มองออกไป เห็นธนกรถือกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์อดคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตคล้ายๆ กันนี้ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ตอนที่วีรภัทรหิ้วกระเป๋าออกไปจากคฤหาสน์นั่นเอง
เหตุการณ์ซ้อนทับกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ธนกรถือกระเป๋าออกไปต่อหน้า
ชลนิภารู้สึกเสียใจมาก
“ไม่มีใครรักฉัน ทิ้งฉันไปทุกคน ฉันทำตัวแย่มากเลยใช่มั้ย”
ชลนิภาทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนคนสิ้นแล้วทุกสิ่งอย่าง
ส่วนธนกรเดินถือกระเป๋าออกมานอกเขตรั้วคฤหาสน์แล้ว ชยางกูรขับรถเข้ามาเจอธนกร พอดี ชยางกูรลงจากรถ มองด้วยความแปลกใจ
“คุณพ่อจะไปไหน”
“พ่อย้ายไปอยู่ข้างนอก พ่อจะหย่ากับคุณแม่”
ชยางกูรตกใจ รีบขอร้องธนกร
“แม่จะอยู่กับใคร แล้วผมล่ะ พ่อไม่รักผมแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าลูกรักพ่อ.. ลูกเลิกเล่นการพนันได้ไหม” ธนกรขอร้อง
“ผมยอมรับว่าผมเคยหลงผิด แต่ผมเลิกแล้ว พ่อเลิกใส่ร้ายผมสักที”
“เมื่อวานลูกอยู่ที่ไหน”
ชยางกูรอึ้ง นิ่งงันไป
ธนกรตอบแทน “ลูกเข้าบ่อนตอนสิบโมงเช้า”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ชยางกูรเดินเข้าบ่อนผุดขึ้นมาในความคิด โดยมีธนกรนั่งอยู่ในรถ เฝ้ามองพฤติกรรมชยางกูร
กลางดึกเห็นชยางกูรหัวเสียเดินออกจากบ่อน
เสียงธนกรเล่าต่อ “ออกจากบ่อนเกือบเที่ยงคืน”
ชยางกูรตกใจที่ธนกรเฝ้าตามดูพฤติกรรมของเขาตลอดเวลา
“ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่ลูกไม่เข้าบ่อน”
ชยางกูรไม่พอใจที่ถูกจับผิด หาเรื่องโวยเปลี่ยนประเด็น
“พ่อคอยจับผิดผม! พ่อไม่รักผม ที่ผมเป็นอย่างนี้ก็เพราะพ่อ พ่อทำให้ผมเสียใจ พ่อเข้าข้างไอ้ชนกชนม์”
“หยุดโทษคนอื่นได้แล้ว จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวลูกเอง”
ธนกรจะเดินออกไป ชยางกูรเข้ามาห้ามดังลั่น
“พ่อไปไม่ได้นะ ผมเคยดูถูกมันไว้ ไม่มีใครรักมัน สุดท้ายผมต้องเป็นฝ่ายแพ้ มันต้องเย้ยผม พ่อทิ้งผมไปไม่ได้”
ธนกรผิดหวังและเสียใจนัก “ลูกรักตัวเอง...ไม่เคยรักใครเลย”
ธนกรเดินหนีออกไป ชยางกูรผิดหวังคิดตัดสินใจทำบางอย่าง
ธนกรโบกรถแท็กซี่ ขนกระเป๋าขึ้นรถ ชยางกูรวิ่งตามเข้ามาตะโกนเรียกไว้
“พ่อ กลับมาก่อน...พ่อ”
ธนกรหันไปมองแวบเดียว แล้วขึ้นรถปิดประตู
ชยางกูรวิ่งไล่ตาม
“พ่ออย่าทิ้งผมไป”
รถแท็กซี่วิ่งออกไป ชยางกูรวิ่งไล่ตาม ล้มลงกับพื้น
ธนกรมองจากกระจกข้าง เห็นชยางกูรล้มลง แต่ก็ทำใจแข็ง ตัดใจไม่ให้รถหยุด รถวิ่งออกไป ชยางกูรมองรถที่วิ่งออกไป ร้องไห้ออกมา ตะโกนก้อง
“ผมรักพ่อ”
เวลานั้นชนกชนม์ส่งแบบเครื่องประดับที่สเก็ตช์เสร็จให้เพื่อนๆ ดูเป็นต้นแบบ
“ทำตามขั้นตอนที่ออกแบบไว้ได้เลย”
ทุกคนร้องประสานเสียง “ครับ บอส!” / “ค่ะ บอส!”
ชนกชนม์ยิ้มแย้ม สุตาภัญ ธีรดนย์ กฤติยา และ ชนิกานต์รับแบบมาดู ทุกคนชอบแบบมาก
“แบบนี้สวยดีนะ” ธีรดนย์ว่า
สุตาภัญบอกชี้อีกแบบ “แบบนี้ก็แปลกตาดี”
ชนกชนม์วางมาดเจ้านาย แกล้งโวยใส่ “เอ้า...ชักช้าเดี๋ยวปะไล่ออก”
“ขอโทษครับ บอส” / “ขอโทษค่ะ บอส”
ทุกคนต่างหันไปลงมือทำทันที ชนกชนม์ยิ้มพอใจ
เวลาต่อมาชนกชนม์ลงมือประดิษฐ์เครื่องประดับ สุตาภัญลงมือทำ แต่ทำผิดพลาด ชนกชนม์เข้าไปช่วยสอนวิธีการทำให้
ธีรดนย์ทำตามแบบ ชนิกานต์ดึงให้ธีรดนย์มาช่วยทำ ธีรดนย์ก็ส่งแบบให้ชนิกานต์ทำตามขั้นตอนในแบบ ธีรดนย์ทำคนเดียว
กฤติยามองอยู่รู้สึกสงสารชนิกานต์ เลยแกล้งยืนเบียดธีรดนย์ให้เข้าไปยืนใกล้ชนิกานต์ ชนิกานต์รู้ทันยิ้มพอใจ
ฝ่ายชนกชนม์และสุตาภัญช่วยกันประดิษฐ์สร้อยคอด้วยกัน เป็นรูปหัวใจ
ธีรดนย์เห็นจะเข้าไปช่วยสุตาภัญ ชนิกานต์ดึงมือธีรดนย์ให้มาช่วยทำเครื่องประดับที่เธอทำค้างไว้ กฤติยาส่งสายตาเชิงขอร้องให้ธีรดนย์ช่วย ธีรดนย์จึงเข้าไปช่วยชนิกานต์อย่างเสียไม่ได้ ชนิกานต์ยิ้มแฉ่งพออกพอใจ
กฤติยาเห็นทุกคนทำงานอย่างมีความสุข คิดอะไรบางอย่าง เดินออกไป
เวลาต่อมา ชนกชนม์เคาะจานแป๊กๆๆ เป็นสัญญาณให้พักเที่ยง
“ได้เวลาพักแล้วครับ...ขอให้ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย เดี๋ยวบอสไปซื้อข้าวให้ทาน”
“ฉันขอพิซซ่าหน้าซีฟู้ด” ชนิกานต์อ้อน
“ไม่ได้ เราต้องลดต้นทุน” ธีรดนย์แย้ง
ชนิกานต์ไม่ยอม “ฉันออกเงินเอง”
ชนกชนม์เสียงดัง “ไม่ได้! ฉันเป็นบอสต้องรับผิดชอบลูกจ้าง”
สุตาภัญบอกชนกชนม์ “ฉันไปช่วย”
เห็นสุตาภัญออกไปกับชนกชนม์ ธีรดนย์จะตาม
“ฉันไปช่วยด้วยคน”
ชนิกานต์สั่ง “นายต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“อยู่คนเดียวไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้”
ธีรดนย์ไม่พอใจที่ชนิกานต์คอยเรียกร้องให้อยู่ใกล้ชิดตล๊อดๆ
“อย่าลืมสิว่าเราเป็นอะไรกัน”
ธีรดนย์ตกใจกลัวคนอื่นได้ยิน ลดเสียงเบาลง
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”
ชนิกานต์เสียงดังใส่ “มันเป็นความจริง”
“แต่มันผ่านไปแล้ว”
ธีรดนย์และชนิกานต์ตั้งหน้าเถียงกันอีก แต่เห็นกฤติยาถือถาดใส่อุปกรณ์ทำขนมลูกชุบเดินเข้ามา ธีรดนย์รีบเปลี่ยนเรื่อง ไปถามกฤติยา
“อะไรอ่ะ”
“มาทำขนมลูกชุบกัน” กฤติยาบอก
ธีรดนย์และชนิกานต์แปลกใจ
สองคนเดินมาถึงมุมหนึ่งที่ชุมชน ชนกชนม์บอกสุตาภัญ
“ฝากเธอสั่งอาหารห้ากล่องนะ ฉันจะไปเอากระติกน้ำที่บ้าน”
“ไม่” สุตาภัญบอก
ชนกชนม์แปลกใจ “ไหนบอกมาช่วยฉัน”
“เราต้องทำอาหารเอง เพื่อลดต้นทุน ฉันจะไปหุงข้าวทำข้าวผัด นายไปซื้อปลากระป๋อง”
ชนกชนม์ส่งกุญแจบ้านให้ “ครับนางฟ้าเบอร์ห้า”
สุตาภัญรับกุญแจแล้วเดินออกไป ชนกชนม์ยิ้มพอใจ เดินไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อของ
ฝ่ายกฤติยาวางอุปกรณ์สำหรับทำลูกชุบไว้พร้อมแล้ว
ชนิกานต์สงสัย “ทำเป็นเหรอ”
“ฉันเป็นลูกหลานของแม่ค้าทำขนมไทยอร่อยที่สุดในชุมชนเลยนะ”
ธีรดนย์ยิ้มกริ่ม “น่าสนุก ให้ฉันช่วย”
กฤติยาย้อนถาม “ทำเป็นเหรอ”
ธีรดนย์ยิ้มอีก “ไม่เป็น เธอต้องสอน”
กฤติยาหันมาถามชนิกานต์ “สนใจไหม”
ชนิกานต์พยักหน้า
“งั้นมาลงมือกัน เริ่มจากปั้นถั่วบดเป็นผลไม้หรือรูปสัตว์ที่เราต้องการ”
กฤติยาลงมือปั้นถั่ว เป็นผลไม้ ธีรดนย์และชนิกานต์เริ่มลงมือปั้น ตามคำแนะนำของกฤติยา
ขณะเดียวกันสุตาภัญเดินมาที่บ้าน ไขกุญแจเพื่อเข้าไปในบ้านสุรเดช
ส่วนชนกชนม์รับถุงใส่ปลากระป๋องจากแม่ค้า แล้วนึกขึ้นมาได้ ตกใจมาก
“ตาเข้าบ้าน...ตายล่ะ”
สุตาภัญเปิดประตูเข้าไปในบ้าน มีอุปกรณ์เสพยาอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่มีเสื้อผ้าบังไว้เล็กน้อย
สุตาภัญเข้าไปในบ้าน เห็นข้าวของเกะกะ สภาพสกปรก
“เหม็นอับ...อยู่ได้ไงเนี่ย!”
หลอดยาอีกอันอยู่ที่มุมหนึ่งในห้อง แต่สุตาภัญยังไม่เห็น
สุตาภัญจะเดินไปที่ห้องครัว แต่ทนไม่ไหว เดินกลับมา หยิบเสื้อผ้าใส่ที่ตกตามพื้นใส่ตะกร้า สุตาภัญเดินไปหยิบเสื้อผ้า ใกล้จะถึงหลอดยาอยู่แล้ว
ชนกชนม์วิ่งเข้ามาในบ้าน รีบดึงตัวสุตาภัญไปทางครัว
“ของครบแล้ว ไปทำข้าวผัดเถอะ”
“เก็บของก่อน...เห็นแล้วทนไม่ได้” สุตาภัญว่า
“ฉันทำเอง เธอรีบไปหุงข้าว เพื่อนๆ หิวกันแล้ว”
สุตาภัญรับถุงใส่ของจากชนกชนม์ เดินตรงไปทางห้องครัว
ชนกชนม์รีบเก็บหลอดเสพยา โล่งใจที่สุตาภัญไม่เห็น และไม่รู้ว่าตนเล่นยา
เวลาเดียวกันนั้นกฤติยาถือก้านเสียบพริกไว้ในมือ ถามเพื่อนๆ
“เสร็จกันรึยัง?”
ธีรดนย์ชูก้านไม้ที่ทำเป็นรูปกระต่าย
“น่ารักจัง” กฤติยายิ้ม
ชนิกานต์แขวะธีรดนย์ “ปั้นไม่เข้ากับหน้าเลย”
“หน้าอย่างฉันต้องปั้นรูปอะไร”
ชนิกานต์ลอยหน้าบอก “ลิง หรือไม่ก็สุนัข เพราะนายมันปากสุนัข”
ชนิกานต์หัวเราะเยาะธีรดนย์ กฤติยาพลอยหัวเราะไปด้วย
ธีรดนย์ส่ายหัว “ไม่ต้องหัวเราะเลย เธอปั้นอะไร”
ชนิกานต์ชูก้านไม้ เห็นเป็นลูกชุบรูปหัวใจ
“โรแมนติกจัง สงสัยจะมีความรัก”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจ มองไปยังธีรดนย์เป็นนัย ธีรดนย์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ปั้นเสร็จทำไงต่อ”
“ระบายสีตามใจชอบ แล้วเอาไปชุบวุ้นก็เป็นอันกินได้”
กฤติยายื่นถาดใส่สีให้ทุกคนลงมือทาลูกชุบ
ขณะที่สุรัมภาตีแบดกับเพื่อนๆ อยู่ เพื่อนซี้ 2 คนยืนมอง และคอยนับแต้ม
สุรัมภาตีโต้ไปมา แล้วสายตาก็เริ่มเบลอ สุรัมภาหน้ามืดทรุดตัวลงอย่างหมดแรง
เพื่อนทั้ง 2 คนตกใจ “ยัยภา”
เพื่อนทั้งสองประคองสุรัมภามานั่ง ช่วยกันเอายาดมให้ดม
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม”
สุรัมภารู้สึกดีขึ้นพยักหน้าให้
“ไม่รู้เป็นอะไร... จู่ๆ ก็หน้ามืด”
“ไม่มืดได้ไง ไม่ยอมกินอะไรเลย คงจะหิวจนตาลาย” เพื่อนว่า
เพื่อนอีกคนเสริม “ดีนะที่รู้ว่าเธอเบื่ออาหาร ไม่งั้นฉันต้องคิดว่าเธอแพ้ท้อง”
สุรัมภาได้ยินก็ตกใจ
เพื่อนคนที่สองแขวะเพื่อคนที่บอก “รู้เหรอจ้ะว่าแพ้ท้องเป็นไง”
“พี่สาวฉันตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว...อาการคล้ายๆ ยัยภา ดูอวบอิ่ม เบื่ออาหาร แต่ต่างกันตรงที่..พี่สาวฉันอ้วกทั้งวันทั้งคืน”
เพื่อนคนที่ 2 หันมาถาม “ภา..เธออ้วกบ้างไหม”
สุรัมภาอึ้งตกใจ ไม่ทันตอบ
เพื่อนคนแรกก็ว่าเอา “ถามยังกะว่ายัยภาแพ้ท้อง”
เพื่อนคนที่สองบอก “ล้อเล่น”
เพื่อน 2 คน หัวเราะสนุกสนาน แม้สุรัมภาจะร่วมหัวเราะด้วย แต่ภายในใจเริ่มกังวลใจเรื่องตั้งท้อง
ฟากสุตาภัญติดไฟตั้งกระทะ ชนกชนม์ถือถ้วยใส่ข้าวมาส่งให้ สุตาภัญรับข้าวเทลงกะทะ เริ่มผัดข้าว
ชนกชนม์คอยหยิบของส่งให้สุตาภัญ สุตาภัญผัดข้าว โดยมีชนกชนม์เป็นลูกมือคอยช่วยเหลือ
ทางด้านกฤติยาระบายสีลูกชุบเป็นรูปพริกสวยงาม ได้หลายอันแล้ว ธีรดนย์ระบายสีกระต่าย ยิ้มพอใจ
ชนิกานต์ระบายสีรูปหัวใจไป มองธีรดนย์ไป แล้วก็ยิ้มระบายสีอย่างมีความสุข ธีรดนย์มองแล้วแอบยิ้มเย้ย ชนิกานต์ไม่พอใจ เอาสีไปป้ายกระต่ายของธีรดนย์จนเละ
“เฮ้ย กระต่ายฉัน”
ชนิกานต์สะใจ “กระต่ายเน่า”
ธีรดนย์ฉุน เอาสีป้ายลูกชุบหัวใจของชนิกานต์
ธีรดนย์หัวเราะสะใจ “หัวใจเธอก็เน่า”
ชนิกานต์ไม่พอใจ เอาสีป้ายหน้าธีรดนย์ ชนิกานต์หัวเราะสะใจ แลบลิ้นใส่ ธีรดนย์เอาสีป้ายปากชนิกานต์จนหน้าเลอะ ธีรดนย์หัวเราะสะใจ ชนิกานต์เข้าไปเอาสีป้ายหน้าธีรดนย์ ทั้งสองป้ายกันไปมา มีกฤติยาคอยห้าม
“หยุดได้แล้ว”
ธีรดนย์และชนิกานต์ กลับเอาสีมาป้ายหน้ากฤติยาแทน กฤติยาอึ้ง ธีรดนย์และชนิกานต์ป้ายเป็นหนวดแมว
“เหมือนแมวเลย”
ธีรดนย์ร้อง “เมี๊ยว”
ชนิกานต์และธีรดนย์ต่างพากันหัวเราะขำกฤติยา
กฤติยาเจ็บใจที่ถูกแกล้ง เอาสีป้ายหน้าทั้งสองคนคืน จากนั้นทั้งสามวิ่งไล่ป้ายสีกันเป็นที่สนุกสนาน
ส่วนสุตาภัญปรุงรสข้าวผัด แล้วผัดต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะตักส่งให้ชนกชนม์ชิม
“รสชาติเป็นไง”
“ก็โอนะ...ใช้ได้เลย”
สุตาภัญยิ้มพอใจ “แต่..มันขาดไปนิดนึง” ชนกชนม์บอก
สุตาภัญถาม “น้ำปลา” ชนกชนม์ส่ายหน้า “น้ำตาล” ชนกชนม์ส่ายหน้าอีก “อะไรอ่ะ?”
ชนกชนม์บอกหน้าตาเฉย “ความอร่อย!”
สุตาภัญเม้งแตก “นาย!”
สุตาภัญเอาตะหลิวไล่ตี ชนกชนม์วิ่งหนี คว้าข้อมือสุตาภัญไว้
“ล้อเล่น...อร่อยแล้วครับ”
ชนกชนม์จับมือสุตาภัญไว้ จ้องมองหน้าตาหวาน
“เพราะคุณนางฟ้าได้ใส่ความตั้งใจลงไปด้วย”
ชนกชนม์ยิ้มให้ สุตาภัญยิ้มเขินพอใจ และแล้วได้กลิ่นไหม้..
สองคนร้องลั่น “ข้าวผัด!”
ข้าวผัดในกระทะมีควันลอยคลุ้ง
ชนกชนม์และสุตาภัญเอาข้าวผัดวางลงหน้าโต๊ะเพื่อนๆ เป็นข้าวผัดสีค่อนข้างดำ
และมีรอยไหม้ ธีรดนย์ ชนิกานต์ และ กฤติยา อึ้งเป็นแถบ
“ข้าวผัดปลากระป๋อง!”
สุตาภัญและชนกชนม์ยิ้มจ๋อยๆ
สุตาภัญร้อง “ขอสามคำ”
ธีรดนย์บอก “ดำปิ๊ดปี๋!”
“กินไม่ลง!” กฤติยาว่า
“ทิ้งเหอะนะ” ชนิกานต์บอก
สุตาภัญหน้าเสีย ชนกชนม์ไม่อยากให้สุตาภัญเสียใจ จึงตักข้าวมากิน
“หมายังเมิน” ชนกชนม์สุดจะทนกินไหว
ทุกคนมองไปยังสุตาภัญเป็นตาเดียว บอกสุตาภัญ
“ขอสามคำ”
สุตาภัญบอกทุกคน “ฉัน ขอ โทษ”
ทุกคนหัวเราะขำสุตาภัญ ที่ยอมรับความจริงว่าทำอาหารไม่ได้เรื่อง
กฤติยาส่งถาดใส่ลูกชุบมาตรงหน้า
“กินลูกชุบแทนข้าวแล้วกัน”
ทุกคนยิ้มรับ แย่งกินลูกชุบเพราะหิวมาก
กฤติยาร้องขึ้น “ขอสามคำ”
ทุกคนประสานเสียง “หย่อย จุง เบย!”
เลิกเรียนวันนั้น สุรัมภาเดินเหม่อลอยอยู่หน้าโรงเรียน กังวลใจเรื่องตั้งท้อง คิดจะทำอะไรบางอย่าง
ชนกชนม์ถือเครื่องประดับที่ช่วยกันผลิตอยู่ในบ้านสุรเดช
“ได้หลายชิ้น พอที่จะเปิดแผงขายได้ล่ะ”
สุตาภัญยิ้ม ชนิกานต์เดินเข้ามาถามทั้งสอง
“เห็นธีรดนย์ไหม”
“เมื่อกี้เดินออกไปกับแอนอ่ะ” สุตาภัญบอก
ชนิกานต์แปลกใจ รีบตามออกไป
สุตาภัญยิ่งแปลกใจ “ยัยนิกกี้เป็นอะไรของเขา ตามนายธีตลอดเวลา”
ชนกชนม์แหย่ “หึงเหรอ”
“เปล่า...แค่แปลกใจ ก่อนหน้าไม่กินเส้น เดี๋ยวนี้ติดหนึบยิ่งกว่าตังเม”
“เธอเป็นแฟนธีน่าจะไปดูแลเขาบ้างนะ”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องคนอื่น รีบเก็บของแล้วไปกับฉัน”
ชนกชนม์แปลกใจว่าสุตาภัญจะพาเขาไปไหน ไปทำอะไร?
สุรัมภาเดินมาตามทางในห้างสรรพสินค้า คิดกังวลเรื่องที่ได้ฟังจากเพื่อน และที่เพื่อนๆแซวว่าสุรัมภาท้อง
“พี่สาวฉันตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว...อาการคล้ายๆยัยภา ดูอวบอิ่ม เบื่ออาหาร....แต่ต่างกันตรงที่..พี่สาวฉันอ้วกทั้งวันทั้งคืน”
“ภา..เธออ้วกบ้างไหม?”
สุรัมภาอึ้งตกใจ ไม่ทันตอบ เพื่อนอีกคนชิงว่า
“ถามยังกะว่ายัยภาแพ้ท้อง”
สุรัมภาตัดสินใจเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ตรงไปที่ร้านขายยา
สุตาภัญพามาที่แผนกเครื่องนอน
“ชวนฉันมานอน” ชนกชนม์แกล้งอำ
“ทะลึ่ง หมอนนายเน่ามาก ซื้อใหม่ได้แล้ว”
ชนกชนม์ยิ้มให้ สุตาภัญเดินไปเลือกหมอน ชนกชนม์หยิบอีกใบมาให้สุตาภัญ
“ใบนี้....สวยดี”
สุตาภัญรับมา แล้ววางลงบนเตียง กระโดดขึ้นไปนอน
ชนกชนม์แปลกใจ “ทำอะไร”
“ต้องลอง”
สุตาภัญนอนหนุนหมอนบนเตียง ลองขยับไปมา
ชนกชนม์มองไปเห็นลูกค้าหันมามอง “อายเขาอ่ะ”
“อาย แล้วได้ของไม่ดี.....กับหน้าด้าน ใช้งานได้นาน จะเลือกอะไร”
ชนกชนม์มองหน้าสุตาภัญ “หน้าด้าน”
สุตาภัญลุกขึ้นมาหยิกชนกชนม์ “หลอกด่าฉัน..นี่แน่ะ”
ชนกชนม์ร้องโอดโอย
ส่วนที่มุมหนึ่งที่ชุมชน กฤติยากำลังล้างอุปกรณ์ทำขนมลูกชุบ ธีรดนย์เข้ามาช่วย
กฤติยาห้ามไว้ “ไม่ต้อง ฉันล้างเองได้”
“กินด้วยกันก็ต้องช่วยกัน”
“ไม่ต้องช่วย ฉันทำได้”
ธีรดนย์แขวะเอา “เบื่อนางเอกคนนี้จัง เสียสละยี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อไหร่จะคิดถึงตัวเองบ้าง”
กฤติยายิ้มให้ แล้วล้างอุปกรณ์ต่อ
ธีรดนย์นึกได้ว่าเคยถามเรื่องนี้ “บอกฉันได้ยัง ว่าเธอแอบชอบใคร”
กฤติซ่อนหน้าก้มล้างของต่อ “ไม่มี”
ธีรดนย์แย่งจานไปถือไว้ “ไม่บอกโดนจี้นะ”
ธีรดนย์ตั้งท่าจะจี้เอวกฤติยา กฤติยากลัว..รีบห้ามไว้
“ฉันยอมแล้ว”
“เธอชอบใคร”
ระหว่างนั้นชนิกานต์เดินตามหาธีรดนย์ จนมองเห็นว่าธีรดนย์อยู่กับกฤติยาในระยะห่างออกไป
ส่วนที่แผนกเครื่องนอนในห้างสรรพสินค้าเวลานั้น สุตาภัญล้มลงนอน ทดสอบหมอน แล้วพลิกไปอีกทาง หันหลังให้ชนกชนม์ พอสุตาภัญพลิกกับมาอีกทาง เจอหน้าชนกชนม์เต็มๆ หน้า ก็ตกใจ
“นายทำอะไร”
“หนุนหมอน”
สุตาภัญตกใจจะลุกขึ้น ชนกชนม์ดึงตัวลงมานอนด้วยกัน
“อยากลองก็หยิบใบใหม่สิ”
“ฉันอยากรู้...เวลาหนุนสองคนจะสบายไหม”
“ไม่สบาย”
“ใช่..อึดอัดจริงๆ ด้วย...แต่มีความสุข”
ชนกชนม์จ้องมองสุตาภัญ ยิ้มอย่างมีความสุข สุตาภัญตกอยู่ในภวังค์
ชนกชนม์ยิ้มให้...สุตาภัญยิ้มรับ แล้วเอามือดันหน้าชนกชนม์จนกลิ้งตกเตียง
ชนกชนม์ร้อง “โอ๊ย”
“เป็นไง...สุขสุดๆ เลยใช่ไหม”
สุตาภัญหัวเราะเยาะชนกชนม์ ชนกชนม์ร้องโอดโอยเจ็บตัว จังหวะนั้นสุตาภัญหันไปที่มุมหนึ่ง เห็นสุรัมภาเดินผ่านไป สุตาภัญดีใจ รีบลุกจากเตียง วิ่งตามน้องไป
ชนกชนม์ลุกขึ้นมา ไม่เจอสุตาภัญก็แปลกใจ
“เอ้าไปไหน?”
ฟากธีรดนย์ยังคงจ้องมองกฤติยารอฟังคำตอบ
“บอกมาเถอะ ฉันเหยียบให้มิดเลย”
กฤติยามองหน้าธีรดนย์ ชั่งใจ
“ชายในฝันของเธอเป็นใคร”
กฤติยาบอกนิ่งๆ “ฉันรักนาย”
ธีรดนย์อึ้ง มองหน้ากฤติยา แล้วระเบิดหัวเราะออกมา
“หน้าซื่อๆ อำเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”
กฤติยาพูดจริงจัง “ฉันพูดจริง นายรักนาย...รักมานานแล้ว อย่ามาใกล้ชิดฉันอีก ฉันไม่อยากเจ็บปวดมากไปกว่านี้”
กฤติยาผลักธีรดนย์ออกห่าง แล้ววิ่งหนีออกไป
ธีรดนย์ตกใจที่รู้ความจริง สงสารกฤติยา
“แอน...”
ธีรดนย์ตัดสินใจวิ่งตามกฤติยาไป
ชนิกานต์เข้ามา เห็นธีรดนย์วิ่งตามกฤติยา ก็ตะโกนเรียก
“นายธี..นายธี”
ชนิกานต์แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองคนคุยอะไรกัน และทำไมกฤติยาต้องวิ่งหนี?
ติดตาม "ลูกไม้หลากสี"ตอนที่ 13