xs
xsm
sm
md
lg

ตระกูลชินฯ งัดข้อกันเอง ปรับ ครม.ปู 3 ยังชะงัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
รายงานการเมือง

จะว่าไปคิว “ถอดใจ” ของ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ที่จำนนกับชะตากรรมอย่างเสียไม่ได้ ยอม “ลาออก” จากตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี - รมว.มหาดไทย” ซึ่งเป็นผลมาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดจากคดีทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น คงมาบอกว่า เป็นการแสดงสปิริตลาออกเองก็คงไม่ถูกนัก

เพราะก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย ก็มีมติ “ยงยุทธ” ออกจากราชการตามความเห็นของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว ดังนั้นการลาออกหลังถูกกระแสสังคมบีบก็เป็นเพื่อการ “แก้เกี้ยว” เท่านั้นเอง

อย่างน้อยการ “ไขก๊อก” ของ “ยงยุทธ” ก็เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ทว่าดูเหมือนว่า “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจเต็มตามกฎหมายในการปรับคณะรัฐมนตรี กลับเลือกที่จะทอดเวลาออกไป สำทับด้วย “ลิ่วล้อ” ที่ออกมาประสานเสียงในโทนเดียวกันว่า ยังไร้สัญญาณปรับ ครม.ออกจากปากนายกฯ

น่าสนใจว่าเหตุใด “ยิ่งลักษณ์” เลือกเดินหมากนี้แทนที่จะปฏิบัติตามธรรมเนียมทางการเมือง ที่เมื่อมีรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง การปรับคณะรัฐมนตรีก็จะตามมาแทบจะทันที โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญอย่าง “รองนายกฯเบอร์ 1” และ “รมว.มหาดไทย” เช่นในครั้งนี้

ที่สำคัญยังมีการยืนยันแล้วด้วยว่า “ยิ่งลักษณ์” อาศัยจังหวะไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสของพระราชธิดาของสุลต่านบรูไนฯ เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน นัดพบและพูดคุย “ทักษิณ ชินวัตร” พี่ชาย เพื่อกางโผจัดทัพ “ครม.ปู 3” กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ

ประเมินสถานการณ์ตอนนี้เชื่อว่า หลายคนอยากให้มีการปรับ ครม.ในเร็ววันนี้ โดยเฉพาะ “นายใหญ่” กับบรรดาสมาชิก 111 ที่ตกงานมานาน แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่อยากให้มีการปรับ ครม.ในช่วงนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ยิ่งลักษณ์” นั่นเอง

จุดนี้มองได้ว่า “ผู้นำหญิง” คงอยากจะ “โชว์พาวเวอร์” ว่าตัวเองเป็นผู้ตัดสินใจในการปรับหรือไม่ปรับ ครม. มิใช่ตามสัญญาณที่ส่งมาจากต่างประเทศ ทั้งที่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะใครก็รู้ว่า “ตัวจริงเสียงจริง” นั้นเป็น “นายห้างตราดูไบ” ต่างหาก

อย่างเมื่อครั้งเจอกันที่บรูไน “น้องสาว” ก็ทำเป็นอี๋อ๋อเออออไปกับ “พี่ชาย” ตลอด

แต่พอกลับประเทศแผ่นดินบ้านเกิดที่ “พี่ชาย” ยังไม่กล้ากลับมาเหยียบ ท่าที “น้องปู” ก็เปลี่ยนไป เพราะในการคุยกันประสาพี่น้องวันก่อน ก็ยังขัดใจเห็นไม่ตรงกันบางจุด ที่เน้นๆเคาะกันไม่จบก็คงเป็นในส่วน “ครม.เศรษฐกิจ” ที่ “ยิ่งลักษณ์” ยังแฮปปี้ดีกับหัวหน้าทีม “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกฯและ รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอยู่ ในขณะที่ “ทักษิณ” ไม่ได้ปลื้มและอยากจะโละยกแผงกันเลยทีเดียว

เพราะตลอดปีเศษงานด้านเศรษฐกิจภายใต้การนำของ “กิตติรัตน์” ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ต่อเนื่องมาถึงกระทรวงการคลังถูก “ทักษิณ” ขีดฆ่ากาหัวให้ “สอบตก” แต่ที่ยังอยู่รอดไม่ตกในชะตากรรมเดียวกับ “ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล” รมว.คลัง คนก่อนที่ถูกถีบส่งไร้เงาในรัฐบาลตอนนี้ ก็เป็นเพราะสายสัมพันธ์ซี้ย่ำปึ้กของ “เพื่อนปู - เพื่อนโต้ง” ที่คุยภาษาเดียวกัน และคอยติวงานให้กันบ่อยๆ

ว่ากันต่อที่ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.พาณิชย์ ที่โดดมาเสียบแทนที่ “เสี่ยโต้ง” ก็ต้องรับศึกหนักจำนำข้าว - สินค้าเกษตร ที่โดนด่าสาดเสียเทเสียไปทั่วบ้านทั่วเมือง เลยเถิดไปถึงเมืองนอกเมืองนาที่วิจารณ์สับแหลก “โครงการรับจำนำข้าว” ตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลเพื่อไทย ว่าเป็นโครงการที่ล้มเหลว อย่างสิ้นเชิง ชาวนาไม่สามารถขายข้าวได้ในราคารับจำนำ และยังทำให้รัฐบาลขาดทุนย่อยยับ

เรื่องของเรื่องก็มาจากประเด็นเรื่อง “ทุจริตคอร์รัปชั่น” เป็นข่าวฉาวโฉ่ว่ามีนักการเมืองที่รู้จักกันดีในนาม “เจ๊ ด.” เข้ามาพัวพันจนโครงการเละเทะไม่เหลือชิ้นดี จึงเป็น “จุดอ่อน” สำคัญที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยแนะนำว่าควรเปลี่ยนตัว รมว.พาณิชย์โดยด่วน ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะมี “เจ๊ ด.” ถือหางรัฐมนตรีคนสนิทอยู่

มาถึงเจ้ากระทรวงกระทรวงคมนาคมของ “จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ” ก็เป็นที่หมายปองของบรรดานักการเมืองรุ่นใหญ่หลายคน ที่จ้องตาเป็นมันก็หนีไม่พ้น “เสี่ยเพ้ง - พงษ์ศักดิ์ รัตนพงศ์ไพศาล” ที่เคยคุมกระทรวงหูกวางมาก่อน แต่ก็อย่าลืมว่า “จารุพงษ์” มีตำแหน่งเป็นถึงเลขาธิการพรรค แถมมีแบ็คหนาระดับ “คุณหญิงอ้อ - พจมาน ชินวัตร” การจะมาง้างงัดออกจากตำแหน่งก็เป็นไปได้ยาก

ทำให้เรื่องที่ดูเหมือนจะง่าย กลายเป็นเรื่องยาก ก็เป็นเพราะคนใน “ตระกูลชินวัตร” คุยกันไม่ลงตัวเท่านั้น

ถัดมาที่โควตา “ชาติไทยพัฒนา” ที่ถืออยู่ 2 กระทรวงใหญ่ก็ดูจะวุ่นไม่แพ้กัน ทั้งในส่วนกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาของ “ชุมพล ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ถูกหมายหัวจากพลพรรคเพื่อไทย ที่มองว่างานกระทรวงนี้ไม่เดินเท่างบประมาณที่ได้ แถมมีแต่ข่าวทึ้งงบประมาณเข้ากระเป๋าเป็นว่าเล่น จนชงกันในที่ประชุมพรรคว่า ควรยึดโควตาคืนมา เช่นเดียวกับเก้าอี้ของ “ธีระ วงศ์สมุทร” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่เจ้าตัวเองก็ถอดใจหลังสู้ศึกน้ำท่วมมาตั้งแต่ปีกลาย อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และเคยยกธงขาวแจ้งไปยัง “บรรหาร ศิลปอาชา” แกนนำพรรคมาแล้วแต่ถูกเบรกไว้

เป็น 2 กระทรวงที่ “เพื่อไทย” หมายตายึดคืนและให้ “ชาติไทยพัฒนา” ไปนั่งคุมกระทรวงเกรดบีแทน ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ เพราะ “เพื่อไทย” กุมเสียง ส.ส.เบ็ดเสร็จ แทบไม่ต้องง้อพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ การจะหักด้ามพร้าด้วยเข่าแบบนี้ เชื่อว่า “ชาติไทยพัฒนา” ก็คงฮือไม่ออก เพราะกลัวไปอดยากปากแห้งอยู่ฝ่ายค้าน

หรือกระทั่งตำแหน่ง “รมช.พาณิชย์” ของ “ลูกยอด - ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” ก็อาจไม่มั่นคงตามความสัมพันธ์ของ 2 ผู้เฒ่า “บรรหาร - พล.ต.สนั่น” ที่เริ่มร้องเพลงคนละทำนองกันแล้ว

เอาเข้าจริงวันนี้ที่มีความชัดเจนก็มีเพียง 1 ตำแหน่งในโควตา “พลังชล” ที่สลับตัวจาก “สุกุมล คุณปลื้ม” มาเป็น “สนธยา คุณปลื้ม” ผู้เป็นสามีที่พ้นโทษแบน 5 ปี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พรรคพลังชลได้ยื่นความจำนงค์ขอเปลี่ยนตัวมาตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ค.แล้ว แต่ติดตรง “หัวหน้ารัฐบาล” ยังไม่อยากปรับ ตอนนี้ “เสี่ยแป๊ะ” ก็ยังคงทำหน้าที่ “พี่เลี้ยง” ให้ภรรยาไปพลางๆ

ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องบอกว่า การปรับ “ครม.ปู 3” เกิดขึ้นแน่ในเร็ววันนี้ แต่เท่าที่ไล่เรียงมาจะเห็นได้ว่าการขยับปรับ ครม.ปู 3 ยังมีปัญหาอุรุงตุงนังอีกเพียบ โดยเฉพาะเรื่องวุ่นๆในครอบครัว “ชินวัตร” เองทั้ง “นายใหญ่ - นายหญิง - พี่สาว - น้องสาว” ที่งัดข้อวัดกำลังกันเองอยู่ตลอดเวลา

ยังไม่นับไปถึง “แรงกระเพื่อม” ที่ยิ่งปล่อยให้เวลาเนิ่นนานออกไปถือเป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะเกิด “คลื่นใต้น้ำ” ขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย เพราะแน่นอนว่าบรรดา “นักวิ่ง” กลุ่มก๊วนต่างๆในพรรคที่เตรียมส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวออกจากเส้นสตาร์ททุกครั้งเมื่อมีเสียงเคาะกะลาปรับ ครม.ให้ได้ยิน

เมื่อหลายอย่างไม่ลงตัวทางออกสุดท้าย อาจต้องปรับกลยุทธ์ดึงเวลาปรับ ครม.ออกไปก่อน รอให้ “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืมดาบฝ่ายตรงข้ามตัดขาทำลายกันเอง ใครสอบตก-สอบผ่านไปวัดฝีปากกันในสภาฯ

แล้วค่อยไปขยับปรับทัพกันหลังเสร็จศึก
กำลังโหลดความคิดเห็น