ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ถึงเวลานี้มีสัญญาณบ่งบอกว่า สถานการณ์การเมืองกำลังก้าวไปสู่วิกฤติการณ์อีกครั้งหนึ่ง สัญญาณเหล่านี้คือ ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารประเทศของรัฐบาลลัทธิแดง และการสิ้นสุดการอดทนของสังคม
นับตั้งแต่วันแรกที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองของลัทธิแดงเป็นรัฐบาล ความหวังที่จะเห็นแสงสว่างในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาประเทศอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนก็มลายหายไปในพริบตา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองลัทธิแดงละเลงประเทศไทยจนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภัยพิบัติธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ทำลายหลักนิติรัฐอย่างยับเยิน แพร่กระจายส่งเสริมการทุจริตอย่างเป็นระบบ ทำลายความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ล้มล้างหลักจริยธรรมในการบริหารประเทศ สร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นแก่ชุมชนและประชาชน สร้างความหายนะแก่เด็กและระบบการศึกษา และปลูกฝังลัทธิความเชื่อที่งมงายและสร้างรัฐแห่งความหวาดกลัวขึ้นมา
รัฐบาลพรรคลัทธิแดงประสบความล้มเหลวในการจัดภัยพิบัติทุกเรื่อง โดยเฉพาะการจัดการน้ำ จน ทำให้เกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ความล้มเหลวนั้นเกิดจากภาวะ 5 ไร้ ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้นำหุ่นของพรรคลัทธิแดง เพราะ บุคคลผู้นี้ไร้ภาวะผู้นำ ไร้วิสัยทัศน์และปัญญา ไร้ทักษะความสามารถในการบริหารจัดการระบบราชการ ไร้วุฒิภาวะ และไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง
ในการทำลายนิติรัฐและสร้างความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองลัทธิแดงได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยมีเจตนาล้างความผิดให้แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นการพยายามใช้อำนาจรัฐทำลายหลักนิติรัฐของบ้านเมือง ซึ่งเป็นการทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ชอบธรรม อย่างไรก็ตามเจตนาชั่วร้ายดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ออกมาชุมนุมคัดค้าน จนทำให้ต้องชะลอเรื่องดังกล่าวไป แต่หากพรรคการเมืองลัทธิแดงยังมีอำนาจอยู่ เจตนาชั่วร้ายดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่และรอจังหวะโอกาสแสดงออกมาได้ทุกขณะ
ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลของพรรคลัทธิแดงมีการทุจริตคอรัปชั่นมากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนทั้งในแง่ของปริมาณเงินงบประมาณ จำนวนหน่วยงาน และจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้อง การทุจริตเกิดขึ้นในทั่วทุกอาณาบริเวณที่มีเครือข่ายนักการเมืองและสาวกลัทธิแดงเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อไรก็ตามที่นักการเมืองของพรรคลัทธิแดงเข้าไปมีส่วนร่วมเกี่ยวกับกิจกรรมหรือโครงการของรัฐ เมื่อนั้นการทุจริตก็เกิดขึ้นทันที
โครงการที่อื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตมากที่สุดมีสองโครงการใหญ่ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทคือ โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และโครงการจำนำข้าว โครงการแก้ปัญหาอุทกภัยนั้นก่อให้เกิดการทุจริตในทุกระดับ ตั้งแต่การขุดลอกคูคลอง แม่น้ำ หนองบึง การทำพื้นที่แก้มลิง สร้างฝาย และอื่นๆ อัตราการทุจริตมีถึงร้อยละ 40 ของมูลค่าโครงการ ส่วนโครงการจำนำข้าวก็เช่นเดียวกัน มีการทุจริตกันตั้งแต่นักการเมืองผู้กำหนดนโยบาย ข้าราชการและกลุ่มโรงสีเอกชนผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ และกลุ่มเป้าหมายของนโยบายเอง เรียกได้ว่าเป็นการร่วมกันโกงประเทศอย่างบูรณาการของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้
ด้วยแบบแผนการประพฤติของรัฐบาลและนักการเมืองในเครือข่ายของลัทธิแดง จึงเป็นการตอกย้ำและผลิตซ้ำค่านิยมการทุจริตให้ฝังรากหยั่งลงลึกลงในสังคมไทยเพิ่มขึ้นจนยากที่จะแก้ไขได้ในอนาคต
รัฐบาลลัทธิแดงยังทำลายสมรรถภาพการแข่งขันของประเทศ เรื่องนี้เกิดจากความไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ดังเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญอันเป็นอาชีพหลักของคนไทย ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์ซึ่งแถลงโดยนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ระบุว่า สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมในช่วงแปดเดือนแรกของ ปี 2555 ลดลงถึงร้อยละ 22.8
การส่งออกสินค้าเกษตรทั้งข้าว ยางพารา และมันสำปะหลังลดลงเป็นจำนวนมาก เฉพาะการส่งออกข้าวลดลงถึงร้อยละ 40 ทำให้ไทยต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของการส่งออกข้าว กลายเป็นผู้ส่งออกเป็นลำดับสามรองจากเวียตนามและอินเดีย สมรรถภาพในการแข่งขันของข้าวไทยถูกทำลายลงอย่างยับเยินจากนโยบายจำนำข้าว อีกทั้งการขาดดุลการค้าในช่วง 8 เดือนแรกก็สูงถึง 13,107 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 15 ปี นับจากวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา
ยิ่งกว่านั้นการนโยบายเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวันทำให้อุตสาหกรรมไทยสูญเสียสมรรถภาพในการแข่งขันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางประมาณร้อยละ 10 ถึง 20 หรือคิดเป็นประมาณ 300,000 ราย ที่อาจต้องปิดกิจการ สำหรับในส่วนของบริษัทจดทะเบียน สถิติเกี่ยวกับการปิดบริษัทที่เปิดเผยโดยนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 ระบุว่า ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2555 บริษัทปิดการไปแล้วถึง 8,333 ราย
ในเรื่องการล้มล้างจริยธรรมการบริหารประเทศ รัฐบาลของพรรคลัทธิแดงได้สร้างบรรทัดฐานโดยใช้ “การโกหกเป็นหลักการสำคัญในการบริหารประเทศ” กรณีนี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ออกมายอมรับสารภาพอย่างไร้ความละอายว่า ได้โกหกเกี่ยวกับการคาดการณ์การเติบโตของตัวเลขการส่งออก โดยระบุว่าจะมีการเติบโตถึงร้อยละ 15 ทั้งๆที่รัฐบาลมีข้อมูลอย่างชัดเจนที่ประเมินได้แล้วว่าการเติบโตของการส่งออกนั้นไม่มีทางถึงตัวเลขดังกล่าว แต่ก็ยังโกหกต่อสาธารณะซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลแก่ประเทศ นอกจากทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อถือจากประชาคมนานาชาติแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในการวางแผนประกอบธุรกิจอีกด้วย
รัฐบาลนี้จึงบ่อนทำลายจริยธรรมการบริหารประเทศ และสร้างแบบอย่างที่เลวร้ายแก่สังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงระดับรากฐานในวิถีแห่งการดำรงชีวิต
ด้านการสร้างความอ่อนแอและทำลายความเข้มแข็งของชุมชนและประชาชน นับตั้งแต่รัฐบาลพรรคลัทธิแดงขึ้นครองอำนาจ และดำเนินนโยบายประชานิยมอย่างบ้าคลั่งต่อทุกมิติของชีวิตและเกือบทุกกลุ่มในสังคมไทย ส่งผลให้จิตสำนึกของการพึ่งตนเองของคนไทยและชุมชนลดลงอย่างมหาศาล และก่อให้เกิดจิตสำนึกของการพึ่งพานักการเมืองและแกนนำลัทธิแดงอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นอย่างชัดเจน คือนโยบายจำนำข้าว ได้ทำลายระบบเกษตรอินทรีย์ ทำลายสหกรณ์การเกษตรขนาดเล็ก และทำลายโรงสีชุมชน ขณะที่นโยบายรถคันแรก ได้ทำลายจิตสำนึกในการใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ นโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท ทำลายระบบเงินเดือนและความเป็นธรรมในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ที่ทำงานมานาน อีกทั้งยังสร้างวิกฤติการบริหารให้เกิดในหน่วยงานภาคบริการของรัฐหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาล ซึ่งรับเงินสนับสนุนรายหัวจากจำนวนผู้ป่วย จะต้องนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายเพิ่มขึ้นแก่บุคลากร ในทางกลับกันจึงทำให้เงินที่ใช้ในการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนลดลง ซึ่งทำให้ชีวิตของประชาชนที่ป่วยไข้ตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น
ในเรื่องการทำลายพัฒนาการของเด็กและการศึกษา เรื่องนี้เกิดจากนโยบายแจกแท็บเล็ตแก่นักเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีทั้งเรื่องการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาในเรื่องคุณภาพของเครื่องมือชิ้นนี้ และปัญหาในเรื่องการพัฒนาเด็กและการศึกษา จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโนฒ ระบุอย่างชัดเจนว่า การแจกแท็บแล็ตแก่เด็กชั้นประถมที่สี่ มีความคุ้มค่ามากกว่าแจกแก่เด็กประถมปีที่หนึ่ง และพบอีกว่า แท็บแล็ตนั้นไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำแบบฝึกหัดและการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ด้านสุขภาพทำให้เด็กปวดตา เคืองตา และแท็บเล็ตไม่สามารถสอนเรื่องจริยธรรมเพิ่มได้
ส่วนนักวิชาการด้านการศึกษาอย่าง ดร. สมพงษ์ จิตระดับ เห็นว่าการแจกแท็บเล็ตแก่เด็ก ป. 1 เป็นอันตรายและเป็นการฆ่าเด็กทางอ้อมเพราะเด็กส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังทำให้ทักษะทางด้านสังคมของเด็กอ่อนแอลง ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันก็ลดลงด้วย และอาจนำไปสู่ความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น มีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดจะพัฒนาไปสู่การมีพฤติกรรมที่รุนแรง นโยบายนี้จึงเป็นการสร้างความหายนะแก่เด็กไทย และระบบการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในเรื่องการสร้างลัทธิความเชื่อที่งมงายและสร้างรัฐแห่งความหวาดกลัว รัฐบาลพรรคลัทธิแดงได้ใช้กลไกในการสร้างลัทธิความเชื่อที่งมงายอย่างกว้างขวางทั้งกลไกด้านสื่อสารมวลชน และกลไกการจัดตั้งมวลชน ด้านสื่อมวลชนนั้นรัฐบาลลัทธิแดงใช้ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ปลูกฝังความเชื่อให้สาวกบูชาตัวบุคคล บูชาผู้นำของลัทธิ บูชาตระกูลของผู้นำอย่างฝังหัว สร้างภาพให้บุคคลเหล่านั้นเป็นคนเก่ง คนฉลาด คนดี คนสวย แม้กระทั่งคนที่โง่ที่สุดซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญในการบริหารประเทศ เครือข่ายสื่อมวลชนของลัทธิแดงก็ทำให้สาวกของพวกเขาเชื่อว่าเป็นคนฉลาดที่สุดได้อย่างน่าอัศจรรย์ และในขณะเดียวกันก็สร้างเรื่องปั้นราวเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อผู้ที่มีความคิดต่างจากพวกเขา
นอกจากเครือข่ายสื่อมวลชนแล้ว พรรคการเมืองลัทธิแดงยังใช้การจัดตั้งมวลชนและปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง มีการแจกจ่ายเงินซึ่งได้มาจากการทุจริตไปให้แกนนำในระดับหมู่บ้านตำบลเพื่อจัดกิจกรรม จัดงานเลี้ยง จัดท่องเที่ยว และจัดการอบรมล้างสมองอย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการกระชับมวลชนเพื่อใช้คนเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการไปคุกคาม ข่มขู่ และทำร้าย ผู้คนในสังคม เช่น การคุกคามและทำร้ายผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายค้าน การคุกคามพันธมิตรประชาธิปไตย และล่าสุดคือการคุกคาม ข่มขู่ นักวิชาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล
นับว่ารัฐบาลลัทธิแดงได้สร้างความเสียหายแก่สังคมไทยอย่างรอบด้าน ในทุกมิติทุกระดับของวิถีชีวิต ยิ่งรัฐบาลลัทธิแดงอยู่ในอำนาจนานวันมากเท่าไร สังคมไทยก็จะอ่อนแอลงมากเท่านั้น ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจอดทนกับการทำลายล้างสังคมอย่างถึงรากถึงโคนของกลุ่มรัฐบาลลัทธิแดงอีกต่อไป พวกเขาจึงออกมาประกาศโค่นล้มรัฐบาลลัทธิแดง
อย่างไรก็ตาม การจะโค่นล้มรัฐบาลลัทธิแดงเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอเพราะขณะนี้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามลัทธิแดง ก็มีความพยายามเลียนแบบวิธีการของลัทธิแดงขึ้นมา หากประชาชนไม่ระวังเมื่อโค่นล้มพรรคลัทธิแดงลงไปได้ เราก็อาจถูกแทนที่โดยพรรคการเมืองลัทธิสีฟ้าขึ้นมาอีกก็ได้ และมวลชนของลัทธิสีฟ้านี้ก็กำลังก่อตัวและดูเหมือนว่ามีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยแตกต่างจากมวลชนลัทธิแดงมากนัก
ประชาชนจึงควรระมัดระวังให้มาก เมื่อจัดการกับปีศาจตัวหนึ่งได้แล้ว ก็ต้องป้องกันไม่ให้ปีศาจอีกตัวมาฉกฉวยประโยชน์ไปด้วย บทเรียนในอดีตก็มีให้ศึกษาอยู่ไม่น้อยในเรื่องเหล่านี้
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ถึงเวลานี้มีสัญญาณบ่งบอกว่า สถานการณ์การเมืองกำลังก้าวไปสู่วิกฤติการณ์อีกครั้งหนึ่ง สัญญาณเหล่านี้คือ ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารประเทศของรัฐบาลลัทธิแดง และการสิ้นสุดการอดทนของสังคม
นับตั้งแต่วันแรกที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองของลัทธิแดงเป็นรัฐบาล ความหวังที่จะเห็นแสงสว่างในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาประเทศอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนก็มลายหายไปในพริบตา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองลัทธิแดงละเลงประเทศไทยจนเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภัยพิบัติธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ทำลายหลักนิติรัฐอย่างยับเยิน แพร่กระจายส่งเสริมการทุจริตอย่างเป็นระบบ ทำลายความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ล้มล้างหลักจริยธรรมในการบริหารประเทศ สร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นแก่ชุมชนและประชาชน สร้างความหายนะแก่เด็กและระบบการศึกษา และปลูกฝังลัทธิความเชื่อที่งมงายและสร้างรัฐแห่งความหวาดกลัวขึ้นมา
รัฐบาลพรรคลัทธิแดงประสบความล้มเหลวในการจัดภัยพิบัติทุกเรื่อง โดยเฉพาะการจัดการน้ำ จน ทำให้เกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ความล้มเหลวนั้นเกิดจากภาวะ 5 ไร้ ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้นำหุ่นของพรรคลัทธิแดง เพราะ บุคคลผู้นี้ไร้ภาวะผู้นำ ไร้วิสัยทัศน์และปัญญา ไร้ทักษะความสามารถในการบริหารจัดการระบบราชการ ไร้วุฒิภาวะ และไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง
ในการทำลายนิติรัฐและสร้างความขัดแย้งทางการเมือง รัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคการเมืองลัทธิแดงได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยมีเจตนาล้างความผิดให้แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นการพยายามใช้อำนาจรัฐทำลายหลักนิติรัฐของบ้านเมือง ซึ่งเป็นการทำลายหลักการปกครองด้วยกฎหมายที่ชอบธรรม อย่างไรก็ตามเจตนาชั่วร้ายดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ออกมาชุมนุมคัดค้าน จนทำให้ต้องชะลอเรื่องดังกล่าวไป แต่หากพรรคการเมืองลัทธิแดงยังมีอำนาจอยู่ เจตนาชั่วร้ายดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่และรอจังหวะโอกาสแสดงออกมาได้ทุกขณะ
ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลของพรรคลัทธิแดงมีการทุจริตคอรัปชั่นมากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนทั้งในแง่ของปริมาณเงินงบประมาณ จำนวนหน่วยงาน และจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้อง การทุจริตเกิดขึ้นในทั่วทุกอาณาบริเวณที่มีเครือข่ายนักการเมืองและสาวกลัทธิแดงเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อไรก็ตามที่นักการเมืองของพรรคลัทธิแดงเข้าไปมีส่วนร่วมเกี่ยวกับกิจกรรมหรือโครงการของรัฐ เมื่อนั้นการทุจริตก็เกิดขึ้นทันที
โครงการที่อื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตมากที่สุดมีสองโครงการใหญ่ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทคือ โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และโครงการจำนำข้าว โครงการแก้ปัญหาอุทกภัยนั้นก่อให้เกิดการทุจริตในทุกระดับ ตั้งแต่การขุดลอกคูคลอง แม่น้ำ หนองบึง การทำพื้นที่แก้มลิง สร้างฝาย และอื่นๆ อัตราการทุจริตมีถึงร้อยละ 40 ของมูลค่าโครงการ ส่วนโครงการจำนำข้าวก็เช่นเดียวกัน มีการทุจริตกันตั้งแต่นักการเมืองผู้กำหนดนโยบาย ข้าราชการและกลุ่มโรงสีเอกชนผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ และกลุ่มเป้าหมายของนโยบายเอง เรียกได้ว่าเป็นการร่วมกันโกงประเทศอย่างบูรณาการของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้
ด้วยแบบแผนการประพฤติของรัฐบาลและนักการเมืองในเครือข่ายของลัทธิแดง จึงเป็นการตอกย้ำและผลิตซ้ำค่านิยมการทุจริตให้ฝังรากหยั่งลงลึกลงในสังคมไทยเพิ่มขึ้นจนยากที่จะแก้ไขได้ในอนาคต
รัฐบาลลัทธิแดงยังทำลายสมรรถภาพการแข่งขันของประเทศ เรื่องนี้เกิดจากความไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ดังเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญอันเป็นอาชีพหลักของคนไทย ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์ซึ่งแถลงโดยนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ระบุว่า สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมในช่วงแปดเดือนแรกของ ปี 2555 ลดลงถึงร้อยละ 22.8
การส่งออกสินค้าเกษตรทั้งข้าว ยางพารา และมันสำปะหลังลดลงเป็นจำนวนมาก เฉพาะการส่งออกข้าวลดลงถึงร้อยละ 40 ทำให้ไทยต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของการส่งออกข้าว กลายเป็นผู้ส่งออกเป็นลำดับสามรองจากเวียตนามและอินเดีย สมรรถภาพในการแข่งขันของข้าวไทยถูกทำลายลงอย่างยับเยินจากนโยบายจำนำข้าว อีกทั้งการขาดดุลการค้าในช่วง 8 เดือนแรกก็สูงถึง 13,107 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 15 ปี นับจากวิกฤติเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา
ยิ่งกว่านั้นการนโยบายเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวันทำให้อุตสาหกรรมไทยสูญเสียสมรรถภาพในการแข่งขันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางประมาณร้อยละ 10 ถึง 20 หรือคิดเป็นประมาณ 300,000 ราย ที่อาจต้องปิดกิจการ สำหรับในส่วนของบริษัทจดทะเบียน สถิติเกี่ยวกับการปิดบริษัทที่เปิดเผยโดยนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2555 ระบุว่า ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2555 บริษัทปิดการไปแล้วถึง 8,333 ราย
ในเรื่องการล้มล้างจริยธรรมการบริหารประเทศ รัฐบาลของพรรคลัทธิแดงได้สร้างบรรทัดฐานโดยใช้ “การโกหกเป็นหลักการสำคัญในการบริหารประเทศ” กรณีนี้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ออกมายอมรับสารภาพอย่างไร้ความละอายว่า ได้โกหกเกี่ยวกับการคาดการณ์การเติบโตของตัวเลขการส่งออก โดยระบุว่าจะมีการเติบโตถึงร้อยละ 15 ทั้งๆที่รัฐบาลมีข้อมูลอย่างชัดเจนที่ประเมินได้แล้วว่าการเติบโตของการส่งออกนั้นไม่มีทางถึงตัวเลขดังกล่าว แต่ก็ยังโกหกต่อสาธารณะซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลแก่ประเทศ นอกจากทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อถือจากประชาคมนานาชาติแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในการวางแผนประกอบธุรกิจอีกด้วย
รัฐบาลนี้จึงบ่อนทำลายจริยธรรมการบริหารประเทศ และสร้างแบบอย่างที่เลวร้ายแก่สังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงระดับรากฐานในวิถีแห่งการดำรงชีวิต
ด้านการสร้างความอ่อนแอและทำลายความเข้มแข็งของชุมชนและประชาชน นับตั้งแต่รัฐบาลพรรคลัทธิแดงขึ้นครองอำนาจ และดำเนินนโยบายประชานิยมอย่างบ้าคลั่งต่อทุกมิติของชีวิตและเกือบทุกกลุ่มในสังคมไทย ส่งผลให้จิตสำนึกของการพึ่งตนเองของคนไทยและชุมชนลดลงอย่างมหาศาล และก่อให้เกิดจิตสำนึกของการพึ่งพานักการเมืองและแกนนำลัทธิแดงอย่างโงหัวไม่ขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นอย่างชัดเจน คือนโยบายจำนำข้าว ได้ทำลายระบบเกษตรอินทรีย์ ทำลายสหกรณ์การเกษตรขนาดเล็ก และทำลายโรงสีชุมชน ขณะที่นโยบายรถคันแรก ได้ทำลายจิตสำนึกในการใช้ระบบการขนส่งสาธารณะ นโยบายเงินเดือนปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท ทำลายระบบเงินเดือนและความเป็นธรรมในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ที่ทำงานมานาน อีกทั้งยังสร้างวิกฤติการบริหารให้เกิดในหน่วยงานภาคบริการของรัฐหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาล ซึ่งรับเงินสนับสนุนรายหัวจากจำนวนผู้ป่วย จะต้องนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายเพิ่มขึ้นแก่บุคลากร ในทางกลับกันจึงทำให้เงินที่ใช้ในการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนลดลง ซึ่งทำให้ชีวิตของประชาชนที่ป่วยไข้ตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น
ในเรื่องการทำลายพัฒนาการของเด็กและการศึกษา เรื่องนี้เกิดจากนโยบายแจกแท็บเล็ตแก่นักเรียนชั้นประถมปีที่หนึ่ง ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีทั้งเรื่องการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ปัญหาในเรื่องคุณภาพของเครื่องมือชิ้นนี้ และปัญหาในเรื่องการพัฒนาเด็กและการศึกษา จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโนฒ ระบุอย่างชัดเจนว่า การแจกแท็บแล็ตแก่เด็กชั้นประถมที่สี่ มีความคุ้มค่ามากกว่าแจกแก่เด็กประถมปีที่หนึ่ง และพบอีกว่า แท็บแล็ตนั้นไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำแบบฝึกหัดและการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ด้านสุขภาพทำให้เด็กปวดตา เคืองตา และแท็บเล็ตไม่สามารถสอนเรื่องจริยธรรมเพิ่มได้
ส่วนนักวิชาการด้านการศึกษาอย่าง ดร. สมพงษ์ จิตระดับ เห็นว่าการแจกแท็บเล็ตแก่เด็ก ป. 1 เป็นอันตรายและเป็นการฆ่าเด็กทางอ้อมเพราะเด็กส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งยังทำให้ทักษะทางด้านสังคมของเด็กอ่อนแอลง ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันก็ลดลงด้วย และอาจนำไปสู่ความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น มีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดจะพัฒนาไปสู่การมีพฤติกรรมที่รุนแรง นโยบายนี้จึงเป็นการสร้างความหายนะแก่เด็กไทย และระบบการศึกษาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในเรื่องการสร้างลัทธิความเชื่อที่งมงายและสร้างรัฐแห่งความหวาดกลัว รัฐบาลพรรคลัทธิแดงได้ใช้กลไกในการสร้างลัทธิความเชื่อที่งมงายอย่างกว้างขวางทั้งกลไกด้านสื่อสารมวลชน และกลไกการจัดตั้งมวลชน ด้านสื่อมวลชนนั้นรัฐบาลลัทธิแดงใช้ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ปลูกฝังความเชื่อให้สาวกบูชาตัวบุคคล บูชาผู้นำของลัทธิ บูชาตระกูลของผู้นำอย่างฝังหัว สร้างภาพให้บุคคลเหล่านั้นเป็นคนเก่ง คนฉลาด คนดี คนสวย แม้กระทั่งคนที่โง่ที่สุดซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญในการบริหารประเทศ เครือข่ายสื่อมวลชนของลัทธิแดงก็ทำให้สาวกของพวกเขาเชื่อว่าเป็นคนฉลาดที่สุดได้อย่างน่าอัศจรรย์ และในขณะเดียวกันก็สร้างเรื่องปั้นราวเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อผู้ที่มีความคิดต่างจากพวกเขา
นอกจากเครือข่ายสื่อมวลชนแล้ว พรรคการเมืองลัทธิแดงยังใช้การจัดตั้งมวลชนและปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง มีการแจกจ่ายเงินซึ่งได้มาจากการทุจริตไปให้แกนนำในระดับหมู่บ้านตำบลเพื่อจัดกิจกรรม จัดงานเลี้ยง จัดท่องเที่ยว และจัดการอบรมล้างสมองอย่างสม่ำเสมอ อันเป็นการกระชับมวลชนเพื่อใช้คนเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการไปคุกคาม ข่มขู่ และทำร้าย ผู้คนในสังคม เช่น การคุกคามและทำร้ายผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายค้าน การคุกคามพันธมิตรประชาธิปไตย และล่าสุดคือการคุกคาม ข่มขู่ นักวิชาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล
นับว่ารัฐบาลลัทธิแดงได้สร้างความเสียหายแก่สังคมไทยอย่างรอบด้าน ในทุกมิติทุกระดับของวิถีชีวิต ยิ่งรัฐบาลลัทธิแดงอยู่ในอำนาจนานวันมากเท่าไร สังคมไทยก็จะอ่อนแอลงมากเท่านั้น ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจอดทนกับการทำลายล้างสังคมอย่างถึงรากถึงโคนของกลุ่มรัฐบาลลัทธิแดงอีกต่อไป พวกเขาจึงออกมาประกาศโค่นล้มรัฐบาลลัทธิแดง
อย่างไรก็ตาม การจะโค่นล้มรัฐบาลลัทธิแดงเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอเพราะขณะนี้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามลัทธิแดง ก็มีความพยายามเลียนแบบวิธีการของลัทธิแดงขึ้นมา หากประชาชนไม่ระวังเมื่อโค่นล้มพรรคลัทธิแดงลงไปได้ เราก็อาจถูกแทนที่โดยพรรคการเมืองลัทธิสีฟ้าขึ้นมาอีกก็ได้ และมวลชนของลัทธิสีฟ้านี้ก็กำลังก่อตัวและดูเหมือนว่ามีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยแตกต่างจากมวลชนลัทธิแดงมากนัก
ประชาชนจึงควรระมัดระวังให้มาก เมื่อจัดการกับปีศาจตัวหนึ่งได้แล้ว ก็ต้องป้องกันไม่ให้ปีศาจอีกตัวมาฉกฉวยประโยชน์ไปด้วย บทเรียนในอดีตก็มีให้ศึกษาอยู่ไม่น้อยในเรื่องเหล่านี้