“ชวนนท์” อัดรัฐบาลยับ ไทยใกล้ประสบปัญหาเศรษฐกิจเหมือนยุโรป เหตุประชานิยมเหลวไม่เป็นท่า ชี้ขาดดุลการค้าเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนี้สาธารณะอาจสูงถึง 60% ปลุก ปชช.สะกิดรัฐฯ หลังไม่รู้ร้อนรู้หนาว จะลุยโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ด้วยเงิน 6.9 หมื่นล้านบาท พร้อมพบการคอร์รัปชันหลายโครงการ ทั้งจำนำข้าวส่งผลให้เสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าว เงินกู้ 3 แสนล้านบริหารจัดการน้ำ ที่มีการล็อกสเปกเอื้อนายทุน ชี้ “ปู” ปล่อยสังคมไม่มีขื่อมีแป บูชาคนโกง ซัดเด็กคิดอย่างไรเห็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบินไปอวยพรวันเกิดนักโทษหนีคดี-จี้รัฐฯ ไม่ถอนการเป็นสมาชิกมรดกโลก เท่ากับขายชาติ
วันนี้ (26 ก.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำพาประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงต่อการล่มสลาย 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยในทางเศรษฐกิจมีการใช้นโยบายประชานิยมอย่างขาดระเบียบวินัยการเงินการคลังที่ถูกต้อง มีการทุจริตคอร์รัปชันเกือบทุกโครงการ เริ่มที่โครงการจำนำข้าว ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศจนเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนของปีนี้ โดยไทยตกอยู่ในอันดับ 3 ตามหลังอินเดีย และเวียดนาม นอกจากนั้นยอดการส่งออกยังลดลงถึง 46% มูลค่าความเสียหายหลายแสนล้าน ขณะที่เกษตรกรไม่ได้รับประโยชน์จาเกโครงการนี้อย่างทั่วถึง มีเกษตรกร 4 ใน 5 ล้านครัวเรือนที่ผลิตเพื่อบริโภค ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการจำนำ ส่วนอีก 1 ล้านครัวเรือนที่มีข้าวเหลือพอจะนำเข้าโครงการก็ไม่ได้รับประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากถูกโกงสารพัดรูปแบบ สิ่งเหล่านี้กำลังทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะล่มสลาย โดย ธ.ก.ส.กำลังอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องมีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึง 1.7 แสนล้าน และขณะนี้ต้องใช้เงินเพิ่มอีก 3 แสนล้านในการทำโครงการจำนำรอบใหม่ ถือเป็นการทำลายระบบการเงินการคลังของประเทศ ทำร้ายเกษตรกร ผู้คุมนโยบายได้ประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชัน
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า สัญญาณร้ายในเรื่องเศรษฐกิจ คือ การส่งออก ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งมีผลมาจากกรณีการส่งออกข้าว ยางพารา มันสำปะหลังลดลงด้วย และยังพบว่าไทยขาดดุลการค้ามากที่เป็นประวัติการณ์ 362,602.2 ล้านบาท และจะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่หนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มมากขึ้นจากการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน และโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีก 2 ล้านล้าน รวมแล้วจะเกินระดับหนี้สาธารณะที่ 60% เท่ากับว่าประเทศไทยเดินอยู่บนเส้นทางหายนะที่ประเทศในยุโรปกำลังประสบในขณะนี้ คือ เริ่มจากประชานิยม และกู้เงินมากเกินกว่าขีดความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องฉุกคิดและรีบเตือนไปยังรัฐบาล เพราะแนวโน้มรัฐบาลนี้ยังไม่มีความคิดที่จะหยุดใช้เงินแต่พยายามหาช่องทางที่จะหาเงินมาใช้เพิ่ม โดยเตรียมจะตั้งกองทุนสร้างมอเตอร์เวย์จากบางปะอิน สระบุรี ไปนครราชสีมา วงเงิน 6.9 หมื่นล้านบาท ระยะทาง 196 กิโลเมตร มีการแก้ระเบียบธนาคารออมสินให้อำนาจผู้บริหารปล่อยกู้เป็นจำนวนมากให้กับกระทรวงการคลัง และรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน
โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า อยากให้ช่วยกันทวงถามรัฐบาลว่า ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จะนำประเทศไปสู่ความล่มจมทางเศรษฐกิจหรือ และโครงการเงินกู้ 3 แสนล้านในเรื่องบริหารจัดการน้ำ ซึ่งนายปลอดประสพจะเป็นคนคุมการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งชัดเจนว่ารัฐบาลมีเจตนาเอื้อให้บางบริษัทหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบ โดยยกเว้นระเบียบวิธีการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักนายกฯ เปิดโอกาสจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ล็อกสเปก ฮั้วกันอย่างง่ายดายเพราะผู้คัดเลือกและกลุ่มที่ได้งานจะเป็นกลุ่มเดียวกัน คือ อ้างว่าจะมีการตั้งที่ปรึกษา 2 กลุ่ม เพื่อเป็นกรรมการในการกลั่นกรองผู้ที่จะได้รับงาน ถือเป็นการตัดขั้นตอนการตรวจสอบของกฎหมายด้วยการสร้างกลไกการตรวจสอบเอง เท่ากับรัฐจะเป็นคนควบคุมระบบการตรวจสอบทั้งหมด เป็นสิ่งที่สร้่างสภาวะล่มสลายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
“นอกจากนี้ยังมีนโยบายประชานิยมอื่นๆ ของรัฐบาลที่จะทำร้ายและทำลายประชาชน เช่น การพักหนี้ดีของลูกค้าธนาคาร 3 ปี จะทำให้ระเบียบวินัยการเงินของประชาชนหมดไป ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ตกเป็นทาสเงินตรา เท่ากับว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ วางกับดักกับประเทศไทย หวังแต่คะแนนเสียงมอมเมาประชาชนด้วยเงินภาษีของประชาชนไม่คำนึงถึงผลกระทบประเทศ เป็นความโหดเหี้ยมอย่างมากของรัฐบาลชุดนี้” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า ประเทศยังเผชิญกับความล้มเหลวด้านสังคมและจริยธรรม คือ รัฐบาลเป็นตัวอย่างบูชาคนโกง คนหนีคดี ทำให้ตนไม่ทราบจะสอนลูกหลานอย่างไร หากมีคนถามว่าทำไม ผบ.ตร.ต้องบินไปอวยพรวันเกิดนักโทษหนีคดี รวมถึง ครม.เกือบทั้งคณะยกขโยงไปฮ่องกง สิ่งที่แสดงออกตอนนี้จะสอนเด็กอย่างไร เพราะคนหนีคดี ทุจริต ติดคดีก่อการร้ายเผาบ้านเมืองได้รับการยกย่องจากคนมีอำนาจ เป็นความล้มเหลวด้านจริยธรรมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย เจ้าหน้าที่รัฐทำงานรับใช้นักการเมือง กฎหมายไม่มีความสำคัญ เคารพนักโทษหนีคดี ปล่อยให้คนเสื้อแดงลุแก่อำนาจคุกคามคนเห็นต่าง โดยไม่เคยถูกดำเนินคดีหรือตักเตือน จึงฝากถามไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะสอนลูกหลานแบบนี้ให้ลูกโตในสภาวะที่ประเทศไม่มีขื่อมีแปทำเลวได้ดี คนทำดีได้รับผลกระทบใช่หรือไม่ นอกจากนี้ สังคมไทยยังเข้าสู้ยุคเสื่อมด้านจริยธรรมทั้งการทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม ออกกฎหมายล้างผิด เร่งออก พ.ร.บ.ปรองดอง แก้รัฐธรรมนูญล้มล้างความผิดทางอาญาให้กับนักโทษ เป็นตัวอย่างความล่มสลายของรัฐไทย
โฆษกพรรค ปชป.กล่าวต่อว่า อีกทั้งประเทศไทยยังเผชิญกับความล่มสลายทางการเมือง นักการเมืองเพื่อไทยละทิ้งปัญหาประชาชน เมื่อวานมีม็อบลำไยที่เชียงราย จับทุจริตหอมแดงที่ลำพูน และความเดือดร้อนของเกษตรกรในโครงการจำนำข้าว แต่รัฐบาลไม่เคยคิดแก้ไข มุ่งแต่ประเด็นทางการเมือง มีนักการเมืองเอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองนำหน้าประโยชน์ประชาชน เป็นวิกฤตการเมืองของประเทศไทย และในปัจจุบันประเทศชาติกำลังขาดผู้นำที่มีจริยธรรมทำเพื่อบ้านเมือง มีแต่เดินหน้าทำเพื่อผลประโยชน์ โดยเห็นได้จากการยกให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมกรรมการมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งหากรัฐบาลชุดนี้ยังมีอำนาจถึงปีหน้า ก็เชื่อว่าแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของกัมพูชาจะสำเร็จแน่นอน และเมื่อถึงวันนั้นจะไม่มีทางทำให้แผ่นดินรอบปราสาทพระวิหารกลับมาเป็นของไทยได้อีก
“หากรัฐบาลรักชาติผมเรียกร้องให้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกมรดกโลก ต่อเนื่องจากที่นายสุวิทย คุณกิตติ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เคยแสดงเจตนารมณ์ไว้ แต่ในขณะนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ ส่งจดหมายไปไม่ได้เพราะเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ ขณะนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีอำนาจเมื่อพลาดท่าให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพประชุมกรรมการมรดกโลกแล้ว ต้องถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกมรดกโลกทันที ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นรัฐบาลขายชาติ ขายแผ่นดินในช่วงกลางปีหน้าอย่างแน่นอน ผมเรียกร้องถึงรัฐบาลว่า ประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยงทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมุ่งแก้ปัญหาให้พี่ชายก็ไม่เชื่อว่าปัญหาของประชาชนจะได้รับการแก้ไข เพราะเพียงแค่คนในรัฐบาลทุ่มเทในการแก้ปัญหาเกษตรกรเพียงครึ่งหนึ่งของการตามล้างตามเช็ดนายอภิสิทธิ์ ปัญหาราคาพืชผลคงจะได้รับการแก้ไขมากกว่านี้” นายชวนนท์กล่าว