โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนและอิตาลีปรับตัวลดลง เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะเพิ่มสิทธิอำนาจให้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตหนี้ลุกลาม โดยหลังจากที่นายเอวัลด์ โนวอตนี สมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังมีการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการให้ใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคารแก่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป ซึ่งการอนุมัติใบอนุญาตนี้จะทำให้ ESM สามารถเข้าถึงเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรปได้
• สถาบัน Ifo เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 103.3 จุดในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ลดลงจากระดับ 105.3 จุดในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นได้ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
• อังกฤษเปิดเผยตัวเลขจีดีพีคาดการณ์ในเบื้องต้นของไตรมาส 2/55 หดตัวลง 0.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับแต่ต้นปี 52 และเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/54 จีดีพีปรับตัวลดลง 0.8% ทั้งนี้ จีดีพีของอังกฤษได้หดตัวลงต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อความพยายามผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอิตาลีเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาด อยู่ที่ 86.5 จุด เทียบกับระดับ 85.4 จุดในเดือน มิ.ย. ที่เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ในขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 85.0 จุด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจของอิตาลีอาจจะไม่ได้ย่ำแย่มากอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน
• ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย.ปรับตัวลดลง 8.4% จากเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีสู่ระดับ 350,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะเดียวกัน ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เดือน มิ.ย.ได้ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนสู่ระดับ 232,600 ดอลลาร์ แนวโน้มตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ออกมาย่ำแย่ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเริ่มทำลายความหวังของหลายฝ่ายที่คิดว่าตลาดอสังหาฯ สหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวแล้ว
• ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจจีนอาจมีการชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าเผชิญกับภาวะปัญหาเศรษฐกิจโลกซบเซา และจีนมีความสามารถที่ดีในการรับมือกับภาวะถดถอยจากต่างประเทศ ซึ่งทางไอเอ็มเอฟได้ประเมินว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 55 จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ราว 8% และจะขยายตัวดีขึ้นเป็น 8.5% ในปี 56 และได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของจีนจะอยู่ในช่วง 3.0-3.5% ในปีนี้ และจะปรับลดลงสู่ 2.5-3.0% ในปีหน้า
• กระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่า รายได้จากการจัดเก็บภาษีของจีนมีการเติบโตด้วยอัตราที่ชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก เนื่องจากรายได้ภาษีในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลท้องถิ่นได้ปรับตัวลดลง โดยเป็นผลของนโยบายคุมเข้มตลาดที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลาง ตัวเลขรายได้ภาษีที่ลดลงอาจส่งผลต่อความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวในขณะนี้
• ที่ประชุม กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% ตามที่ตลาดคาด แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาดได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย จึงคาดว่าการส่งออกในปี 55 จะเติบโต 7% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 8% และได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือขยายตัว 5.7% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 6% ส่วนปัจจัยด้านเงินเฟ้อในประเทศได้อ่อนตัวลง คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 55 จะปรับลดลงเหลือ 2.9% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.3% นอกจากนี้ กนง.มีโอกาสจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นได้อีก ถ้าหากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
• มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน มิ.ย. หดตัวลง 2.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่ส่งผลต่อการผลิตและจำหน่ายสินค้าในหลายประเทศ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของไทย ทำให้ภาวะส่งออกโดยรวมในช่วงครึ่งแรกปี 55 นี้ติดลบ 1.66% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี 54 ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าใน 6 เดือนแรกของปีขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ไทยขาดดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 10.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์
• สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปี 55 ไทยส่งออกข้าวได้ทั้งหมด 3.45 ล้านตัน ลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่งขัน และแนวโน้มตลอดทั้งปี 55 คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้รวม 6.5 ล้านตัน ลดลง 39% จากปี 54 ที่ส่งออกข้าวรวม 10.65 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 3 รองจากอินเดีย และเวียดนามที่คาดว่าจะส่งออกข้าวในปีนี้ได้ 8 และ 7 ล้านตัน ตามลำดับ
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,188.62 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด หรือ 0.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37,150 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,795 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยช่วงท้ายของเวลาการซื้อขาย และผลประกอบการของบริษัทบางแห่งที่ออกมาดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ หุ้นที่มีผลบวกต่อดัชนียังคงเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารและธนาคารเป็นหลัก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานมีแรงขายก่อนผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดจะประกาศออกมาไม่ดีนัก
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง +0.01% ในวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารอาคารสงเคราะห์ รุ่นอายุ 7 ปี และรุ่นอายุ 9 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท