ซีอีโอ “บลจ.บัวหลวง” ชี้ตลาดทุนยังผันผวน แนะนักลงทุนอย่าตระหนก “บล.บัวหลวง” ประเมินศุกร์ 13 รัฐบาลมีโอกาสรอดสูง ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีลุ้นเข้าไปใกล้ระดับ 1,250 จุด
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) กล่าวว่า การลงทุนในขณะนี้ถือว่า ตลาดทุนยังมีความผันผวน และไม่แน่นอนอยู่ รวมทั้งปัจจุบัน วิกฤตจากผลกระทบต่างๆ ก็มีความรวดเร็วมากกว่าเมื่อก่อนที่ผ่านมา
ดังนั้น นักลงทุนในขณะนี้จะต้องมีความพร้อมในการวางแผนการลงทุนให้เหมาะสม และไม่ตื่นตระหนกมากจนเกินไปต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อรับมือปัญหาต่างๆ ขณะที่ด้านการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ก็จะทำให้ตลาดทุนขยายการลงทุนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี และเหมาะสมในการลงทุน เพราะจะมีการขยายตัว และเติบโตการขยายของธุรกิจที่ไปลงทุนยังต่างประเทศ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ประเมินว่า ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับเรื่องพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีแผนของรัฐบาลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
โดยมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญระบุว่า รัฐธรรมนูญสามารถถูกแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยรัฐสภา การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอจะต้องมีจำนวนเสียงอย่างน้อย 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด หรือประชาชนทั่วไปอย่างน้อย 50,000 คนได้ผ่านยื่นคำร้อง (ซึ่งประชาชนทั้งหมดนี้ต้องมีสิทธิเลือกตั้งได้) มาตรา 68 ระบุว่า การเสนอข้อแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ศาลรัฐธรรมนูญสามารถระงับได้ หากศาลฯพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย ภายใต้การปกครองอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
เอกสารที่ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นอ้างว่า การเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ดำเนินอยู่นั้น จะทำให้รัฐธรรมนูญถูกแก้ไขเพื่อประโยชน์ให้แก่คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาประเทศไทยได้
จากการฟังการไต่สวนพิจารณาศาลฯ ในสัปดาห์ที่แล้ว ศาลได้ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังสามารถส่งมอบหลักฐาน และเอกสารเพิ่มเติมได้จนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 และผู้พิพากษาศาลกำหนดวันพิจารณาคดีในวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 นี้ ซึ่งเราประเมินได้ 3 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
สถานกาณ์แรก คือ ศาลฯ ประกาศว่า รัฐบาลได้ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ข้อเสนอแก้ไขไม่ได้มีการละเมิดทั้งระบอบประชาธิปไตย และราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ กระบวนการแก้ไขปรับปรุงต้องยุติลง
สถานการณ์ที่สอง คือ ศาลฯ ประกาศว่า รัฐบาลได้ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และข้อเสนอแก้ไขมีการละเมิดระบอบประชาธิปไตย และ/หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ กระบวนการแก้ไขปรับปรุงต้องยุติลง นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลต้องถูกยุบพรรค สมาชิกในคณะกรรมการพรรคต้องถูกระงับสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
สถานการณ์ที่สาม คือ ศาลฯ ประกาศว่า ข้อเสนอแก้ไขไม่มีการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งนายพนัส ทัศนียานนท์ (อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) และเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเชื่อว่า ข้อเสนอแก้ไขมีความสอดคล้องไปในทางเดียวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้น สถานการณ์ 3 น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด
คาดตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบ จนกว่าจะมีผลการพิจารณาตัดสินจากศาลฯ ออกมาในวันที่ 13 ก.ค. เราไม่ได้คาดว่า จะมีเหตุความรุนแรงจากการเผชิญหน้าทางการเมืองระหว่างสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยอาจมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้เกี่ยวกับกลุ่มเสื้อแดงประทัวง หากผลการพิจารณาของศาลฯ เป็นไปตามสถานการณ์ที่สอง ในกรณีนี้ ตลาดหุ้นจะปรับตัวลง แต่ดูเหมือนว่า สถานการณ์ที่สอง อาจจะไม่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นของผู้เชียวชาญทางกฎหมายส่วนใหญ่เราเชื่อว่า สุดท้ายแล้ว สถานการณ์ที่สาม น่าจะเป็นผลสรุปที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด ซึ่งจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปใกล้เคียงระดับ 1,240 จุดได้