ASTVผู้จัดการรายวัน-“ปู”ยืนกราน "ขายข้าวจีทูจี" ทำตามขั้นตอนก.ม. อ้างถาม "กฤษฎีกา" แล้ว วอนฝ่ายตรงข้ามหยุดนำ "จำนำข้าว" มาเป็นประเด็นการเมืองมาเล่น ย้ำรัฐบาลมีเจตนาดี ทำเพื่อผลประโยชน์ชาวนา ขอเดินหน้ารับจำนำ 1.5 หมื่นต่อตัน เพราะเป็นราคาที่เป็นธรรมแล้ว “นิคม” ค้าน 40 ส.ว.ยื่นศาลรธน.ตีความ “พาณิชย์”ฟันนายหน้าพัทลุงสวมสิทธิจำนำข้าว
วานนี้ (18 ต.ค.2555) เวลา 10.00 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนรัฐคูเวตอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD)ถึงกรณีที่ส.ว.เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความการซื้อข้าวแบบ "จีทูจี" เข้าข่ายผิดมาตรา 190 (2) ว่า รัฐบาลทำตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งได้ผ่านการหารือและความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อย่างไรก็ตามเราก็ยินดีชี้แจงและให้ข้อมูล
กรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันว่าการขายข้าวแบบจีทูจีเข้าข่ายมาตรา 190 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สัมภาษณ์แล้ว เรายืนยันว่าได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอน
"ต้องขอฝ่ายตรงข้ามที่หยิบเรื่องนี้เล่นงานรัฐบาล อยากให้มองไปที่ประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับ ว่ามีมากเพียงใด อาจจะมีข้อกังวลบ้าง แต่อยากให้มองภาพรวมมากกว่า ไม่เช่นนั้นการเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในส่วนอื่นก็คงทำได้ยาก ทั้งนี้เองได้รัฐบาลพยายามรับข้อห่วงใยต่างๆไปทำงานให้รัดกุมขึ้น แต่ถ้ารัดกุมมากก็จะทำให้เกิดขั้นตอนที่ยุ่งยากตามมา ดังนั้นคงต้องขอความเห็นใจ ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นการเมืองมากไป"นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่ทีดีอาร์ไอเสนอให้ลดราคารับจำนำลงมาเหลือ 1.3 หมื่นบาทต่อตัน เพื่อให้ใกล้เคียงกับราคาตลาดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ต้องมาคุยกันว่าตัวเลข 1.3 หมื่นบาทมาอย่างไร หากบอกว่ามาจากฐานราคาเก่าก็ต้องเรียนว่าเป็นราคาที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับราคาสินค้าหรือราคาข้าวให้กับเกษตรกรจริงๆ สิ่งที่เราทำคือพยายามให้กลับไปสู่กลไกราคาที่เหมาะสม
ส่วนยังยืนยันที่จะเดินหน้ารับจำนำในราคา 1.5 หมื่นบาทต่อตันต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ยังดำเนินการตามราคานี้ไปก่อน ซึ่งต้องดูตามกลไก ยืนยันว่าเป็นราคาที่ต่ำจริง ๆ แต่ขณะเดียวกันในอนาคตก็ต้องสำรวจดูเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ส่วนวันนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่กลับมาเป็นดาบทิ่มรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราทำด้วยเจตนาที่ต้องการสร้างรายได้ให้เกษตรกร จึงต้องดูที่วัตถุประสงค์ก่อน อย่ามองวัตถุประสงค์ไปที่เรื่องอื่น และต้องช่วยแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อทำให้ประเทศเราก้าวไปข้างหน้าได้
**โว ACD ไทยแหล่งอาหารของโลก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุม ACDว่า การประชุมตอบรับค่อนข้างดีมาก การที่ไทยจะได้เป็นแหล่งอาหารของโลก ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไทยและประเทศในอาเซียนจึงได้ช่วยกันผลักดัน เพราะขณะนี้หลายประเทศต้องนำเข้าอาหาร เช่น คูเวต นำเข้าอาหารถึงร้อยละ 90 การเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้จึงถือว่าได้นำผู้ซื้อและผู้ขายไปพูดคุยได้อย่างสอดคล้องต้องกัน"น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนการเจรจาเรื่องข้าวนั้น ก็ได้พูดคุยกัน แต่เป็นการพูดคุยในภาพรวมที่อยากเห็นประเทศไทยเป็นแหล่งส่งออกอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่ข้าว และอาจมีพืชอื่น ๆ ด้วย ส่วนการหารือกับผู้นำคูเวตนั้น ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับรัฐมนตรี จากเดิมที่เป็นแค่ระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะนำสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ไปหารือในการประชุม ACD ระดับรัฐมนตรีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพเป็นครั้งแรก
**นิคมค้าน 40 ส.ว.ยื่นศาลรธน.ตีความ
ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว. จำนวน 67 คนเข้าชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ประกอบมาตรา 154 (1) เพื่อร้องให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าสัญญาการขายข้าวของรัฐบาล แบบรัฐต่อรัฐนั้น เป็นสัญญาตามมาตรา 190 หรือไม่ และมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินหรือไม่ว่า ส่วนตัวมองว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้นถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลทำได้ เพราะได้มีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้แล้ว และสัญญาการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น เชื่อว่าไม่เข้าข่ายเป็นสัญญาตาม มาตรา 190 อย่างแน่นอน แต่เมื่อมีผู้ยื่นเรื่องให้ตนแล้ว ตามกระบวนการต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นคาดว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันที่ 19 ต.ค.นี้
“ประเด็นที่ส.ว. ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปต่อรัฐบาล โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ได้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตอบเรื่องกลับมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการตอบรับญัตติที่ส.ว.ได้มีการยื่นเสนอ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเวทีชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบผลงาน รวมถึงโครงการรับจำนำข้าว และจะเป็นการสร้างน้ำหนักของความน่าเชื่อถือต่อประเด็นที่ชี้แจง หากรัฐบาลใช้เวทีของวุฒิสภาชี้แจง”
**ฟันนายหน้าพัทลุงสวมสิทธิจำนำข้าว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สามารถดำเนินคดีเอาผิดขบวนการนายหน้าสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่จังหวัดพัทลุงได้แล้ว หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ว่า มีบุคคลมีพฤติกรรมเป็นนายหน้า เข้าไปเชิญชวนและชี้นำให้เกษตรกรนำสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำ และใบรับรองจากเกษตรกรมาขาย โดยจะรับซื้อในราคาตันละ 1,000 บาท
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจเข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ตามที่ได้รับการร้องเรียน และพบว่ามีการสวมสิทธิใบประทวนของเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 จริง โดยนายหน้าในพื้นที่ร่วมกับโรงสีสวมสิทธิเกษตรกรเพื่อรับเงินส่วนต่าง ทั้งที่เกษตรกรเหล่านั้นนำผลผลิตไปจำหน่ายที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุงหมดแล้ว แต่กลับมีข้าวเข้ามาใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 ได้อีก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เพราะถือเป็นการทุจริตและสร้างความเสียหายแก่รัฐ
**ร้อง1569บ่นเรื่องจำนำแซงของแพง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้มียอดร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายในเฉลี่ยวันละ 100 สาย โดยยอดรวมการร้องเรียนในช่วง 9 เดือน มี 2,939 ราย เทียบกับปีก่อนลดลง 22.58% โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาจำนำข้าวของเกษตรกร รองลงมาเป็นเรื่องการไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า การจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินจริง ซึ่งแตกต่างจากปีก่อน
ที่ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนเรื่องราคาสินค้า หลังจากที่เกิดปัญหาน้ำท่วม และมีปัญหาเรื่องอาหารปรุงสำเร็จมีราคาแพง
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่15 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เซ็นหนังสือแต่งตั้งให้นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์(โฆษกข้าว)เพื่อชี้แจงเรื่องข้าวโดยตรง
วานนี้ (18 ต.ค.2555) เวลา 10.00 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเยือนรัฐคูเวตอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD)ถึงกรณีที่ส.ว.เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความการซื้อข้าวแบบ "จีทูจี" เข้าข่ายผิดมาตรา 190 (2) ว่า รัฐบาลทำตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งได้ผ่านการหารือและความเห็นชอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อย่างไรก็ตามเราก็ยินดีชี้แจงและให้ข้อมูล
กรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันว่าการขายข้าวแบบจีทูจีเข้าข่ายมาตรา 190 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สัมภาษณ์แล้ว เรายืนยันว่าได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอน
"ต้องขอฝ่ายตรงข้ามที่หยิบเรื่องนี้เล่นงานรัฐบาล อยากให้มองไปที่ประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับ ว่ามีมากเพียงใด อาจจะมีข้อกังวลบ้าง แต่อยากให้มองภาพรวมมากกว่า ไม่เช่นนั้นการเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในส่วนอื่นก็คงทำได้ยาก ทั้งนี้เองได้รัฐบาลพยายามรับข้อห่วงใยต่างๆไปทำงานให้รัดกุมขึ้น แต่ถ้ารัดกุมมากก็จะทำให้เกิดขั้นตอนที่ยุ่งยากตามมา ดังนั้นคงต้องขอความเห็นใจ ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นการเมืองมากไป"นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่ทีดีอาร์ไอเสนอให้ลดราคารับจำนำลงมาเหลือ 1.3 หมื่นบาทต่อตัน เพื่อให้ใกล้เคียงกับราคาตลาดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ต้องมาคุยกันว่าตัวเลข 1.3 หมื่นบาทมาอย่างไร หากบอกว่ามาจากฐานราคาเก่าก็ต้องเรียนว่าเป็นราคาที่ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับราคาสินค้าหรือราคาข้าวให้กับเกษตรกรจริงๆ สิ่งที่เราทำคือพยายามให้กลับไปสู่กลไกราคาที่เหมาะสม
ส่วนยังยืนยันที่จะเดินหน้ารับจำนำในราคา 1.5 หมื่นบาทต่อตันต่อไปใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ยังดำเนินการตามราคานี้ไปก่อน ซึ่งต้องดูตามกลไก ยืนยันว่าเป็นราคาที่ต่ำจริง ๆ แต่ขณะเดียวกันในอนาคตก็ต้องสำรวจดูเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
ส่วนวันนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่กลับมาเป็นดาบทิ่มรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราทำด้วยเจตนาที่ต้องการสร้างรายได้ให้เกษตรกร จึงต้องดูที่วัตถุประสงค์ก่อน อย่ามองวัตถุประสงค์ไปที่เรื่องอื่น และต้องช่วยแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อทำให้ประเทศเราก้าวไปข้างหน้าได้
**โว ACD ไทยแหล่งอาหารของโลก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุม ACDว่า การประชุมตอบรับค่อนข้างดีมาก การที่ไทยจะได้เป็นแหล่งอาหารของโลก ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไทยและประเทศในอาเซียนจึงได้ช่วยกันผลักดัน เพราะขณะนี้หลายประเทศต้องนำเข้าอาหาร เช่น คูเวต นำเข้าอาหารถึงร้อยละ 90 การเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้จึงถือว่าได้นำผู้ซื้อและผู้ขายไปพูดคุยได้อย่างสอดคล้องต้องกัน"น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนการเจรจาเรื่องข้าวนั้น ก็ได้พูดคุยกัน แต่เป็นการพูดคุยในภาพรวมที่อยากเห็นประเทศไทยเป็นแหล่งส่งออกอาหาร โดยเริ่มตั้งแต่ข้าว และอาจมีพืชอื่น ๆ ด้วย ส่วนการหารือกับผู้นำคูเวตนั้น ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับรัฐมนตรี จากเดิมที่เป็นแค่ระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะนำสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ไปหารือในการประชุม ACD ระดับรัฐมนตรีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพเป็นครั้งแรก
**นิคมค้าน 40 ส.ว.ยื่นศาลรธน.ตีความ
ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว. จำนวน 67 คนเข้าชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ประกอบมาตรา 154 (1) เพื่อร้องให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าสัญญาการขายข้าวของรัฐบาล แบบรัฐต่อรัฐนั้น เป็นสัญญาตามมาตรา 190 หรือไม่ และมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินหรือไม่ว่า ส่วนตัวมองว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้นถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลทำได้ เพราะได้มีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้แล้ว และสัญญาการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น เชื่อว่าไม่เข้าข่ายเป็นสัญญาตาม มาตรา 190 อย่างแน่นอน แต่เมื่อมีผู้ยื่นเรื่องให้ตนแล้ว ตามกระบวนการต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นคาดว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันที่ 19 ต.ค.นี้
“ประเด็นที่ส.ว. ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปต่อรัฐบาล โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ได้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตอบเรื่องกลับมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนเชื่อว่ารัฐบาลจะมีการตอบรับญัตติที่ส.ว.ได้มีการยื่นเสนอ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเวทีชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบผลงาน รวมถึงโครงการรับจำนำข้าว และจะเป็นการสร้างน้ำหนักของความน่าเชื่อถือต่อประเด็นที่ชี้แจง หากรัฐบาลใช้เวทีของวุฒิสภาชี้แจง”
**ฟันนายหน้าพัทลุงสวมสิทธิจำนำข้าว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สามารถดำเนินคดีเอาผิดขบวนการนายหน้าสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่จังหวัดพัทลุงได้แล้ว หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากเกษตรกรผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ว่า มีบุคคลมีพฤติกรรมเป็นนายหน้า เข้าไปเชิญชวนและชี้นำให้เกษตรกรนำสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำ และใบรับรองจากเกษตรกรมาขาย โดยจะรับซื้อในราคาตันละ 1,000 บาท
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจเข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ตามที่ได้รับการร้องเรียน และพบว่ามีการสวมสิทธิใบประทวนของเกษตรกรตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 จริง โดยนายหน้าในพื้นที่ร่วมกับโรงสีสวมสิทธิเกษตรกรเพื่อรับเงินส่วนต่าง ทั้งที่เกษตรกรเหล่านั้นนำผลผลิตไปจำหน่ายที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุงหมดแล้ว แต่กลับมีข้าวเข้ามาใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 ได้อีก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เพราะถือเป็นการทุจริตและสร้างความเสียหายแก่รัฐ
**ร้อง1569บ่นเรื่องจำนำแซงของแพง
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้มียอดร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ของกรมการค้าภายในเฉลี่ยวันละ 100 สาย โดยยอดรวมการร้องเรียนในช่วง 9 เดือน มี 2,939 ราย เทียบกับปีก่อนลดลง 22.58% โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาจำนำข้าวของเกษตรกร รองลงมาเป็นเรื่องการไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า การจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินจริง ซึ่งแตกต่างจากปีก่อน
ที่ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนเรื่องราคาสินค้า หลังจากที่เกิดปัญหาน้ำท่วม และมีปัญหาเรื่องอาหารปรุงสำเร็จมีราคาแพง
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่15 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เซ็นหนังสือแต่งตั้งให้นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์(โฆษกข้าว)เพื่อชี้แจงเรื่องข้าวโดยตรง