xs
xsm
sm
md
lg

40ส.ว.ยื่นศาลรธน. ชี้จีทูจีขัดมาตรา190 ฟ้องโรงสีโคราชโกง200ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"40 ส.ว." ยื่นหนังสือปธ.วุฒิฯ ส่งศาลรธน.วินิจฉัย จำนำข้าวจีทูจี เข้าข่าย ม.190 ที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาหรือไม่ เนื่องจากกระทบงบประมาณ มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน และมีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม "ไพบูลย์" มั่นใจไม่ชวดเหมือนคราว"นิด้า" ขณะที่ ปชป. แฉรัฐเคลียร์ผู้ส่งออก ขายข้าวราคาตลาด ส่อถึงทางตันเก็บข้าวไว้โกงเอง ด้าน“รอง ผบช.ภ.3” ส่งฟ้องโรงสีโคราชโกงจำนำข้าว 200 ล้าน-ผู้ต้องหา 3 ราย ไม่พบข้าราชการเอี่ยว

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วย ส.ว.จำนวน 67 คน ได้ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ผ่านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยกรณีสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 7.32 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 114,000 ล้านบาท ว่าเข้าข่ายสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสอง ที่คณะรัฐมนตรี จะต้องชี้แจงและขอความเห็นจากรัฐสภาเพื่อให้เกิดความถูกต้องและโปร่งใสในการทำสัญญาหรือไม่ โดยให้เหตุผลในการยื่นครั้งนี้ว่า

1. กระทบต่องบประมาณของประเทศอย่างมีนัยยสำคัญ เพราะต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมาชดเชยในส่วนที่ขาดทุนจากการขายข้าวเป็นจำนวนเงิน 44,000 ล้านบาท

2. มีผลผูกพันทางด้านการค้า การลงทุน ทำลายเศรษฐกิจข้าวส่งออกของไทย และยังทำลายการลงทุนทั้งรายย่อย และรายใหญ่ในอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ

3. มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง เพราะผลการขาดทุนจากการขายข้าวก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเกินกว่ากำหนด ทำให้เกิดวิกฤตการคลัง

นายไพบูลย์ กล่าวว่าการยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณา เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 (4) ที่ส.ว.จำนวน 1 ใน 10 สามารถยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ซึ่งต่างจากภาคเอกชนที่เคยยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลไม่รับเรื่อง

ส่วนการตรวจสอบเรื่องสัญญาซื้อขายข้าวของรัฐบาล แบบ รัฐต่อรัฐนั้น เคยได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เมื่อกรรมาธิการฯ ได้เรียกหาเอกสารสัญญาซื้อขายข้าว เจ้าหน้าที่ระดับรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ไม่สามารถให้ได้ เพราะถือเป็นความลับ

ดังนั้นตนขอฝากไปยังรัฐบาลด้วยว่า การดำเนินการด้วยกลไกใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐต่อรัฐ หรือไม่ ควรคำนึงถึงความโปร่งใสด้วย ซึ่งประเด็นการขายข้าว และส่อที่จะขาดทุน จนทำให้รัฐบาลต้องนำเงินงบประมาณไปอุดหนุนนั้น ถือว่าจะเป็นการสร้างความเสียหายต่อประเทศ

"ตอนที่มีเหตุการณ์น้ำท่วม ผมไม่โทษรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่กรณีเรื่องข้าวที่ท่วมประเทศขณะนี้ เป็นเพราะรัฐบาล ทำให้ข้าวท่วมประเทศ และตอนนี้ก็พยายามหาที่เก็บข้าว ซึ่งถือเป็นการสร้างความอนาถา และทำให้ข้าวไทยด้อยศักดิ์ศรี เชื่อว่าหากรัฐบาลทำงานอย่างไม่โปร่งใส เรื่องข้าวจะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกผมทำไม่ได้เพื่อล้มรัฐบาล ตามที่รัฐมนตรีบางคนกล่าวหา เพราะหากท่านสุจริตจริง และขายข้าวได้กำไร ท่านจะได้รับการสรรเสริญ แต่หากท่านทำงานอย่างไม่โปร่งใส ท่านก็ต้องรับผิดชอบ" นายไพบูลย์ กล่าว

**ปชป.แฉรัฐเคลียร์ผู้ส่งออก

นพ.วงรค์ เดชกิชวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเปิดโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่ ในฤดูกาลปี 2555/56 ซึ่งประชาชนได้ฝากตนมาบอกกับรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาภาพรวมโครงการรับจำนำข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตันนั้น ชาวนาจะได้โดยเฉลี่ย 10,500-11,000 บาท จึงอยากให้รัฐบาลติดตามว่า เงินประมาณอีก 4,000-4,500 บาทหายไปไหน ซึ่งในโครงการรับจำนำรอบใหม่ อยากให้รัฐบาลตั้งหลักดูแลเงินเหล่านี้ เพราะรัฐบาลจะโทษโรงสีไม่ได้ เนื่องจากโรงสีทำในนามรัฐบาล ขณะเดียวกัน ชาวบ้านเกษตรกร ฝากติดตามในเรื่องของเงินค่าจำนำข้าวที่ได้ช้ามาก จากที่รัฐบาลบอกว่าจะได้เงินภายใน 6 วัน แต่ในความเป็นจริง ได้เงินล่าช้าไป 2-3 เดือน ทำให้ชาวนาเดือดร้อนมาก ซึ่งชาวนาควรจะได้เงินเร็วกว่านี้ ตามเงื่อนไขข้อตกลงที่ได้ทำกันเอาไว้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลนัดหมายผู้ส่งออกมาพูดคุยกัน ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศว่า ส่งออกแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 7.32 ล้านตัน แต่ตัวเลขส่งออกที่ผ่านมา ได้แค่ 5 ล้านตัน ถ้าเทียบกับช่วงเวลานี้ของปี 54 ซึ่งส่งออกได้ 9 ล้านตัน ตัวเลขหายไป 44% ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลกำลังเดือดร้อน เพราะโฆษณาตัวเลขไว้ แต่ขายไม่ได้จริง รัฐบาลจึงเอาใจผู้ส่งออก ซึ่งการประชุมกับผู้ส่งออก มีการตั้งเงื่อนไขว่า รัฐบาลจะขายข้าวหอมมะลิ เป็นการนำร่องในโครงการรอบใหม่ 3 เดือน โดยรัฐบาลจะขายให้ในราคาตลาด และเมื่อข้าวหอมมะลิสีเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องส่งไปยังโกดังของรัฐบาล แต่ให้ส่งตรงไปยังโกดังผู้ส่งออก

"ทำให้มีคำถามว่า เมื่อนโยบายรับจำนำข้าวจะยกระดับสินค้าเกษตร เพื่อชี้นำราคาตลาดโลก แต่การที่รัฐบาลประกาศว่าจะขายข้าวให้ในราคาตลาด เท่ากับว่ารัฐบาลประกาศยอมแพ้ในนโยบายรับจำนำข้าวแล้ว ใช่หรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลไปไม่ไหว ก็ขอให้ประกาศให้ชัดเจนว่า การชี้นำราคาตลาดโลกไปไม่ไหว ขอขายให้กับผู้ส่งออกในราคาตลาด" นพ.วรงค์ กล่าว และว่า การที่รัฐบาลจะให้ส่งข้ามหอมมะลิในโครงการรอบใหม่ จำนวน 3 เดือน โดยส่งไปยังโกดังผู้ส่งออกโดยตรง แสดงว่า ข้าวเก่าเน่าแล้ว ใช่หรือไม่ รัฐบาลถึงไม่กล้าเอาไปให้กับผู้ส่งออกนำไปขาย แต่กลับนำของใหม่ไปให้แทน

นพ.วรงค์ กล่าวถึงการโกหกสีขาว ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ว่า คนที่พูดความจริงจะพูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ซึ่งจากการติดตามการระบายข้าวที่ผ่านมา รัฐบาลได้ระบายข้าวไปแล้ว 5 ครั้ง แต่ล่าสุด นายบุญทรง บอกว่ารัฐบาลได้ระบายข้าวแล้ว 6 ครั้ง ทั้งที่ไม่ได้รับรวมกับการระบายในลักษณะจีทูจี 7.32 ล้านตัน ซึ่งนายบุญทรง ต้องอธิบายให้ชัดว่า การระบายข้าว ครั้งที่ 6 เป็นการระบายข้าวให้ใคร ราคาเท่าใด และเป็นข้าวชนิดใด

อย่างไรก็ตามในขณะนี้ โดยภาพรวมรัฐบาลถึงทางตันของโครงการจำนำข้าว ซึ่งรัฐบาลกลืนไม่เข้า คายไม่ออก และเปิดจำนำในราคาสูง แต่สุดท้ายต้องขายในราคาตลาด ทำให้ตนคิดว่า ในวันนี้รัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อต้องการจำนำข้าว และเก็บข้าวเอาไว้มาโกงเอง

***ส่งฟ้องโรงสีโคราชโกงจำนำข้าว

วานนี้ (16 ต.ค.55) ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ในฐานะประธานการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เปิดเผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ, ยโสธร และอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต 2555/56 จำนวน 2 คดี คือ

1.ที่ จ.นครราชสีมา พื้นที่ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นกรณีข้าวที่รับจำนำหายไปจากโกดังกว่าหมื่นตันมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งตำรวจ สภ.จอหอได้ดำเนินคดีกับโรงสี ธัญญะรุ่งเรืองชัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขณะนี้ได้สรุปสำนวนคดีมีความเห็นสั่งฟ้อง ส่งอัยการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว โดยได้สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย แบ่งเป็นโรงสี ในฐานะนิติบุคคล และกรรมการผู้จัดการอีก 2 ราย คดีนี้เป็นเรื่องที่โรงสีข้าวผู้ร่วมโครงการฯ ทำการยักยอก โดยการยักย้ายถ่ายเทข้าวไปไว้ที่อื่น ซึ่งเบื้องต้นกรรมการผู้จัดการอ้างว่านำไปสีแปรสภาพข้าวที่โกดังอื่น แต่ก็ถือว่ามีความผิดตำรวจจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการสอบสวนยังไม่พบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ส่วนอีกคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการสวมสิทธิ์ใช้ชื่อเกษตรเข้าไปขอออกใบประทวนกับ เจ้าหน้าองค์การคลังสินค้า เพื่อไปขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่ สภ.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากมีการสวมสิทธิ์ชื่อของเกษตรจำนวนมากถึง 460 ราย คงต้องใช้เวลาในการสอบสวนพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้จะแล้วเสร็จ ส่วนที่ จ.ชัยภูมิ มีการร้องเรียนเข้ามา เมื่อไปตรวจสอบแล้วยังไม่พบการกระทำผิดเกิดขึ้นแต่อย่างใด

พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลได้สั่งการให้ตำรวจจัดกำลังเข้าไปประจำจุดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 จุดละ 5 นาย มีรอง ผกก.1 นาย สาวัตร 1 นาย และรอง สว.และชั้นประทวน 3 นาย ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีจุดรับจำนำข้าวกว่า 200 จุด ได้สั่งการลงไปทุกพื้นที่ให้จัดกำลังเข้าไปดูแลคาดว่าจะต้องใช้กำลังทั้งหมดกว่า 1,000 นาย เพื่อช่วยดูแล ตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินโครงการรับจำนำฯ เพื่อป้องกันการทุจริตด้วย ซึ่งขณะนี้ทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้ เริ่มดำเนินการแล้ว

ส่วนกรณีที่มีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำ นั้น เรื่องนี้ตำรวจได้กวดขันอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะตามเส้นทางที่อาจมีการนำข้าวเข้ามา จนถึงขณะนี้ยังไม่พบการกระทำผิด แต่ยังให้เฝ้าสังเกตการณ์เพื่อป้องปรามไว้แล้ว สำหรับปัญหาที่ตัวเกษตรกรเองอาจจะมีบ้างที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์บางคนที่อาจได้รับการว่าจ้างที่เห็นแก่เงินเล็กๆน้อยๆ เราพยายามกวดขันดูแลอยู่

“ขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกร ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพื้นที่ปลูกข้าวเท่าไหร่ให้แจ้งไปเท่านั้น อย่ารับจ้างหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อไปขอออกใบประทวนเพื่อให้ได้เงินมากๆ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับภาพรวมทั้งระบบ และเสียชื่อเสียงด้วย” พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น