xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ส่งฟ้องโรงสีโคราชโกงจำนำข้าว 200 ล้าน-ผู้ต้องหา 3 ราย ไม่พบ ขรก.เอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล  รอง ผบช.ภ.3
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “รอง ผบช.ภ.3” ปธ.ตรวจสอบทุจริตข้าวตำรวจภาค 3 เผย ตร.สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องนายทุนโรงสีโคราชทุจริตยักยอกถ่ายเทข้าวโครงการจำนำฯ กว่าหมื่นตัน มูลค่าเสียหายกว่า 200 ล้านบาทแล้ว ระบุสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย ไม่พบ ขรก.เอี่ยว ส่วนคดีโกงสวมสิทธิเกษตรกร 640 รายที่ จ.บุรีรัมย์เร่งสอบสวน คาดแล้วเสร็จ ต.ค.นี้ เผย 8 จว.อีสานใต้ระดมกำลัง ตร.กว่า 1,000 นายประจำจุดรับจำนำข้าวทุกจุด คุมเข้มหวังป้องกันโกง

วันนี้ (16 ต.ค.) ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) ในฐานะประธานการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เปิดเผยว่า ในพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ, ยโสธร และอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 จำนวน 2 คดี คือ

1. ที่ จ.นครราชสีมา พื้นที่ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นกรณีข้าวที่รับจำนำหายไปจากโกดังกว่า 1.16 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 205 ล้านบาท ซึ่งตำรวจ สภ.จอหอได้ดำเนินคดีต่อโรงสีข้าว บริษัท ธัญญรุ่งเรืองชัย (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 388 หมู่ที่ 8 ถ.มิตรภาพ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ขณะนี้ได้สรุปสำนวนคดีมีความเห็นสั่งฟ้องส่งอัยการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว โดยได้สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย โรงสีข้าว บริษัท ธัญญรุ่งเรืองชัย (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนิติบุคคล และกรรมการผู้จัดการอีก 2 ราย คดีนี้เป็นเรื่องที่โรงสีข้าวผู้ร่วมโครงการฯ ทำการยักยอก โดยการยักย้ายถ่ายเทข้าวไปไว้ที่อื่น ซึ่งเบื้องต้นกรรมการผู้จัดการอ้างว่านำไปสีแปรสภาพข้าวที่โกดังอื่น แต่ก็ถือว่ามีความผิดตำรวจจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการสอบสวนยังไม่พบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ส่วนอีกคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีการสวมสิทธิใช้ชื่อเกษตรกรเข้าไปขอออกใบประทวนกับเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าเพื่อไปขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ในพื้นที่ สภ.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากมีการสวมสิทธิชื่อของเกษตรกรจำนวนมากถึง 460 ราย คงต้องใช้เวลาในการสอบสวนพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้จะแล้วเสร็จ ส่วนที่ จ.ชัยภูมิมีการร้องเรียนเข้ามา เมื่อไปตรวจสอบแล้วยังไม่พบการกระทำผิดเกิดขึ้นแต่อย่างใด

พล.ต.ต.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า จากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลได้สั่งการให้ตำรวจจัดกำลังเข้าไปประจำจุดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2555/2556 จุดละ 5 นาย มีรอง ผกก.1 นาย สารวัตร 1 นาย และรอง สว. และชั้นประทวน 3 นาย ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งมีจุดรับจำนำข้าวกว่า 200 จุด ได้สั่งการลงไปทุกพื้นที่ให้จัดกำลังเข้าไปดูแล คาดว่าจะต้องใช้กำลังทั้งหมดกว่า 1,000 นายเพื่อช่วยดูแล ตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินโครงการรับจำนำฯ เพื่อป้องกันการทุจริตด้วย ซึ่งขณะนี้ทุกกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดได้เริ่มดำเนินการแล้ว

ส่วนกรณีที่มีการลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิโครงการรับจำนำ นั้น เรื่องนี้ตำรวจได้กวดขันอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะตามเส้นทางที่อาจมีการนำข้าวเข้ามา จนถึงขณะนี้ยังไม่พบการกระทำผิด แต่ยังให้เฝ้าสังเกตการณ์เพื่อป้องปรามไว้แล้ว สำหรับปัญหาที่ตัวเกษตรกรเองอาจจะมีบ้างที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์บางคนที่อาจได้รับการว่าจ้างที่เห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ เราพยายามกวดขันดูแลอยู่

“ขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกรให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพื้นที่ปลูกข้าวเท่าไหร่ให้แจ้งไปเท่านั้น อย่ารับจ้างหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ชื่อไปขอออกใบประทวนเพื่อให้ได้เงินมากๆ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพรวมทั้งระบบ และเสียชื่อเสียงด้วย” พล.ต.ต.จักรทิพย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น