xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ดอนเมือง”เปิด“ศึกโลว์คอสต์” นกแอร์VSไทยแอร์เอเชีย สงคราม“อากาศ-ภาคพื้นดิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-วันนี้ “ดอนเมือง” สนามบินที่มีอายุเกือบ 100 ปี กลับมามีบทบาทอย่างชัดเจนอีกครั้ง ของการเป็นสนามบินของสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์ และ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟล์ท)ภายหลังจากการย้ายฐานปฏิบัติการทางการบินทั้งหมดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย กลับมาอยู่สนามบินดอนเมืองอย่างถาวร

โดยไทยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินกว่าวันละ 160 ไฟล์ท เมื่อนับรวมกับสายการบินนกแอร์ซึ่งมีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละเกือบ 100 ไฟล์ท และสายการบินโอเรียนท์ไทย ทำให้วันนี้สนามบินดอนเมืองมีเที่ยวบินขึ้น-ลง วันละเกือบ 300 ไฟล์ท จากเดิมมีผู้โดยสารมาใช้บริการประมาณวันละ 1.3 หมื่นคนต่อวัน ก็จะเพิ่มเป็น 4.2 หมื่นคนต่อวัน

ทว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย ถือเป็นคู่แข่งขันทางตรงกับ สายการบินนกแอร์ แม้เส้นทางบินจะไม่ทับซ้อนกันมากนักในวันนี้ แต่การย้ายกลับมาสนามบินดอนเมืองของไทยแอร์เอเชีย ทำให้นกแอร์ไม่สามารถอยู่เฉยได้ จึงมั่นใจว่า ศึกสายการบินโลว์คอสต์ จะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน

ตัวการการประเดิมหมัดแรกที่ชัดเจน คือวันที่ 1 ตุลาคม 2555ซึ่งถือเป็นวันแรกของการกลับมาให้บริการที่สนามบินดอนเมืองของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งกำหนดจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงบ่าย ที่สนามบินดอนเมือง แต่นกแอร์ซึ่งครองพื้นที่สนามบินนี้เพียงรายเดียวมานานหลายปี กับชิง ใช้เวลาในช่วงเช้า จัดแถลงข่าวนวัตกรรมใหม่ของการเช็คอินน์ พร้อมจัดทีม แฟรชม็อบ กระจายอยู่ทั่วสนามบินตลอดเวลาแถลงข่าว เพื่อส่งเสียงเชียร์เสียงดังกระหึ่ม สร้างความคึกคักและเป็นจุดสนใจแก่ผู้โดยสารที่เดินผ่านไปมาขณะที่งานของไทยแอร์เอเชียช่วงบ่าย มีไฮไลต์แค่การเดินแบบอย่างเรียบง่าย รอบภายในอาคารผู้โดยสาร ระยะทางยาว 300 เมตร

อย่างไรก็ตามแม้วันนี้ ทั้งนกแอร์และไทยแอร์เอเชีย ต่างก็ปฏิเสธ ที่จะเปิดศึกระหว่างกัน โดยเฉพาะกลยุทธ์การสาดสงครามราคา แต่ในทางปฏิบัติ เชื่อว่าทั้งสองฝ่าย ต่างมีแผนซึ่งเป็นอาวุธอยู่ในใจแล้วทั้งสองฝ่าย ว่าจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยวิธีไหนที่จะช่วงชิงลูกค้าใหม่รักษาฐานลูกค้าเก่า

โดยทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย พูดไว้ชัดเจนว่า สงครามราคาไม่เป็นผลดี เพราะต่างก็เจ็บตัวไม่น้อยไปกว่ากัน ทุกวันนี้แค่การประคองต้นทุนในช่วงที่ภาวะราคาน้ำมันมีความผันผวนสูงก็เหนื่อยเต็มที่ แต่ก็ยังไม่วายที่จะพูดว่า นโยบายของไทยแอร์เอเชีย ยังทิ้งคำบอกเล่าที่ว่า

“อย่างไรก็ตามไทยแอร์เอเชียจะยังใช้แนวทางการทำธุรกิจที่ว่า เป็นสายการบินที่มีราคาตั๋วที่ถูกที่สุด เป็นนโยบาย และผลของการย้ายมาสนามบินดอนเมืองจะช่วยเพิ่มผู้โดยสารตลาดในประเทศให้เติบโตอีก 5% จากส่วนแบ่งผู้โดยสารภายในประเทศที่มีอยู่ 55% ของเส้นทางบินทั้งหมดของไทยแอร์เอเชีย”

นอกจากนั้นยังแจ้งถึงแผนการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ เพิ่มเติมนับจากนี้ ทั้งเส้นทางภายในประเทศ เน้นเมืองหน้าด่านและเกทเวย์ อย่างจังหวัดตาก สกลนคร เลย และ น่าน เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่วนเส้นทางต่างประเทศ จะเน้น จีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดเศรษฐกิจเติบโต

และมีศักยภาพการเดินทางออกมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจีนจะเปิดเพิ่ม 4-5 เส้นทาง จากปัจจุบันเปิดที่อู่ฮั่นและซีอาน และ อินเดียเปิดอีก 2-3 เส้นทางจากของเดิมมี 2 เส้นทางที่เชียนไน และ การ์กัตต้า และจะเพิ่มเครื่องบินใหม่อีก 5 ลำ โดยใช้เงินจากที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์มาดาวน์และใช้รายได้ส่งค่างวด

ทางด้าน CEO สายการบินนกแอร์ “พาที สารสิน” กล่าวว่า ไม่มีความกังวลแต่อย่างใดกรณีที่สายการบินไทยแอร์เอเชียย้ายกลับมาให้บริการที่สนามบินดอนเมือง เพราะต่างก็มีลูกค้าเป้าหมายเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ประกอบกับปัจจุบันการทำตลาดของสายการบินโลว์คอสต์ ที่ผ่านมาช่วยสร้างพฤติกรรมคนไทยให้เลือกเดินทางโดยสายการบินเพิ่มขึ้น จึงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากจำนวนประชากรทั้งประเทศกว่า 65 ล้านคน

ทั้งนี้ ในส่วนของสายการบินนกแอร์ ยังคงให้ความสำคัญกับงานด้านบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ตอบไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ อย่างล่าสุด ได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย พัฒนาซอฟแวร์เพื่อบริการให้แก่ลูกค้าเป็นสายการบินแรกของโลก ซึ่งผู้โดยสารสามารถเช็คอินผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตได้ทุกธนาคารทุกสถานที่

ขณะเดียวกัน ภายในสนามบินนกแอร์ยังจัดเจ้าหน้าที่เดินให้บริการทั่วสนามบินสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเช็คอินเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ส่วนแผนธุรกิจนกแอร์อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเส้นทางบินไปต่างประเทศ ทั้งจีนและอาเซียน ในรัศมีการบินไม่เกิน 5 ชั่วโมง จากก่อนหน้านี้เคยเปิดและปิดเส้นทางบินต่างประเทศไทยระยะหนึ่ง แต่ด้วยความหอมหวานของจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดจีน และนกแอร์ก็ให้บริการชาร์เตอร์ไฟล์ กรุงเทพฯ-หนานกิง อยู่แล้ว สัปดาห์ละ 3 ไฟล์ท ย่อมมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปิดเป็นเส้นทางประจำ โดยคาดว่าจะสรุปและเริ่มเปิดบริการได้ต้นปีหน้า

ถึงกระนั้น พาที สารสิน ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า แม้จะเป็นสายการบินโลว์คอสต์เหมือนกัน แต่รูปแบบการทำตลาดที่ต่างกัน จะเป็นจุดขายที่ดีของแต่ละฝ่าย ว่าจะเลือกจับลูกค้ากลุ่มไหน เพราะนกแอร์ นำเสนอราคาตั๋วโดยสายแบบ Buffet ด้วยตั๋วราคาเดียวทุกที่นั่ง และรวมบริการการเลือกที่นั่ง เสิร์ฟอาหารว่าง และรวมน้ำหนักกระเป๋า ส่วนสายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้บริการแบบ A la carte คือราคาตั๋วขึ้นอยู่กับเวลาจองและจำนวนที่นั่งโปรโมชั่น บวกรวมกับค่าน้ำหนักกระเป๋า และอาหารที่ผู้โดยสารต้องเสียเงินจ่ายเพิ่ม

จุดต่างที่ชัดเจนดังกล่าว จะเป็นตัวชี้วัดในการเลือกกลุ่มลูกค้าได้อย่างชัดเจนตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลว่าชอบจ่ายแบบใด แต่อย่างไรก็เชื่อว่าตลาดโลว์คอสต์ ยังเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่ใครก็หมายปอง จึงได้เห็นปรากฏการณ์ของ ไทยสไมล์ และล่าสุดสายการบินบางกอกแอร์เวย์ บูติกแอร์ไลน์ ก็เตรียมโดดเข้ามาเล่นในเซ็กเม้นต์นี้เช่นกัน

หมายเหตุ : เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปีของ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมกิจกกรรมในแฟนเพจ เพื่อชิงรางวัลอันทรงคุณค่า กับคำถามที่ว่า "ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าเธอเหมาะกับอาชีพใดมากที่สุด "




กำลังโหลดความคิดเห็น