xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อุโมงค์ยักษ์ แมลงสาบยักษ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-อุตส่าห์สร้างภาพเป็นนายประกันชั้นเยี่ยม “ทั้งชีวิต เราดูแล” แต่เอาแค่ฝนตก น้ำท่วมขัง จราจรอัมพาตทั้งเมือง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ยังไม่มีฝีมือบริหารจัดการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ คลายทุกข์ จนกลายเป็นเป้านิ่งให้ฝั่งพรรคเพื่อไทยไล่ถลุง เกิดศึกสงครามน้ำลายกลางสายฝน ทำให้ชาวประชาเอือมระอาใน พฤติกรรมของทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เที่ยวโพนทะนาความล้มเหลวบ้อท่าของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่มหาอุทกภัยปี 2554 มาจนถึงน้ำท่วมระลอกแรกใน ปี 2555 ที่รัฐบาลก็ยัง “เอาไม่อยู่” เหมือนเดิม แม้จะผลาญเงินงบประมาณไปนับแสนล้านแล้วก็ตาม เป็นเหตุให้ทางฟากพรรคเพื่อไทยหาทางเอาคืน และได้โอกาสเหมาะเมื่อฝนฟ้าเทกระหน่ำ น้ำท่วมนองกรุงเทพฯ การจราจรติดขัดกันทั้งเมืองติดต่อกันนานนับเดือน เสียงก่นด่าผู้ว่าฯ กทม.ที่เอาแต่สร้างภาพ ดีแต่พูด ดังขึ้นๆ เพราะก่อนหน้านี้รับประกันมั่นใจว่าพร้อมรับมือและกรุงเทพฯน้ำไม่ท่วม

การออกมาตีกระหน่ำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์และทีมงานบริหาร กทม. ไร้ฝีมือแก้ไขปัญหาน้ำ ท่วมขังส่งผลให้กรุงเทพฯเป็นอัมพาต มีการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพที่ไม่เต็มร้อยของ อุโมงค์ยักษ์ ในการระบายน้ำทั้งที่โฆษณาเสียโก้หรูว่าจะสามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน

รวมทั้งถามถึงการขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำ ซึ่งกทม.ได้รับงบประมาณเพื่อการนี้กว่าพันล้านบาทว่า ความจริงแล้ว กทม.ไม่ได้ลอกท่อระบายน้ำตามถนนสายหลักและสายรอง หรือ ลอกกันแบบขอไปที ไม่มีประสิทธิภาพ ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อฝนตกลงมาคงสามารถระบายน้ำลงท่อและคูคลองซึ่งมีระดับน้ำต่ำกว่าได้ทันท่วงที แต่นี่กลับท่วมขังเรียกได้ว่าประจานผลงานสุดแย่ของกทม.อย่างชัดแจ้ง

เมื่อวิกฤตหนักเข้า คุณชายสุขุมพันธ์ ก็ออกมาแก้ต่างว่า สำนักการระบายน้ำ กทม. ได้รายงานว่า สถิติฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯเพียงเดือน ก.ย.นี้ มีปริมาณสูงสุดในรอบ 50 ปี ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายน้ำจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับข้ามคืน จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมกับยืนยันว่า อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำพระราม 9 -รามคำแหง ทำงานเต็มที่ แต่อุโมงค์เพียงแห่งเดียวไม่สามารถจะแก้ปัญหาน้ำท่วมขังได้ทั้งเมือง เพราะมีเส้นทางครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 ตร.กม. เท่านั้น ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯมีกว่า 1,600 ตร.กม. กทม.จึงมีแผนจะก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เพิ่มอีก 3 แห่ง ที่คลองบางซื่อ บึงหนองบอน และดอนเมือง เพื่อระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะทำให้การทำงานของอุโมงค์เต็มประสิทธิภาพทั้งระบบ และสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมขังใ นพื้นที่ฝั่งพระนครได้เกือบทั้งหมด

คำแก้ตัวข้างๆ คูๆ ของกทม.ที่ว่า เป็นเพราะฝนตกหนักสุดในรอบ 50 ปี หรือ 100 ปี ถูกจับได้ทันควันว่าเป็นการโกหกคำโต เพราะ สมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกมาบอกว่า ตัวเลขที่กทม.อ้างว่า ฝนสะสมในเดือนก.ย. 721 มม.และอ้างข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าสูงสุดในรอบ 100 ปี ไม่รู้กทม.ใช้ข้อมูลฐานไหนวัดเพราะข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2555 วัดปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งเดือนก.ย. ได้แค่ 340.7 มม. เท่านั้น

นอกจากนี้ สถิติข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ก็ใช้ฐานเปรียบเทียบปริมาณน้ำฝน 30 ปี และ 50 ปี ไม่มีฐานข้อมูล 100 ปี อย่างที่กทม.อ้าง และสถิติน้ำฝนสะสมสูงสุดในเดือนก.ย.ที่เก็บไว้คือ เดือนก.ย. 2515 วัดได้676.6 มม. และยังแฉอีกว่า ข้อมูลที่กทม.บอกว่าว่า ฝนตกใน กทม.มีปริมาณ 60 มม.ต่อชั่วโมง หมายความว่าตลอดทั้งวันฝนจะตกมากถึง 1,400 มม.เท่ากับปริมาณฝนตกเฉลี่ยทั้งปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และกรมอุตุนิยมวิทยา ก็วัดน้ำฝนเป็นราย 24 ชั่วโมง ไม่ใช่วัดเป็นรายชั่วโมง

เรียกได้ว่า ทั้งผู้ว่าฯ และทีมบริหารกทม.หน้าแหกกันเป็นแถว แต่แทนที่จะรู้สึกอับอายกับพฤติกรรมโกหกคำโต วสันต์ มีวงษ์ โฆษกกทม. กลับออกทีวีโกหกหน้าตายต่อว่า ฝนตกเมื่อวันที่ 28 ก.ย. นั้น วัดได้ 800 มม. ฝนที่ตกลงมาในกทม.ทั้งหมด เท่ากับน้ำครึ่งเขื่อนป่าสักชล สิทธิ์ ไปโน่น

สุดท้ายแล้ว งานนี้ไม่รู้ว่า เหตุที่น้ำท่วม กทม.นั้นเป็นเพราะความไร้ประสิทธิภาพของอุโมงยักษ์หรือว่าเป็นเพราะแมลงสาบยักษ์เล่นเกมการเมืองขวางท่อเอาไว้

เมื่อ กทม. ยุค คุณชายสุขุมพันธุ์ เอาแต่แถ แก้ตัวไปวันๆ ฟากเพื่อไทย ก็จับไต๋ได้ว่า งานนี้มีกลิ่นแน่ๆ จึงส่ง “คำรณวิทย์ ศิษย์ทักษิณ” ลุยล้วงท่อ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่งานของนครบาลแต่อย่างใด

เมื่อได้รับคำสั่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ก็ไม่ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผิดหวัง รีบประสานกับกรมราชทัณฑ์ นำนักโทษชั้นดี 500 คน ลงพื้นที่ขุดลอกท่อระบายน้ำ ใน 9 จุดสำคัญที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งเมื่อเปิดฝาท่อนอกจากจะเจอเศษขยะแล้ว ยังพบว่ามีก้อน หินขนาดใหญ่ เศษปูน และกระสอบทราย อยู่ตามท่อระบายน้ำเป็นจำนวนมาก

การโชว์ออฟหักหน้าคุณชายสุขุมพันธ์ของ “คำรณวิทย์ ศิษย์ทักษิณ” ตอกย้ำความไม่เอา ไหนของกทม.หนักขึ้นไปอีก และผลจากปฏิบัติการลอกท่อของ น.1 ทำเอาคณะผู้บริหารกทม. และพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับดิ้นพล่าน

ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาโต้แทน คุณชายสุขุมพันธุ์ ทันที โดยอ้างความเป็นนักวิชาการด้านวิศวกรรมเข้าข่ม ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่ถุงทรายจำนวนมากขนาดนั้นจะไหลลงท่อระบายน้ำ ทดสอบได้ด้วยการไปดูบริเวณท่อระบาย น้ำหน้าบ้านแล้วลองเอาถุงทรายวางลงไว้จะทราบว่าไหลไปกับน้ำไม่ได้เลย ถ้าไม่เปิดฝาท่อก่อน ลงหย่อนลงไป จึงมองว่า เรื่องนี้มันกลายเป็นประเด็นทางการเมืองแน่นอน

อีกทั้ง กทม. ยังได้รับหนังสือรายงานผลการขุดลอกทำความสะอาดท่อละบายน้ำในพื้นที่ กรุงเทพฯ จากกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 7 ก.ย. 2555 ระบุว่า ได้ดำเนินการเสร็จแล้วระยะทางรวม 3,983 กิโลเมตร โดยมีตัวแทนชุมชนร่วมตรวจสอบการทำงานตลอดเวลา มีหลักฐานในการลงนามรับมอบอีกด้วย ดังนั้นหากมีการชำรุดเสียหายของฝาบ่อพักท่อ หรือมีการทำความสะอาดไม่เรียบร้อย ก็น่าจะมีการทักท้วงจากประชาชนมาตั้งแต่ต้น

ส่วน ปลัดกทม. นางนินนาท ชลิตานนท์ ก็ออกมาแก้ต่างด้วยเช่นกัน โดยบอกว่า ไม่เคยได้รับการประสานงานจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ดังที่กล่าวอ้างว่ามีการประสานงานก่อนเพื่อวางแผนดำเนินการขุดลอกท่อระบายน้ำร่วมกันแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ไม่เคยปล่อยปละละเลยการขุดลอกท่อระบายน้ำและคูคลอง แต่การขุดลอกมีกำหนดระยะเวลาชัดเจน หากทำซ้ำก่อนถึงกำหนดอาจไม่เกิดประโยชน์หรือช่วยให้อะไรดีขึ้นจากเดิมนัก แม้จะยอมรับว่าช่วงระหว่างนั้นอาจมีวัสดุ หรือสิ่งของที่ตกหล่นลงไปในท่อบ้างแต่คงไม่ถึงขนาดที่เป็นตัวแปรหลักทำให้น้ำท่วมรุนแรงได้ ส่วนกรณีที่พบกระสอบทรายจำนวนมากในท่อระบายน้ำส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่จะเกิดขึ้นได้เอง

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน เมื่อต้นเดือนก.ย. นี่เอง กทม. เคยแสดงความหาญกล้า ประกาศกร้าวไม่ให้ความร่วมมือในการทดสอบการระบายน้ำของคณะ กรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ซึ่งจะทดสอบการระบายน้ำในคลองที่ขุดลอกแล้ว ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าเป็นห่วงฝนจะตกหนักช่วงทดสอบและห่วงว่าคลองลาดพร้าวจะระบายน้ำไม่ทันเพราะช่วงนั้นยังไม่ได้ขุดลอก

กระทั่งกลายมาเป็นข้อสงสัยในวันนี้ว่า เหตุที่ไม่กล้าให้มีการทดสอบการระบายน้ำในคู คลองที่อ้างว่าส่วนใหญ่ขุดลอกแล้วกว่า 90% ของ กทม. นั้น ความจริงแล้ว ยังไม่ได้มีการขุดลอกหรือขุดลอกแบบขอไปที จนเมื่อถึงฤดูกาลที่ฝนฟ้าตกหนักจึงประจานผู้ว่าฯ กทม.และคณะผู้บริหาร ให้งามหน้าจากปัญหาน้ำท่วมขังอย่างที่เกิดขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ในระหว่างที่ความขัดแย้งของสองพรรคใหญ่ยังคุกรุ่น สาดโคลนกันอย่างเมามัน จู่ๆ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ก็ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึง กทม.เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2555 ขอเงินเยียวยา700 กว่าล้านที่กทม.นำไปแจกจ่ายประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กทม.ตามนโยบายรัฐบาลไปแล้วคืน

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ้างว่า ได้ตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง พบว่า การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 753,744,276 บาท ของกทม. เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยกรณีขอทบทวนและกรณีตกสำรวจตามมติก.ช.ภ.กทม. ครั้งที่ 42-44/2555 เมื่อวันที่ 16, 17 และ 20 ส.ค. 2555 ตามลำดับ ซึ่งเป็นการจ่ายเงินนอกเหนือไปจากที่ได้รับอนุมัติตามสัญญายืมเงิน จึงไม่อาจนำหลักฐานไปชดใช้เงินยืมทดรองราชการฯ ได้ จึงขอให้กทม.นำเงินจำนวนดังกล่าวส่งคืน ปภ.ผ่านทางบัญชีของกรมฯ ด้วย

หลังถูกทวงให้คืนเงิน คณะผู้บริหาร กทม. ต่างตกใจแทบตกเก้าอี้ โดยเฉพาะกรณีที่จะให้กทม. ส่งเงินเยียวยาที่กทม.มอบให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมไปแล้วกลับคืน ทางกทม.จึงออกมาชี้แจงว่า ที่ผ่านมากทม.ได้ทำตามระเบียบการจ่ายเงินที่กำหนดโดยรัฐบาลและแจ้งผ่านปภ. มาโดยตลอด และไม่เคยมีการทักท้วงการดำเนินการของกทม.แต่อย่างใด อีกทั้งการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปแจกจ่ายก็ทำตามคำสั่งของรัฐบาลที่อนุมัติขยายเวลาเปิดรับคำร้องจากประชาชนเพื่อแก้ปัญหารายชื่อตกหล่นให้กทม. พร้อมกำชับเร่งส่งเงินเยียวยาให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมายังมีประชาชนที่เดือดร้อนอีกกว่า 1 แสนราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,100ล้านบาท ที่ยังไม่ได้รับเงินและกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ในขณะนี้

งานนี้ เห็นชัดๆ ว่า รัฐบาลจงใจเล่นงานคุณชายสุขุมพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้เสียคะแนนนิยม เพราะคนที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาอีกเป็นแสนราย ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แถมที่จ่ายไปแล้วก็ต้องดูว่า กทม.จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

เกมการเมืองดังกล่าวมิอาจมองเป็นอื่นได้นอกเสียจากว่า เป็นเพราะใกล้เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาทุกที ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเปิดศึกห้ำหั่นกันอย่างไม่ลดราวาศอก แถมไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแต่ในพรรคประชาธิปัตย์เองก็เล่นเกมการเมืองเรื่องนี้ไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนคุณชายสุขุมพันธุ์ในการเป็นตัวแทนพรรคครั้งต่อไป

ที่สำคัญคือ งานนี้แว่วว่า ฝ่ายที่ไม่เอาคุณชายไวน์เลิฟเวอร์ในระดับกรรมการบริหารพรรคดูเหมือนจะมากฝ่ายสนับสนุนเสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุดังกล่าวในขณะที่คุณชายสุขุมพันธุ์ เจอเข้าไปหลายหมัด กำลังเพลี่ยงพล้ำออกอาการร่อแร่ จะด้วยความหวังดีประสงค์ร้ายก็สุดจะคาดเดา เพราะดันมีมือที่มองไม่เห็นขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ติดตั้งบนอาคารสูงริมถนนสายหลักหลายสาย มีใจความว่า "คนกรุงเทพฯ รักในหลวง ไม่เปลี่ยน" โดยมีภาพม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.โดดเด่นท่ามกลางภาพของศิลปินนักร้องนักแสดงและนักกีฬาชื่อดัง ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางลบในโซเซียลเน็ตเวิร์ก ที่บังอาจนำเอาสถาบันกษัตริย์ มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองช่วงใกล้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ส่ง คุณชายสุขุมพันธุ์ ลงชิงแชมป์สมัยที่สอง

กระทั่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ต้องออกมาปัดเป็นพัลวัลว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของป้ายดังกล่าว แต่เป็นเรื่องของกลุ่มจิตอาสา ที่ต้องการรูปผู้ว่าฯ กทม. ไปรวมกับกลุ่มศิลปินในการทำกิจกรรมทางสังคมภายใต้แคมเปญ "รักในหลวง" ซึ่งก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการแสดงความจงรักภักดีผ่านป้ายเท่านั้น ไม่ได้เป็นคนต้นคิดจัดทำป้ายดังกล่าวและไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.สมัยหน้าแต่อย่างใด

“ไม่ใช่เป็นป้ายของผมและก็ไม่ใช่ของกทม.เป็นป้ายของภาคเอกชนทั้งหมด เพียงแต่มีรูปภาพของผมไปร่วมด้วยเท่านั้น” ผู้ว่าฯกทม. กล่าว และเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊คของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็มีการโพสต์ข้อความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเขียนว่า "ป้ายนี้ทำขึ้นโดยคนที่รักในหลวง ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพียงมีข้อสังเกตว่า ถ้าคนที่รักในหลวง ไม่สามารถแสดงออกว่ารักในหลวง วันนั้นคือวันที่ มารครองเมือง"

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะออกมาปัดว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายคุณชายสุขุมพันธุ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทานกระแสไม่ไหว จนต้องขอให้มีการปลดป้ายทั้งหมดลง

ว่างานว่า คนที่สั่งให้ปลดป้ายดังกล่าวมิใช่ใครอื่น แต่เป็น “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง

หมายเหตุ : เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปีของ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมกิจกกรรมในแฟนเพจ เพื่อชิงรางวัลอันทรงคุณค่า กับคำถามที่ว่า "ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าเธอเหมาะกับอาชีพใดมากที่สุด "






กำลังโหลดความคิดเห็น