ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ กำกับดูแล ในช่วงที่เป็นรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีบัญชา หรือสั่งการอะไร ส่วนตัวก็จะต้องทำหน้าที่ปกติเหมือนเดิม และการลาออกของนายยงยุทธ ก็ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย แถวตรง เรียบร้อยหมด เว้นแต่ว่า พวกที่ไปซุบซิบกัน
" นายกฯยืนยันแล้วว่ายังไม่ปรับครม. ไอ้พวกที่ไปออกข่าวว่าปรับ สื่อไปออกทำไม ในเมื่อนายกฯยืนยันแล้วว่าไม่ปรับ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่ท่านนายกฯ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาขย่มเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลนี้แข็งแรง ขย่มไม่ได้ ขย่มก็ไม่ทรุด ขย่มยาก ตนยังยืนยันตลอด ถ้าไม่ทุจริตอยู่ครบ 4 ปี และอยู่ต่ออีก 4 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ก็ค้านยาว หรือที่เรียกว่าค้านซึม
เมื่อถามว่า วันนี้หลายโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ส่อว่าจะเกิดการทุจริตเกิดขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ให้ประชาธิปัตย์ เขาพูด ความเป็นจริงมีที่ไหน ที่มีคนออกมาบอกคดโกงที่นี่ ที่นั้น ก็บอกแล้วว่าให้เอาหลักฐานมา ถึงวันนี้ยังไม่มี ไม่ใช่ว่าแค่นั่งเฮลิคอปเตอร์ผ่าน จะรู้ทั้งหมดว่า ทุจริตเท่านั้น เท่านี้
**"ภูมิธรรม"ปัดบ้าน111 กดดันปรับครม.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงช่วงเวลาการปรับ ครม.ว่า ทุกอย่างขึ้นอยุู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีเงื่อนไขว่าจะเป็นก่อน หรือหลังฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เคารพในการตัดสินใจของนายกฯ พร้อมยืนยันว่า อดีตสมาชิกบ้านเลขที่111 ไม่เคยกดดันให้นายกฯปรับครม. เพราะทุกคนมีหน้าที่และภารกิจที่ได้รับมอบหมายอยู่แล้ว
ส่วนกรณีการมอบหมายให้ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย รักษาราชการแทน นายยงยุทธ ไปก่อนนั้น เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหา และสามารถทำงานได้ เนื่องจากมีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า จะให้นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทยต่อไปนั้น ควรไปถามนายกฯ
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ตนเองจะได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.มหาดไทย ก็ไม่อยากให้ไปคาดเดา เพราะจะเกิดปัญหา โดยตนจะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และยังไม่คิดเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม ยังกล่าวด้วยว่า ไม่ทราบกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย เนื่องจากต้องรอผลสำรวจความต้องการของคนกรุงเทพฯ ออกมาก่อน ถึงจะมีความชัดเจนเรื่องตัวผู้สมัคร ซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศ จะตรงตามสเปกที่วางไว้หรือไม่ ต้องดูความต้องการของประชาชน ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ทั้งนี้เห็นว่า บุคคลที่ถูกเสนอชื่อ ขณะนี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทุกคน อย่างไรก็ตาม ไม่เคยได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า สนับสนุนพล.ต.อ.พงศพัศ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
** "ผดุง"รอ"ปู"ชี้ให้นั่งปธ.คณะทำงานมท.
นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ว่า ตนจะมาเป็นประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย ว่า เป็นเพียงข่าว ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อให้มาเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาของ รมว.มหาดไทย ไม่ได้มีอำนาจในการเซ็นงานใดๆ และเมื่อวันนี้ นายยงยุทธ ลาออกจากรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทย ก็ต้องหมดหน้าที่ไปด้วย ส่วนจะกลับมาอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะสั่งการ แต่โดยส่วนตัวประเมินว่า นายกฯจะยังไม่มีการแต่งตั้งให้ใครมาทำหน้าที่ดังกล่าว ระหว่างนี้นายกฯ คงจะให้รมช.มหาดไทย รักษาการไประยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้งานกระทรวงมหาดไทย ระดับปลัดฯ และอธิบดี สามารถสานงานเดิมต่อไป เพราะว่ามหาดไทย มีกลไกที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการปรับครม. ก็เชื่อว่าจะยังไม่มีการปรับครม. นายกฯจะรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน และหากมีการปรับครม.จริง เชื่อว่าจะปรับหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ การปรับครม. ต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยเลยทีเดียว ไม่ใช่จะมาทูลเกล้าฯ กันบ่อยๆ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย หรือ นายโภคิน พลกุล สมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาเป็นรมว.มหาดไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. จะมาเป็นรมช.มหาดไทย ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ ทั้งหมดอยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจ และนายกฯคนนี้ก็เดาใจยาก ไม่เหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายผดุงกล่าวด้วยว่า วันนี้งานในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ใหญ่เหมือนในอดีต งานต่างๆ ถูกผ่องถ่ายไปให้กระทรวงอื่นเยอะแล้ว และรมว.มหาดไทย คนเดิมก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพียงแต่เจออุบัติเหตุ วันนี้กลไกการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ทุกอย่างดี ยกเว้นการประชาสัมพันธ์ที่ยังอ่อนอยู่ ดังนั้นคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย จะต้องเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนตรงนี้ด้วย เพื่อให้งานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเห็นว่า ไม่ควรทิ้งว่างไว้นาน
**"ชุมพล"คาดปรับครม.หลังซักฟอก
นายชุมพล ศิลปอาชา รองนากฯ และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการปรับครม. ว่า นายกฯให้สัมภาษณ์แล้วว่า เมื่อนายยงยุทธ ลาออกจากรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ก็สามารถตั้งรักษาการได้ คงยังไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง สำหรับงานในส่วนของรองนายกฯ ก็คงจะกระจายไปตามรองนายกฯ ต่างๆ ก็จบอยู่แค่นั้นก่อน ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา คงต้องรอนายกฯ ส่งสัญญาณมาก่อน ถ้าส่งสัญญาณมา เราก็จะได้ไปหารือในพรรค แต่เห็นว่า ทุกคนก็ทำงานดีอยู่แล้ว ทั้งหมด ก็อยู่ที่นายกฯ จะส่งสัญญาณมาเมื่อไร
เมื่อถามว่า การรักษาการควรจะใช้เวลานานแค่ไหน จะส่งผลเสียต่อการทำงานหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะระบบราชการ ตามกฎหมายก็ให้มีการรักษาการกันได้ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะวันที่ 1 ต.ค.ทุกส่วนราชการมีการรักษาการเกือบหมด ส่วนเวลารักษาการจะนานหรือไม่ ตนไม่ทราบ แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร จะกี่เดือนกี่วัน ก็ไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่า ยังไม่มีการปรับครม. ฝ่ายค้านออกมาขย่มตลอดเวลา จะมีปัญหาต่อการบริหารงานหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การปรับครม. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้าน ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลทำงานล้มเหลว ก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน เราก็รับฟังเอาไว้ เมื่อถามว่า หากมีการรักษาการนาน
อย่างไรก็ตาม จะปรับครม.ก่อนหรือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วแต่สถานการณ์ หากมีการยื่นอภิปรายสัปดาห์หน้า การปรับครม.ก็ต้องหลังจากนั้นแน่นอน เพราะการปรับครม. คงไม่สำเร็จในสัปดาห์เดียว เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนายังคงพอใจผลงานที่กำกับดูแลอยู่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การทำงานอย่าไปติดยึด ถ้าเหมาะก็เหมาะ ไม่เหมาะก็จบไป
**ล่าชื่อส.ส.ยื่นตีความ"ยงยุทธ"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ได้มีมติให้ส.ส.ของฝ่ายค้าน เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นส.ส. ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยคาดว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ครบ และยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ในวันนี้ (2ต.ค.) โดยมีเหตุผลทางข้อกฎหมายว่า เมื่อนายยงยุทธ ถูกไล่ออกจากราชการก็ต้องถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี และส.ส. รวมทั้งไม่เข้าข่ายการใช้พ.ร.บ.ล้างมลทิน แต่เมื่อนายยงยุทธ ยืนยันว่า จะอยู่ในตำแหน่งส.ส.ต่อไป ก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องคุณสมบัติความเป็นส.ส. และรัฐมนตรี มาตรา 102 (6 ) และมาตรา 174 (4)
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า ฝ่ายค้านดำเนินการเรื่องนี้เป็นเพียงเกมการเมือง รวมทั้งมีผู้ที่ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตีความแล้วนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องข้อกฎหมาย และผู้ที่ยื่นเรื่องให้กกต. ก็คือนายยงยุทธ ที่เป็นการยื่นเรื่องแก้เกี้ยวเท่านั้น รวมทั้งยังไม่มีใครทราบว่า นายยงยุทธ ได้ยื่นข้อมูลอะไรให้กกต. พิจารณา
ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านวิเคราะห์ด้วยว่าการที่นายยงุยทธ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นั้นเพราะต้องการตัดปัญหาให้พ้นจากตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชา ที่ปล่อยปละละเลย ให้คนที่ขาดคุณสมบัติมาทำหน้าที่
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วินิจฉัยว่า การนำที่ธรณีสงฆ์ ไปทำเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีการทุจริตนั้น ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ฝ่ายค้านมีมติว่า เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องนำที่ดินดังกล่าวกลับมาเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งฝ่ายค้านจะติดตามต่อให้เกิดความถูกต้อง และให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับมติของป.ป.ช. ด้วย
** ลั่นต้องคืน"อัลไพน์"กลับเป็นที่วัด
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคว่า พรรคมีมติเข้าชื่อส.ส.50 คน ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือ ความถูกต้องของกฎหมาย ที่ต้องส่งให้องค์กรตามกฎหมาย คือ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเป็นภาระสำคัญของคนที่ทำงานการเมือง เพราะการดำเนินการในฐานะสภานิติบัญญัติ ไม่ได้บีบให้นายยงยุทธ ลาออกหรือหมดคุณสมบัติ แต่ต้องการพิสูจน์ความถูกต้องว่า สิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) หรือ มติคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย ที่ให้คำแนะนำว่า นายยงยุทธ ไม่ขาดคุณสมบัติ และได้รับผลจากกฎหมายล้างมลทินไปแล้วนั้น จริงหรือไม่ และยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้เป็นการเล่นการเมือง
"หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายยงยุทธ ยังไม่ได้รับคุณจากกฎหมายล้างมลทิน ปี 2530 หรือ 2550 ก็ต้องถามกลับไปว่า นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกพ. หรือ นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมขณะนั้น จะตอบคำถาม และรับผิดชอบต่อสาธารณะอย่างไร เพราะการเร่งรีบวินิจฉัยก่อนให้องค์กรสูงสุดวินิจฉัย โดยมีจุดมุ่งประสงค์อย่างไร ก็พอจะอ่านออก"
นายถาวร กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ตนได้มีหนังสือ 8 ฉบับ ถึงปลัดกระทรวงทุกคน ว่าให้ใช้อำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองของนายยงยุทธ เพื่อให้เป็นไปตามที่ประชุมใหญ่คณะกรรมกรกฤษฎีกา ที่ได้วินิจฉัยแล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ไปแล้ว ซึ่งปลัดกระทรวงในขณะนั้นก็เพิกเฉยมาโดยตลอด ซึ่งตอนต่อไปตนจะนำที่ดินดังกล่าวมาเป็นของวัดให้ได้ โดยให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองที่สั่งค้างอยู่ให้ที่ดินกลับไปเป็นธรณีสงฆ์
ส่วนการชดเชยให้เอกชนนั้น รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ โดยต้องไล่เบี้ยกับคนที่ทำผิด อาทิ บริษัทที่รับซื้อรายแรก หรือ บริษัทที่ซื้อต่อ หากเป็นการซื้อที่ไม่สุจริต ส่วนการดำเนินการนั้นจะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายยงยุทธก่อน จากนั้นตนจะยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้มีคำสั่งทางปกครองว่า ให้ปลัดกระทรวงที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งของนายยงยุทธ ว่าอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น เพื่อให้กลับไปใช้คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินคนก่อน ที่ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ ทั้งนี้คนที่ต้องรับผิดชอบในเบื้องต้นคือ นายเสนาะ เทียนทอง ในฐานะ รมช.มหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดินในขณะนั้น ที่ไม่อนุญาตให้ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นของวัด ตั้งแต่จดทะเบียน ซึ่งมีการยึดมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งที่ มาตรา 84 ตามกฎหมายดังกล่าว บัญญัติเพื่อให้รัฐมนตรีมีส่วนอนุญาต หรือไม่อนุญาต ในการรับที่ดินมาเป็นของวัด ในกรณีที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด เนื่องจากที่ดินบางแปลงอาจมีภาระผูกพันเรื่องการซื้อขาย หรือการครอบครองปรปักษ์ หรือภาวะจำยอม ซึ่งจะทำให้วัดมีปัญหา หากรับที่ดินมา แต่ในกรณีที่ดินอัลไพน์นั้น ที่ดินเป็นของวัดโดยอัตโนมัติตามพินัยกรรม หลังจากนางเนื่อม ชํานาญชาติศักดา เสียชีวิต
" การยกเอามาตรา 84 มาอ้างจึงเป็นเจตนาที่ไม่เข้าใจกฎหมาย หรือตั้งใจขายที่ดินวัดให้นักธุรกิจแสวงหาผลประโยชน์ เพราะวัดได้เงินจากการขายที่ดิน 140 ล้านบาท หลังจากนั้นก็มีการจำนองในวงเงิน 290 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีผลประโยชน์อะไรอยู่ ทั้งนี้จะต้องมีการพิสูจน์ในศาลว่า ใครต้องรับผิดชอบบ้าง ส่วนคดีความจะขาดอายุความหรือไม่ต้องดูเป็นรายบุคคลไป อย่างไรก็ตาม คนที่ซื้อที่ดินดังกล่าวที่มีการแบ่งขายประมาณ 200 ราย ที่ซื้อโดยสุจริต จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย" นายถาวร กล่าว
** ไม่ยืนยันปัญหาอัลไพน์จบแบบไหน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังเข้าทำงานวันแรก ถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินอัลไพน์ ว่า ไม่มีข้อกังวลใจ แต่ต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย และความสนใจของประชาชน โดยจะดำเนินการไปตามกระบวนการ
" คิดว่าผู้ที่ดูแลเหนือจากตนก็ยังมี ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงเป็นเหมือนแม่บ้าน เราจะดูในส่วนของระเบียบ กฎหมาย และข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอให้ผู้บริหารตัดสินใจ" นายวิบูลย์ กล่าว
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึง การแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า เรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือการโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนระดับจังหวัด โดยในขั้นนี้จะต้องมีการเสนอครม.ให้พิจารณาต่อไป ส่วนตำแหน่งผวจ. และตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่ว่าง คงต้องมีการคัดสรรตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับตำแหน่ง ผวจ. ที่ว่าง เชื่อว่า ครม.คงไม่นิ่งนอนใจ โดยจะดำเนินการตามกระบวนการด้วยความรวดเร็ว
" ผมได้รับคำสั่งว่า แม้บางตำแหน่งจะมีผู้รักษาราชการแทน หรือผู้ปฏิบัติราชการแทน แต่รัฐบาลเห็นว่า ตำแหน่งผู้ว่าฯ เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด" นายวิบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยวันแรกของนายวิบูลย์ มีทั้งรองปลัดกระทรวง-อธิบดี และข้าราชการระดับสูง มาร่วมต้อนรับจำนวนมาก โดยเมื่อเดินทางไปถึง นายวิบูลย์ ได้เข้าสักการระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ทั้ง ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี และอนุสาวรีย์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
" นายกฯยืนยันแล้วว่ายังไม่ปรับครม. ไอ้พวกที่ไปออกข่าวว่าปรับ สื่อไปออกทำไม ในเมื่อนายกฯยืนยันแล้วว่าไม่ปรับ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่ท่านนายกฯ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาขย่มเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลนี้แข็งแรง ขย่มไม่ได้ ขย่มก็ไม่ทรุด ขย่มยาก ตนยังยืนยันตลอด ถ้าไม่ทุจริตอยู่ครบ 4 ปี และอยู่ต่ออีก 4 ปี พรรคประชาธิปัตย์ ก็ค้านยาว หรือที่เรียกว่าค้านซึม
เมื่อถามว่า วันนี้หลายโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ส่อว่าจะเกิดการทุจริตเกิดขึ้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ให้ประชาธิปัตย์ เขาพูด ความเป็นจริงมีที่ไหน ที่มีคนออกมาบอกคดโกงที่นี่ ที่นั้น ก็บอกแล้วว่าให้เอาหลักฐานมา ถึงวันนี้ยังไม่มี ไม่ใช่ว่าแค่นั่งเฮลิคอปเตอร์ผ่าน จะรู้ทั้งหมดว่า ทุจริตเท่านั้น เท่านี้
**"ภูมิธรรม"ปัดบ้าน111 กดดันปรับครม.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงช่วงเวลาการปรับ ครม.ว่า ทุกอย่างขึ้นอยุู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้มีเงื่อนไขว่าจะเป็นก่อน หรือหลังฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เคารพในการตัดสินใจของนายกฯ พร้อมยืนยันว่า อดีตสมาชิกบ้านเลขที่111 ไม่เคยกดดันให้นายกฯปรับครม. เพราะทุกคนมีหน้าที่และภารกิจที่ได้รับมอบหมายอยู่แล้ว
ส่วนกรณีการมอบหมายให้ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย รักษาราชการแทน นายยงยุทธ ไปก่อนนั้น เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหา และสามารถทำงานได้ เนื่องจากมีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า จะให้นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทยต่อไปนั้น ควรไปถามนายกฯ
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ตนเองจะได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.มหาดไทย ก็ไม่อยากให้ไปคาดเดา เพราะจะเกิดปัญหา โดยตนจะทำหน้าที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และยังไม่คิดเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี
นายภูมิธรรม ยังกล่าวด้วยว่า ไม่ทราบกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย เนื่องจากต้องรอผลสำรวจความต้องการของคนกรุงเทพฯ ออกมาก่อน ถึงจะมีความชัดเจนเรื่องตัวผู้สมัคร ซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศ จะตรงตามสเปกที่วางไว้หรือไม่ ต้องดูความต้องการของประชาชน ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ทั้งนี้เห็นว่า บุคคลที่ถูกเสนอชื่อ ขณะนี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทุกคน อย่างไรก็ตาม ไม่เคยได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า สนับสนุนพล.ต.อ.พงศพัศ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
** "ผดุง"รอ"ปู"ชี้ให้นั่งปธ.คณะทำงานมท.
นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ว่า ตนจะมาเป็นประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย ว่า เป็นเพียงข่าว ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อให้มาเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาของ รมว.มหาดไทย ไม่ได้มีอำนาจในการเซ็นงานใดๆ และเมื่อวันนี้ นายยงยุทธ ลาออกจากรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทย ก็ต้องหมดหน้าที่ไปด้วย ส่วนจะกลับมาอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะสั่งการ แต่โดยส่วนตัวประเมินว่า นายกฯจะยังไม่มีการแต่งตั้งให้ใครมาทำหน้าที่ดังกล่าว ระหว่างนี้นายกฯ คงจะให้รมช.มหาดไทย รักษาการไประยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้งานกระทรวงมหาดไทย ระดับปลัดฯ และอธิบดี สามารถสานงานเดิมต่อไป เพราะว่ามหาดไทย มีกลไกที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการปรับครม. ก็เชื่อว่าจะยังไม่มีการปรับครม. นายกฯจะรอดูสถานการณ์ โดยเฉพาะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน และหากมีการปรับครม.จริง เชื่อว่าจะปรับหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ การปรับครม. ต้องดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยเลยทีเดียว ไม่ใช่จะมาทูลเกล้าฯ กันบ่อยๆ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย หรือ นายโภคิน พลกุล สมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาเป็นรมว.มหาดไทย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. จะมาเป็นรมช.มหาดไทย ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ ทั้งหมดอยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจ และนายกฯคนนี้ก็เดาใจยาก ไม่เหมือนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายผดุงกล่าวด้วยว่า วันนี้งานในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ใหญ่เหมือนในอดีต งานต่างๆ ถูกผ่องถ่ายไปให้กระทรวงอื่นเยอะแล้ว และรมว.มหาดไทย คนเดิมก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพียงแต่เจออุบัติเหตุ วันนี้กลไกการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ทุกอย่างดี ยกเว้นการประชาสัมพันธ์ที่ยังอ่อนอยู่ ดังนั้นคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย จะต้องเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนตรงนี้ด้วย เพื่อให้งานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเห็นว่า ไม่ควรทิ้งว่างไว้นาน
**"ชุมพล"คาดปรับครม.หลังซักฟอก
นายชุมพล ศิลปอาชา รองนากฯ และรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการปรับครม. ว่า นายกฯให้สัมภาษณ์แล้วว่า เมื่อนายยงยุทธ ลาออกจากรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ก็สามารถตั้งรักษาการได้ คงยังไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลง สำหรับงานในส่วนของรองนายกฯ ก็คงจะกระจายไปตามรองนายกฯ ต่างๆ ก็จบอยู่แค่นั้นก่อน ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา คงต้องรอนายกฯ ส่งสัญญาณมาก่อน ถ้าส่งสัญญาณมา เราก็จะได้ไปหารือในพรรค แต่เห็นว่า ทุกคนก็ทำงานดีอยู่แล้ว ทั้งหมด ก็อยู่ที่นายกฯ จะส่งสัญญาณมาเมื่อไร
เมื่อถามว่า การรักษาการควรจะใช้เวลานานแค่ไหน จะส่งผลเสียต่อการทำงานหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะระบบราชการ ตามกฎหมายก็ให้มีการรักษาการกันได้ เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะวันที่ 1 ต.ค.ทุกส่วนราชการมีการรักษาการเกือบหมด ส่วนเวลารักษาการจะนานหรือไม่ ตนไม่ทราบ แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร จะกี่เดือนกี่วัน ก็ไม่น่ามีปัญหา
เมื่อถามว่า ยังไม่มีการปรับครม. ฝ่ายค้านออกมาขย่มตลอดเวลา จะมีปัญหาต่อการบริหารงานหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การปรับครม. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้าน ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลทำงานล้มเหลว ก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน เราก็รับฟังเอาไว้ เมื่อถามว่า หากมีการรักษาการนาน
อย่างไรก็ตาม จะปรับครม.ก่อนหรือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วแต่สถานการณ์ หากมีการยื่นอภิปรายสัปดาห์หน้า การปรับครม.ก็ต้องหลังจากนั้นแน่นอน เพราะการปรับครม. คงไม่สำเร็จในสัปดาห์เดียว เมื่อถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนายังคงพอใจผลงานที่กำกับดูแลอยู่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การทำงานอย่าไปติดยึด ถ้าเหมาะก็เหมาะ ไม่เหมาะก็จบไป
**ล่าชื่อส.ส.ยื่นตีความ"ยงยุทธ"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ได้มีมติให้ส.ส.ของฝ่ายค้าน เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นส.ส. ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยคาดว่าจะรวบรวมรายชื่อได้ครบ และยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ในวันนี้ (2ต.ค.) โดยมีเหตุผลทางข้อกฎหมายว่า เมื่อนายยงยุทธ ถูกไล่ออกจากราชการก็ต้องถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี และส.ส. รวมทั้งไม่เข้าข่ายการใช้พ.ร.บ.ล้างมลทิน แต่เมื่อนายยงยุทธ ยืนยันว่า จะอยู่ในตำแหน่งส.ส.ต่อไป ก็ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องคุณสมบัติความเป็นส.ส. และรัฐมนตรี มาตรา 102 (6 ) และมาตรา 174 (4)
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า ฝ่ายค้านดำเนินการเรื่องนี้เป็นเพียงเกมการเมือง รวมทั้งมีผู้ที่ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตีความแล้วนั้น ขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องข้อกฎหมาย และผู้ที่ยื่นเรื่องให้กกต. ก็คือนายยงยุทธ ที่เป็นการยื่นเรื่องแก้เกี้ยวเท่านั้น รวมทั้งยังไม่มีใครทราบว่า นายยงยุทธ ได้ยื่นข้อมูลอะไรให้กกต. พิจารณา
ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านวิเคราะห์ด้วยว่าการที่นายยงุยทธ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นั้นเพราะต้องการตัดปัญหาให้พ้นจากตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชา ที่ปล่อยปละละเลย ให้คนที่ขาดคุณสมบัติมาทำหน้าที่
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วินิจฉัยว่า การนำที่ธรณีสงฆ์ ไปทำเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีการทุจริตนั้น ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่า ฝ่ายค้านมีมติว่า เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องนำที่ดินดังกล่าวกลับมาเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งฝ่ายค้านจะติดตามต่อให้เกิดความถูกต้อง และให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับมติของป.ป.ช. ด้วย
** ลั่นต้องคืน"อัลไพน์"กลับเป็นที่วัด
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคว่า พรรคมีมติเข้าชื่อส.ส.50 คน ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้คือ ความถูกต้องของกฎหมาย ที่ต้องส่งให้องค์กรตามกฎหมาย คือ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเป็นภาระสำคัญของคนที่ทำงานการเมือง เพราะการดำเนินการในฐานะสภานิติบัญญัติ ไม่ได้บีบให้นายยงยุทธ ลาออกหรือหมดคุณสมบัติ แต่ต้องการพิสูจน์ความถูกต้องว่า สิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) หรือ มติคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงมหาดไทย ที่ให้คำแนะนำว่า นายยงยุทธ ไม่ขาดคุณสมบัติ และได้รับผลจากกฎหมายล้างมลทินไปแล้วนั้น จริงหรือไม่ และยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้เป็นการเล่นการเมือง
"หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายยงยุทธ ยังไม่ได้รับคุณจากกฎหมายล้างมลทิน ปี 2530 หรือ 2550 ก็ต้องถามกลับไปว่า นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกพ. หรือ นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ทำหน้าที่ประธานในการประชุมขณะนั้น จะตอบคำถาม และรับผิดชอบต่อสาธารณะอย่างไร เพราะการเร่งรีบวินิจฉัยก่อนให้องค์กรสูงสุดวินิจฉัย โดยมีจุดมุ่งประสงค์อย่างไร ก็พอจะอ่านออก"
นายถาวร กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ตนได้มีหนังสือ 8 ฉบับ ถึงปลัดกระทรวงทุกคน ว่าให้ใช้อำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองของนายยงยุทธ เพื่อให้เป็นไปตามที่ประชุมใหญ่คณะกรรมกรกฤษฎีกา ที่ได้วินิจฉัยแล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ไปแล้ว ซึ่งปลัดกระทรวงในขณะนั้นก็เพิกเฉยมาโดยตลอด ซึ่งตอนต่อไปตนจะนำที่ดินดังกล่าวมาเป็นของวัดให้ได้ โดยให้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองที่สั่งค้างอยู่ให้ที่ดินกลับไปเป็นธรณีสงฆ์
ส่วนการชดเชยให้เอกชนนั้น รัฐบาลไม่ต้องรับผิดชอบ โดยต้องไล่เบี้ยกับคนที่ทำผิด อาทิ บริษัทที่รับซื้อรายแรก หรือ บริษัทที่ซื้อต่อ หากเป็นการซื้อที่ไม่สุจริต ส่วนการดำเนินการนั้นจะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายยงยุทธก่อน จากนั้นตนจะยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้มีคำสั่งทางปกครองว่า ให้ปลัดกระทรวงที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันไปเปลี่ยนแปลงคำสั่งของนายยงยุทธ ว่าอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น เพื่อให้กลับไปใช้คำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินคนก่อน ที่ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ ทั้งนี้คนที่ต้องรับผิดชอบในเบื้องต้นคือ นายเสนาะ เทียนทอง ในฐานะ รมช.มหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดินในขณะนั้น ที่ไม่อนุญาตให้ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นของวัด ตั้งแต่จดทะเบียน ซึ่งมีการยึดมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งที่ มาตรา 84 ตามกฎหมายดังกล่าว บัญญัติเพื่อให้รัฐมนตรีมีส่วนอนุญาต หรือไม่อนุญาต ในการรับที่ดินมาเป็นของวัด ในกรณีที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด เนื่องจากที่ดินบางแปลงอาจมีภาระผูกพันเรื่องการซื้อขาย หรือการครอบครองปรปักษ์ หรือภาวะจำยอม ซึ่งจะทำให้วัดมีปัญหา หากรับที่ดินมา แต่ในกรณีที่ดินอัลไพน์นั้น ที่ดินเป็นของวัดโดยอัตโนมัติตามพินัยกรรม หลังจากนางเนื่อม ชํานาญชาติศักดา เสียชีวิต
" การยกเอามาตรา 84 มาอ้างจึงเป็นเจตนาที่ไม่เข้าใจกฎหมาย หรือตั้งใจขายที่ดินวัดให้นักธุรกิจแสวงหาผลประโยชน์ เพราะวัดได้เงินจากการขายที่ดิน 140 ล้านบาท หลังจากนั้นก็มีการจำนองในวงเงิน 290 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีผลประโยชน์อะไรอยู่ ทั้งนี้จะต้องมีการพิสูจน์ในศาลว่า ใครต้องรับผิดชอบบ้าง ส่วนคดีความจะขาดอายุความหรือไม่ต้องดูเป็นรายบุคคลไป อย่างไรก็ตาม คนที่ซื้อที่ดินดังกล่าวที่มีการแบ่งขายประมาณ 200 ราย ที่ซื้อโดยสุจริต จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย" นายถาวร กล่าว
** ไม่ยืนยันปัญหาอัลไพน์จบแบบไหน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังเข้าทำงานวันแรก ถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินอัลไพน์ ว่า ไม่มีข้อกังวลใจ แต่ต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย และความสนใจของประชาชน โดยจะดำเนินการไปตามกระบวนการ
" คิดว่าผู้ที่ดูแลเหนือจากตนก็ยังมี ปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงเป็นเหมือนแม่บ้าน เราจะดูในส่วนของระเบียบ กฎหมาย และข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอให้ผู้บริหารตัดสินใจ" นายวิบูลย์ กล่าว
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึง การแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ว่า เรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือการโยกย้ายสลับสับเปลี่ยนระดับจังหวัด โดยในขั้นนี้จะต้องมีการเสนอครม.ให้พิจารณาต่อไป ส่วนตำแหน่งผวจ. และตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่ว่าง คงต้องมีการคัดสรรตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับตำแหน่ง ผวจ. ที่ว่าง เชื่อว่า ครม.คงไม่นิ่งนอนใจ โดยจะดำเนินการตามกระบวนการด้วยความรวดเร็ว
" ผมได้รับคำสั่งว่า แม้บางตำแหน่งจะมีผู้รักษาราชการแทน หรือผู้ปฏิบัติราชการแทน แต่รัฐบาลเห็นว่า ตำแหน่งผู้ว่าฯ เป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด" นายวิบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าทำงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยวันแรกของนายวิบูลย์ มีทั้งรองปลัดกระทรวง-อธิบดี และข้าราชการระดับสูง มาร่วมต้อนรับจำนวนมาก โดยเมื่อเดินทางไปถึง นายวิบูลย์ ได้เข้าสักการระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ทั้ง ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬไชยศรี และอนุสาวรีย์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ