xs
xsm
sm
md
lg

แฉยุทธการ“ซื้อ-ฆ่า-คุก”-ปิดปาก"สนธิ"-ล้ม ม.112 สลายคนรักสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ว.คำนูณ เผยยุทธการ “ซื้อ-ฆ่า-คุก” ปิดปาก “สนธิ ลิ้มทองกุล” หวังล้มมาตรา 112 สลายกลุ่มคนรักสถาบัน ชี้ “สนธิ-พันธมิตรฯ” ไม่กลัวติดคุก แต่หากคนที่จงรักภักดีและต่อสู้แทบถวายชีวิตเพื่อปกป้องสถาบันยังมีจุดจบในคุก ก็ยากที่จะมีใครออกมาลุกขึ้นสู้กับความไม่ถูกต้องอีก

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ระหว่างร่วมสนทนากันในประเด็นเรื่อง ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หยิบยกคำปราศรัย “ดา ตอร์ปิโด” นางดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ขึ้นพูดบนเวทีพันธมิตรฯ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุม โดยให้เห็นผลว่า เนื่องจากไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง

ตอนหนึ่ง ระบุว่า ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าใครจะรักหรือใครจะเกลียดนายสนธิ แต่ก็เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า นายสนธิ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นผู้ที่สามารถระดมมวลชนได้มากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทยในยุคนี้ แม้กระทั่งในยุคปัจจุบันที่มีคนดูแคลนว่ากลุ่มพันธมิตรฯ อยู่ในช่วงขาลง

นายคำนูณกล่าวต่อว่า ด้วยแนวทางการต่อสู้เพี่อความถูกต้องในสังคม และอิทธิพลของนายสนธิที่มีต่อมวลชนในระดับสูง ฝ่ายตรงข้ามจึงต้องการจัดการกับนายสนธิ ซึ่งฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายที่ชังกลุ่มพันธมิตรฯ อาจไม่ได้มีแค่ระบอบทักษิณเพียงฝ่ายเดียว แต่อาจรวมถึงคนที่อยู่ในอำนาจในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมามีอยู่ 3 วิธี

“วิธีการที่เขาจะจัดการ ขั้นแรกก็คือ ‘ซื้อ’ ซึ่งปรากฏแล้วว่าคุณสนธิซื้อไม่ได้ แม้ว่าจะมีความพยายามซื้อ ทั้งทางตรง และทางอ้อม ด้วยเงินก้อนโตนะครับ เมื่อซื้อไม่ได้ทำไงครับ ‘ฆ่า’ ครับ เหตุการณ์วันที่ 17 เมษายน 2552 ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการรุมสังหารคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กลางเมือง ขณะที่เพิ่งเสร็จหมาดๆ จากการจลาจล ทหาร-ตำรวจควรจะอยู่เต็มไปหมด เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

“เมื่อฆ่าแล้วยังไม่ตายทำยังไงครับ ก็เอามัน ‘ติดคุก’ ให้ได้ ส่วนเมื่อติดคุกแล้วจะไปฆ่าในคุกหรือยังไง ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะเมื่อติดคุกแล้วก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุ มีผู้ต้องขังที่เกิดเกลียดชัง เกิดอารมณ์ชั่ววูบ เกลียดคุณสนธิวิ่งเข้าไปทำร้ายคุณสนธิก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าติดคุกไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้น?” นายคำนูณตั้งคำถาม

จากนั้นนายคำนูณ จึงกล่าวต่อว่า กระบวนการทำให้นายสนธิติดคุกจึงมีกระบวนการมากมาย ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่านายสนธิจะรอดพ้นจากคดีความ เพราะคดีหมิ่นประมาทส่วนหนึ่งก็จ่ออยู่ที่การพิจารณาของศาลฎีกาหลายคดี ซึ่งหลายคดีนั้นศาลอุทธรณ์ก็ไม่ได้รอลงอาญา

นายคำนูณระบุ และว่า ถ้าหากว่าคดีอย่างหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ไม่น่าจะเป็นคดี ซึ่งศาลอาญาเพิ่งยกฟ้องไปวานนี้สามารถทำให้นายสนธิติดคุกได้ก็เหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากนายสนธิถูกลงโทษพิพากษาให้ติดคุก นายสนธิก็พร้อม แต่คดีที่จะทำให้นายสนธิติดคุกจะไม่มีคดีใดที่จะสร้างความเจ็บปวดเท่ากับคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ในสถานการณ์ที่มีการรณรงค์ให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หากนายสนธิ ต้องโทษจำคุกเพราะกฎหมายมาตรานี้ทั้งๆ ที่เป็นที่ปรากฏชัดว่านายสนธิปกป้องสถาบันมาตลอด ต้องถามต่อว่าจะทำให้คนที่รักสถาบันคนอื่นๆ ปรับเปลี่ยนท่าทีของตนเองหรือไม่ เพราะเกรงกลัวว่าจะมีการกลั่นแกล้งตนเองโดยใช้วิธีการเดียวกัน

“ถ้าคนที่รักสถาบันอย่างคุณสนธิ ต้องติดคุกเพราะคดีนี้ คนที่รักสถาบันคนอื่นจะรู้สึกยังไงครับ จะปรับพฤติกรรมในการรักสถาบันใหม่หรือไม่ รักอยู่แต่ในใจ รักแล้วไม่ต้องพูด รักแล้วก็เข้าห้องพระ จุดธูปเทียน กราบไหว้ ไม่ต้องออกมา แต่ขณะคนที่เขาไม่รัก เขาพูดเปิดเผย ในเว็บไซต์ ในหนังสือใต้ดินต่างๆ แล้วก็พูดจาฉวัดเฉวียน เลียบค่าย ส่อนัยยะให้เข้าใจได้อย่างนั้น แต่คนที่รักและจงรักภักดี ต้องการที่จะต่อสู้เพื่อพิทักษ์ปกป้องพระองค์ท่าน ก็จะมีความรู้สึกว่า เราเป็นใคร สนธิ ลิ้มทองกุล ทุ่มเท เสียสละ เอาเงินทอง แทบจะเอาชีวิตเข้าแลก แล้วผลสุดท้ายคืออะไร คุก ตะราง?” นายคำนูณย้ำและว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีความหมายอย่างยิ่ง

กรณีนายสนธิในคดีนี้จริงๆ แล้วน่าจะถูกชี้ว่าไม่มีมูลไปตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนและอัยการแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำคนเสื้อแดง เมื่อครั้งไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟซีซีที) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการใช้เวลาในการแปลเอกสารนานถึง 3 ปี ขณะที่พวกตนเคยให้คนแปลกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน

“แล้วเมื่ออ่านโดยนัยยะ โดยความหมาย พูดแบบไม่ได้มีอคตินะครับ เจตนานั้นชัดเจน ต้องเข้าใจว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ประมวลกฎหมายอาญาทุกมาตรา การที่รัฐจะไปลงทัณฑ์หรือลงโทษทางอาญากับราษฎรผู้ใด เขาถือสูงสุดเลยคือเจตนา เจตนาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเจตนาของคุณสนธิที่พูดในกรณีนี้ก็คือต้องการให้เจ้าหน้าที่ไปจัดการกับดา ตอร์ปิโด ตรงข้ามกับกรณีของนายจักรภพที่เจตนาชัดเจน แต่อัยการกลับสั่งไม่ฟ้อง” นายคำนูณกล่าวเปรียบเทียบและระบุว่า คำตัดสินวานนี้ศาลยุติธรรมถือว่ายังเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับสังคมได้อยู่ ทว่า คดีดังกล่าวยังไม่จบและยุทธการ “ซื้อ-ฆ่า-คุก” หรือ “ซื้อ-ฆ่า-ขัง” นายสนธิก็จะยังคงดำเนินต่อไปอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น