“ประพันธ์” ชี้ศาลยกฟ้อง “สนธิ” คดีแฉคำปราศรัย “ดา ตอร์ปิโด” สะท้อนให้เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ใช่ตัวปัญหา เพราะศาลดูที่เจตนา ส่วนการใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งมันอยู่ที่สันดานคน “คำนูณ” ระบุยุทธศาสตร์ ซื้อ ฆ่า ขัง “สนธิ” มีอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าต้องถูกจำคุกเพราะคดีนี้จะทำให้เจ้าตัวเจ็บปวดใจที่สุด
วันที่ 26 ก.ย. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ
นายประพันธ์กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลอาญาวันนี้อยู่บนบรรทัดฐานที่ศาลเคยวินิจฉัยมาแต่เดิม มีหลายคดีที่ผู้ต้องหาอาจดูหมิ่นเหม่ส่อไปในทางหมิ่นเบื้องสูง แต่เมื่อดูข้อเท็จจริงไม่เข้าข่าย ศาลก็ยกฟ้อง แต่ความจริงแล้วคดีของนายสนธิ แปลกประหลาดตั้งแต่ขั้นดำเนินคดีแล้ว เพราะพนักงานสอบสวนและอัยการ ดูเจตนารมณ์ของผู้พูด ก็รู้ได้ว่าจงรักภักดี แต่อาจจะเพราะต้องการให้ทุกฝ่ายหยุดพูดถึงสถาบัน เลยสั่งดำเนินคดีโดยไม่ได้ดูที่เจตนารมณ์ หรือไม่ก็ต้องการเอาคดีนี้ผสมโรงไปกับฝ่ายที่ต้องการแก้มาตรา 112 ให้เห็นว่ามาตรานี้มีปัญหา
ประเด็นที่สอง มีขบวนการที่อยากดำเนินคดีต่อนายสนธิอยู่ตลอด เพราะหากพนักงานสอบสวนกับอัยการเห็นว่าการหมิ่นฯ เป็นเรื่องใหญ่จริง คงไม่ปล่อยให้ดา ตอร์ปิโด หรือคนอื่นๆ ที่หลบหนีคดีไปปราศรัยโจมตีเป็นเดือนๆ และปล่อยให้มีการจาบจ้วงตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย อีกทั้งก่อนที่อัยการจะส่งฟ้อง นายสนธิได้ทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด และได้ทำเรื่องถวายฎีกาผ่านทางสำนักราชเลขาธิการว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่พนักงานอัยการก็ไม่รอหนังสือตอบรับจากสำนักราชเลขาธิการ กลับรีบสั่งฟ้องเลย ดูแล้วมีเจตนาจะให้นายสนธิโดนโทษจำคุกให้ได้
แต่ก็ต้องขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม วินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา และคาดว่าอัยการคงอุทธรณ์ ซึ่งเราก็ต้องสู้ต่อไป และจากคำพิพากษานี้เห็นได้ว่ามาตรา 112 ไม่ได้เป็นตัวปัญหา แต่ใครจะใช้เพื่อกลั่นแกล้งคนอื่นมันขึ้นกับสันดานคน ไม่ใช่ตัวกฎหมาย
นายคำนูณกล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ เนื่องจาก 4-5 ปีมานี้ พิสูจน์ให้เห็นว่านายสนธิเป็นคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ แล้วไม่ว่าใครจะเกลียดหรือชอบ ก็ต้องยอมรับว่าจนถึงทุกวันนี้ นายสนธิก็ยังเป็นคนที่สามารถระดมคนให้ออกมาชุมนุมได้จำนวนมาก ยุทธศาสตร์ ซื้อ ฆ่า ขังนายสนธิมีอยู่ตลอดเวลา ขบวนการเอาติดคุกจึงมีร้อยแปด แล้วใช่ว่าจะรอด ท้ายที่สุดอาจจะโดนสักดอกสองดอก หลังๆ มีคดีที่ศาลไม่รอลงอาญา แล้วยังมีคดีหมิ่นประมาทรออยู่อีกเพียบ คดีจากสมัยที่ทำธุรกิจศาลชั้นต้นก็ตัดสินไปแล้วให้จำคุก 20 ปี ซึ่งถ้าคดีหมิ่นเบื้องสูงนี้ทำให้นายสนธิติดคุกได้ คงเป็นสิ่งที่ทำให้เจ็บปวดใจที่สุด อีกทั้งยังเหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีคนต้องการให้ยกเลิกมาตรา 112 หากนายสนธิถูกจำคุกจะถูกนำไปเชื่อมโยงว่ากฎหมายมาตรานี้มีปัญหาเพราะไม่ว่าจะเจตนาอย่างไรโดนหมด ที่สำคัญต่อไปคนที่รักสถาบันฯ ทำได้แต่รักอยู่ในใจ แต่ในขณะที่คนไม่รักพูดกันอย่างเปิดเผย
นายคำนูณกล่าวต่อว่า ตนชัดเจนเรื่องแก้มาตรา 112 เป็นสิ่งที่พูดคุยกันได้ เพราะแต่เดิมโทษไม่ได้หนักขนาดนี้ ผู้ใหญ่หลายคนก็เห็นว่าเรื่องโทษนั้นหารือกันได้ แต่ถ้าจะยกเลิกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หรือที่กล่าวว่ามาตรานี้กลายเป็นเครื่องมือใช้กลั่นแกล้งทางการเมือง ซึ่งถ้าทุกฝ่ายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน ใช้ด้วยความรอบคอบ จะไม่เกิดเป็นประเด็นขึ้นมา
