ส.ว.สรรหาเบิกความยัน “สนธิ” ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงหรือเข้าข่ายกระทำผิดตาม ม.112 แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเร่งดำเนินคดีผู้ที่พูดจาบจ้วงสถาบัน หลังเบิกความเสร็จสิ้นศาลนัดฟังคำพิพากษา 26 ก.ย.นี้
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานคดีหมายเลขดำ อ.2066/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ หรือพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2551 จำเลยนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือดา ตอร์ปิโด จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 18 ปี ที่พูดบนเวทีปราศรัยบริเวณสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2551 มาเผยแพร่ซ้ำที่ปราศรัยบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์
วันนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ นำพยานเข้าเบิกความรวม 3 ปาก ซึ่งนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.สรรหา เบิกความสรุปว่า การพูดของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้มีเจตนากระทำผิดตามมาตรา 112 แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 112 ซึ่ง น.ส.ดารณีพูดจาจาบจ้วงและพาดพิงสถาบันเบื้องสูงหลายครั้ง เป็นความผิดซึ่งหน้า หากไม่มีใครจับกุม และถ้าปล่อยให้พูดอยู่เช่นนั้น ก็เท่ากับว่ากฎหมายบ้านเมืองเป็นหมัน
นายคำนูณกล่าวต่อว่า ภายหลังนายสนธิถูกพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตนเองเป็นคนที่ใช้ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาประกันตัวให้นายสนธิ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งนี้ เมื่อปี 2548-2549 พบข้อความการหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง ปรากฏอยู่ตามเว็บไซด์จำนวนมาก ซึ่งนายสนธิก็ได้พูดในการจัดรายการทางโทรทัศน์รวมทั้งพูดบนเวทีการปราศรัยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการอย่างจริงจัง
ต่อมา นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ บิดา น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ เบิกความเป็นพยานสรุปว่า ครอบครัวได้เข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะมีความรักต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐธรรมนูญ และความถูกต้อง ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภา น.ส.อังคณา ลูกสาวคนโตถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตาเข้าที่ลำตัวบริเวณสีข้างเสียชีวิตที่ รพ.รามาธิบดี ขณะที่ภรรยาของตนเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นิ้วเท้าขาด และมีบาดแผลที่ขาทั้งสองข้าง รับรักษาที่ รพ.ศิริราช โดยสมเด็จพระราชินีทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ด้าน ดร.อนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์ ขึ้นเบิกความเป็นปากสุดท้ายว่า ได้อ่านเนื้อหาถอดเทปคำปราศรัยของนายสนธิแล้ว วิเคราะห์ได้ชัดเจนว่าผู้พูดมีเจตนาที่จะถ่ายทอดคำพูดของ น.ส.ดารณี เพื่อสื่อให้ประชาชนเห็นว่า น.ส.ดารณีมีพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง อันเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ไม่ใช่ลักษณะของนำข้อความดังกล่าวมาพูดโดยตรง แต่เป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดข้อเท็จจริงที่ผู้พูดรับรู้มา เพื่อให้ผู้ฟังทราบเนื้อหาสาระของบุคคล ทั้งนี้ ภายหลังสืบพยานเสร็จ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 26 ก.ย.เวลา 09.00 น.