xs
xsm
sm
md
lg

สมอง “ประยุทธ์” สั่งการช้าหรือแก้เกี้ยวหลังถูกหยามกว่า 3 เดือน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

ถ้านับเอาวันที่ 19 สิงหาคมที่ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาแถลงชี้แจงกรณีที่ได้มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญไปแจ้งความดำเนินคดีกับวันเวลาที่ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ให้สัมภาษณ์โจมตีให้ร้ายกองทัพก็ผ่านไป 3 เดือนเต็มพอดี ถ้าเป็นอาหารก็ย่อยสลายเป็นของเสีย กลายเป็นปุ๋ยเรียบร้อยแล้ว

วันที่อดีตทนายความของทักษิณ ชินวัตร ที่ชื่อ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม คนนี้ได้ปราศรัยกับคนเสื้อแดงผ่านล่ามและถ่ายทอดผ่านทีวีเครือข่ายกันเองเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม โจมตีกองทัพ อย่างที่เคยรับรู้กันนั่นแหละ โดยเฉพาะการกล่าวหาว่า ทหารเข่นฆ่าประชาชน (คนเสื้อแดง) ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

แล้วก็ตามฟอร์ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ออกมาโล้งเล้ง พูดจาแสดงท่าทางถมึงทึงเอาจริงเอาจัง ทำเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำนองว่ามาดูหมิ่นกองทัพอย่างนี้ได้อย่างไร ต่อไปแล้วใครจะออกมาช่วยเหลือบ้านเมือง แต่ขอโทษ ทำไมไม่โกรธ “ฝรั่งหัวดำ” คนนี้ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว หรืออย่างน้อยให้ผ่านมาสักวันสองวันก็ยังดี ไปแจ้งความให้ลากคอมาดำเนินคดีแบบคาหนังคาเขา ทำไมความรู้สึกช้านัก(วะ)

ขณะเดียวกัน การที่ออกมาทำท่าทางขึงขังเอาช่วงเวลาแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องถูกมองว่าเป็นการ “แก้เกี้ยว” ได้เหมือนกัน เพราะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นแล้วตัวเองมีโอกาสถูกลากโยงเข้าไปในคดี “ฆ่าเสื้อแดง 98 ศพ” ที่เครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่มีทั้งรัฐบาล รัฐตำรวจที่มีรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นโต้โผใหญ่ และมี กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ภายใต้การนำของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่เวลานี้ “คิดใหม่ ทำใหม่” เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะแค่เปิดหัวเรื่องมือ “สไนเปอร์” ก็โกรธกันควันออกหูนั่งไม่ติด

นอกจากนี้ยังไม่นับกรณีที่นายตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ถูกสั่งให้มาคุมคดีฆ่าในวัดปทุมวนารามไปเบิกความต่อศาลอาญากล่าวหาทหารในทำนองว่ารู้เห็นกับเรื่องดังกล่าวเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนอีกด้วย

หมายความว่าคีมเหล็กเริ่มบีบแคบเข้ามาและใกล้ตัวเข้ามาทุกทีแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งนอกจากผู้นำในกองทัพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสลายชุมนุมคราวนั้นแล้ว ยังพุ่งเป้าหมายหลักไปที่ฝ่ายการเมืองที่เป็นเจ้าของอำนาจรัฐเก่าขั้วตรงข้าม คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณจากประชาธิปัตย์เป็นหลัก ในวงการย่อมรู้ดีอยู่แล้ว และที่สำคัญเป็นการต้อนทุกคนเข้าสู่ “โหมดปรองดอง” มีคดีความเป็นชนักปักหลังกันให้ทั่วหน้า เพื่อสร้างความชอบธรรมสำหรับการเดินเกมในรอบต่อไป ซึ่งเวลานี้ทั้งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติปรองดองยังคาอยู่ในวาระการประชุมจะหยิบขึ้นมาลงมติเมื่อไหร่ก็ได้

แต่หากพิจารณาเฉพาะกรณีของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แยกออกมาต่างหาก ที่เพิ่งตื่น เพิ่งมีความรู้สึกโกรธขึ้นมาหลังจากที่กองทัพถูกหมิ่นศักดิ์ศรีและให้ร้ายเมื่อเวลาผ่านไปแล้วตั้งสามเดือนเต็ม ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่แทบทุกครั้งก็มักเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ถูกหัวโจกคนเสื้อแดงบางคนจาบจ้างทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาก็ได้แต่โกรธ หรือไม่ก็เพิ่งมาโกรธเอาตอนที่คนอื่นเขาเคลื่อนไหวประท้วงไปก่อนแล้ว บางครั้งดูเหมือนกับว่าเป็นการ “แสดง” อย่างหนึ่งให้เห็นว่าถ้ายังอยู่นิ่งก็ดูกระไรประมาณนั้น

จนหลายครั้งเมื่อได้เห็นอาการขัดหูขัดตาของผู้บัญชาการทหารบกคนนี้ บางคนถึงกับมีคำถามชี้หน้ากลับไปว่า “แล้วไง” เพราะอย่างมากก็ทำได้อยู่แค่นี้ ล่าช้าไม่ทันการณ์ และช่วยไม่ได้ที่หลายคนมองว่านี่คือ แอ็กชัน “แก้เกี้ยว” ป้องกันตัวเองหลังจากที่กำลังถูกต้อนเข้าสู่โหมดปรองดองตามเกมของเครือข่ายแม้ว แม้ว่าอาจจะไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม แต่ตราบใดที่ถูกดูดเข้าไปแล้วมันก็มีความเสี่ยงอยู่วันยังค่ำ

กรณีอื่นๆ แม้ว่าจะมีการพิสูจน์กันหลายครั้งทำให้เกิดคำถามอยู่ตลอดเวลาทั้งกรณี “ดา ตอร์ปิโด” รวมถึงหัวโจกคนอื่นๆที่ยังจาบจ้วงอยู่ตลอดเวลา ทำไมผู้นำกองทัพอย่างเขาถึงออกหน้ามาก่อน อย่างน้อยก็แสดงท่าทีไปถึงรัฐบาลในฐานะผู้กุมกลไกรัฐให้จัดการอย่างเด็ดขาด เสมือนกับการบีบบังคับกลายๆ ก็ได้ และในฐานะทหารที่ต้องปกป้องชาติและราชบัลลังก์ต้องเคร่งครัดให้เห็น ไม่ใช่ดีแต่แสดงอารมณ์โกรธ ออกมาเท่านั้น เพราะไม่มีประโยชน์!!
 โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
กำลังโหลดความคิดเห็น