“เทือก” พ้อถูกการเมืองเล่นงานทั้งครอบครัว คนใกล้ชิด หวังบีบให้รับ กม.ปรองดอง

“เทพเทือก” ระบุถูกการเมืองเล่นงาน บีบครอบครัวและคนใกล้ชิดหวังให้ยอมรับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ลั่นไม่ยอมให้ผ่านกฎหมายล้างคนผิดแน่ ขณะเดียวกันห่วงคดีสลายแดง มั่นใจไม่ได้ทำผิด มีข้อเท็จจริงสู้ได้ อัดรัฐบาลตีสองหน้าสร้างกระแส แขวะ “เฉลิม” วันนี้มีอำนาจใช้ไปให้เต็มที่

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีศาลอาญาจะมีการออกหมายเรียกตัวไปชี้แจงกรณีเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่เกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่เมื่อปี 53 ในวันที่ 21 ส.ค.ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากศาลอาญาให้ไปเบิกความคดี 98 ศพ แต่เข้าใจว่าศาลจะให้ไปเบิกความในฐานะพยานคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ข่าวที่ออกมาเป็นไปในลักษณะที่ทำให้เกิดความสับสนว่าตนถูกฟ้องในฐานะเป็นจำเลย และมีความพยายามชี้นำว่าตนและนายอภิสิทธิ์เป็นผู้สั่งการ ตนก็ไม่รู้สึกกังวลอะไรและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ไปให้การในฐานะพยานหลายครั้งแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่ออกมาดูเหมือนว่าศาลจะออกหมายเรียกในฐานะจำเลย นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าจะเป็นจำเลยก็จะต้องเข้าข่ายความผิด และพนักงานสอบสวนก็ต้องมีความเห็นส่งฟ้องไปยังอัยการสูงสุด แต่เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่มีการถูกฟ้องว่าเป็นจำเลย ดังนั้นจึงเชื่อว่าข่าวที่ออกมาอาจจะเกิดความสับสน

ต่อข้อถามว่าข่าวออกมาเช่นนี้จะมีการยื่นเอาผิดหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ในการฟ้องร้องใครก็เห็นข่าวเช่นนี้มาตลอด อีกทั้งยังทราบว่าขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนแล้วสองรอบ ซึ่งก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใดหากมีการฟ้องกันตามกระบวนการ และพร้อมจะพิสูจน์ความจริง “ตอนนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้ว มีอำนาจ ยังไงวันนี้อยากจะทำอะไรก็ทำให้เต็มที่” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกมือปืนสไนเปอร์ไปสอบสวนว่า เป็นความพยายามของฝ่ายการเมืองที่จะเล่นงานตน และที่มีการออกมาระบุว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนสไนเปอร์ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ตนยืนยันว่า ศอฉ.ไม่มีการใช้สไนเปอร์ เพราะเท่าที่ฟังมาเป็นการใช้ปืนชนิดพิเศษ และคนที่ใช้ก็ถูกฝึกฝนมาเป็นพิเศษเช่นกัน และตอนที่มีการสั่งการให้แก้ปัญหานั้นไม่เคยพูดว่าจะใช้ปืนสไนเปอร์ แต่กำหนดให้สามารถใช้ปืนเอ็ม 16 ได้

ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนของการปฏิบัติการของ ศอฉ.มีกฏเกณฑ์ในการใช้อย่างเคร่งครัด โดยมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง โดยการใช้แต่ละครั้งก็มีการเซ็นเอกสารในการใช้อาวุธทุกครั้ง และต้องเอาไว้ป้องกันชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่เท่านั้น ดังนั้นจึงเห็นว่าเรื่องนี้รัฐบาลพยายามสร้างกระแสว่ามีการใช้ปืนสไนเปอร์และโยนความผิดว่าเป็นฝีมือทหารและตนเป็นคนสั่งการ ซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามตอนต่อไป

ส่วนจะฟ้องดีเอสไอฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ง่ายที่จะฟ้องใคร หากดีเอสไอไม่ได้ทำผิดก็ฟ้องไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ หรือรับใช้ ร.ต.อ.เฉลิมมากเกินไปก็คงต้องฟ้อง ส่วนที่มีการออกมาระบุว่าสมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลมีการสั่งฆ่าประชาชน ตนขอชี้แจงว่า คนที่ออกมาพูดอาจจะหลงยุค เพราะที่จริงแล้วรัฐบาลที่มีการฆ่าประชาชนที่แท้จริง คือ สมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะมีการฆ่าตัดตอนขึ้นเป็นจำนวนมาก และขอย้ำว่า การสั่งการในเหตุการณ์สมัยสลายการชุมนุมปี 53 นั้นไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย และมั่นใจว่ามีข้อเท็จจริงสู้ได้

ส่วนที่มีการมองว่ารัฐบาลพยายามหยิบยกเรื่องกรณีการสลายการชุมนุมมาสร้างกระแส ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติยังค้างอยู่ในสภาฯ นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลก็ตีสองหน้ามาโดยตลอด โดยการทำทุกอย่างทั้งบีบตนเอง ครอบครัว และคนใกล้ชิด ทั้งส่งคนมาเชิญเจรจาเพื่อให้ร่วมรัฐบาล ซึ่งตนก็จะไม่ยอมเป็นเหยื่อทางการเมือง และขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำหน้าที่ตามขอบเขตกฎหมาย รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงควรหยุดสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ทั้งนี้ฝ่ายค้านเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ เป็น พ.ร.บ.ที่ล้างความผิดให้กับผู้กระทำความผิด

“จะใช้คดีบีบบังคับให้พวกตนยอมรับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือกฎหมายปรองดองนั้น ไม่สามารถต่อรองได้ เพราะขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม”