xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” แนะจับตางบเหลือปี 55 โอนเข้าโครงการนักการเมือง-ตั้ง ขรก.คุมค้ำบัลลังก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
อดีตโทรโข่ง “มาร์ค” จวก “เด็จพี่” ตั้ง 10 คำถามนาย สุดไร้สาระ พร้อมตอบแทนทุกเม็ด ยันซักฟอกเป็นสิทธิฝ่ายค้าน สับ “นพเหล่” อ้างโพลไม่อยากให้อภิปรายคนละเรื่อง ยันพรรคเสนอแนวทางแก้ไฟใต้ตลอด จ่อไรต์ซีดีไปให้พรรครัฐดู ปัด หน.แย่งซีนรัฐลงปัตตานี บอกให้โอกาสไปแล้ว แนะจับตางบค้างปี 55 ถูกส่งไปให้โครงการนักการเมือง แถมงบปี 56 จัดเอื้อก๊วนตัวเอง ระวังเด้งข้าราชการข้ามห้วยเอาพวกตัวเองคุมค้ำบัลลังก์

วันนี้ (6 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถาม 10 ข้อก่อนที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ถือว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ทำไมพรรคเพื่อไทยออกมาตีโพยตีพาย ดิสเครดิตการทำงานของฝ่ายค้าน ออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ต้องตอบ 10 คำถามก่อนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น หากดูคำถามล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่ไร้สาระ และไม่เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งคำถามทั้ง 10 ข้อนี้ตนตอบแทนก็ได้ เช่น 1. ถามว่านายอภิสิทธิ์หาใบ สด.9 ได้แล้วหรือยัง ตนขอตอบแทนมีอยู่แล้ว ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีในศาล 2. ถามว่าฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม หรือยัง ก็ยืนยันว่าไม่ต้องรีบฟ้อง เพราะอายุความยังไม่หมดง่ายๆ รอให้มีการรวบรวมหลักฐานก่อน 3. ถามว่ามียศทางทหารเหตุใดไม่ใช้ยศนำหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ได้ทำเรื่องสละยศไปแล้ว 4. ส่วนเหตุใดถึงใช้รถกันกระสุน ยืนยันว่าใช้สิทธิในฐานะผู้นำฝ่ายค้านที่ สรภ.ได้อนุญาตเรียบร้อย

5. ที่นายพร้อมพงษ์ตั้งคำถามว่ามีข่าววงในบอกว่าไม่มีเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์แนบท้ายญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทางพรรคประชาธิปัตย์แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย เราเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์แน่นอน แต่การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นฝ่ายค้านอยากถามได้เสนอชื่อใคร เสนอชื่อคนของพรรคตัวเองหรือไม่ รวมทั้งยังมีการแย่งชิงการนำการอภิปราย คนพูดเปิดอภิปรายเป็นอีกคน ส่วนคนพูดปิดอภิปรายก็เป็นอีกคนหนึ่ง 6. มีการถามว่า ครม.เงาของพรรคใช้เครื่องหมาย ครม.จริงหรือไม่นั้น ก็ไม่รู้ว่านายพร้อมพงศ์ไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหน เพราะ ครม.เงาของพรรคใช้สัญลักษณ์รูปแม่พระธรณี 7. ส่วนที่ถามว่าเรื่องดับไฟใต้ 99 วันนั้น ก็เป็นเรื่องของนโยบายที่มีการออก พ.ร.บ.ศอ.บต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 8. ถามว่าให้นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ไปฟ้องที่ศาลอาญาระหว่างประเทศในคดีการฆ่าตัดตอน เพื่อเป็นการแก้เกี้ยวหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่การแก้เกี้ยวแต่อย่างใด แต่ฟ้องตามข้อเท็จจริงตามคำแนะนำ คตน. ที่มีการระบุในรายงานว่าความผิดเรื่องฆ่าตัดตอนเข้าข่ายมูลฐานความผิดที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับไว้พิจารณาได้ 9. ถามว่านายอภิสิทธิ์ถือสัญชาติอะไร ยืนยันว่าถือสัญชาติไทยชัดเจน และ 10. ถามว่านายอภิสิทธิ์สวมเสื้อแดงขึ้นเวทีผ่าความจริงมีเจตนารมณ์อย่างไรนั้น ก็ไม่รู้ว่าได้ฟังการปราศรัยหรือไม่ เพราะมีเจตนารมณ์ชัดว่าสีแดงเป็นสีของคนไทยทุกคน เป็นสีในธงชาติไทยไม่ควรมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใช้อภิสิทธิ์ยึดสีแดงเป็นของตัวเอง

นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่คำนึงถึงผลโพลที่มีถึง 52% ไม่สนับสนุนให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอ้างผลโพลกับการทำหน้าที่เป็นคนละเรื่องกัน หากพรรคเพื่อไทยยึดผลโพลในการทำงานจริง อยากถามว่าทำไมผลโพลที่ระบุว่าให้ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองออกสูงถึง 77.9% เพราะคิดว่าไม่อาจสร้างความปรองดองได้ และเห็นว่า 68% เห็นว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ทั้งนี้ หากเคารพผลโพลจริงทำไมไม่ถอนออกไป การหยิบยกเอาผลโพลเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจแสดงว่าพรรคเพื่อไทยเอาแต่ได้ เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาสร้างความชอบธรรมให้พรรคตัวเอง

ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ขัดขวางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเรียกร้องให้พรรคเสนอข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาว่า อยากให้พรรคเพื่อไทยกลับไปดูว่าที่ผ่านมาทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ ทีมโฆษกพรรค ได้เสนอแนะวิธีการและแนวทางแก้ปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะข้อเสนอ 8 ข้อของนายถาวรที่เพิ่งจะแถลงข่าวเมื่อไม่กี่วัน หากไม่ได้ติดตามข่าวตนจะไรต์ใส่แผ่นซีดีส่งไปให้นายพร้อมพงศ์ดู เพื่อยืนยันว่าตลอดเวลาพรรคได้เสนอแนวทางแก้ปัญหามาโดยตลอด รวมไปถึงข้อเสนอของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ก็ได้พูดบนเวทีผ่าความจริงมาหลายครั้ง ไม่เข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยทำไมปิดหูปิดตาไม่ยอมรับฟังข้อเสนอของพรรค โดยเฉพาะข้อเสนอที่สำคัญคือเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองแสดงความรับผิดชอบ ให้ไปรับฟังปัญหาพื้นที่ด้วยตัวเอง แต่เรียกร้องมาหลายวันก็ไม่มีการตอบรับ วันนี้ (6 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์จึงเดินทางไปในพื้นที่รับฟังปัญหา ทั้งๆ ที่ได้รอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้ลงพื้นที่ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาว่าแย่งซีน สร้างภาพ แต่เห็นว่าเวลาผ่านมาหลายวันแล้วไม่มีใครลงไป จึงตัดสินใจในฐานะผู้นำฝ่ายค้านลงไปรับฟังปัญหาในพื้นที่

นายเทพไทกล่าวอีกว่า อยากให้สังคมและประชาชนได้จับตามอง 2 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ คือ การใช้งบประมาณของรัฐในปี 55 ซึ่งจะสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย. เพราะจะมีงบเหลือจ่ายค้างจ่ายประจำปีจำนวนหนึ่งที่เป็นก้อนใหญ่ โดยพบว่ามีคำสั่งให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ รวบรวมงบเหลือจ่ายเพื่อนำไปใช้ทำโครงการในพื้นที่ของนักการเมืองพรรคพวกตัวเอง โดยให้มีการเร่งรัดใช้งบประมาณอย่างผิดปกติ ถึงขั้นยกเว้นระเบียบจัดซื้อของสำนักนายกฯ ซึ่งจะเป็นช่องทางทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากนี้ จะมีการจัดงบประมาณปี 56 เอื้อประโยชน์ให้พื้นที่ของพรรคตัวเองที่มีฐานเสียงอยู่ พยายามตัดงบหรือไม่เพิ่มงบในส่วนขององค์กรอิสระที่เป็นปัญหาในการทำงานรัฐบาลที่เป็นเสี้ยนหนามในการถ่วงดุลตรวจสอบต่อรัฐบาลตัวเอง

นายเทพไทกล่าวว่า จะมีปรากฏการณ์การโยกย้าย เพราะจะมีข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการหลายตำแหน่ง โดยจะเอาคนของตัวเองเข้าไปแบบข้ามห้วย ข้ามกระทรวง เพื่อกระชับอำนาจให้ช่วยเหลือเสถียรภาพหรือฐานของรัฐบาลหากบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว หรือหวังใช้กลไกราชการค้ำบัลลังก์อำนาจของรัฐบาลตัวเอง นอกจากนี้ ต้องการโยกข้าราชการที่ไว้ใจได้เพื่อรวบรวมข้อมูลเตรียมการสนับสนุนข้อมูลเพื่อรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน

“ถือเป็นภารกิจที่รัฐบาลต้องการเอาคนของตัวเองเข้าไป โดยไม่คำนึงถึงระบบคุณธรรม ซึ่งจะทำให้ข้าราชการที่เป็นลูกหม้อไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพราะรัฐบาลต้องการเอาคนของตัวเองเหนือเหตุผล เหนือความชอบธรรมถูกต้อง และเหนือระเบียบวิธีปฏิบัติที่เป็นมาอยู่ยาวนาน” นายเทพไทกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น