แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้การประมูลโครงการต่างๆ ของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ส่อมีการทุจริตในหลายโครงการ เนื่องจากมีหลังบ้านรัฐมนตรีคนหนึ่ง พยายามทำตัวเป็นนายหน้า วิ่งล็อบบี้ให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งได้โครงการไป โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อ โครงการตรวจการณ์ และควบคุมจราจรทางทะเล ระยะ 2 มูลค่า 340 ล้านบาท โดยมีการเขียนทีโออาร์ ในส่วนของคุณสมบัติผู้ที่เข้าประมูล เอื้อให้กับบริษัทรายเดิมได้รับงานดังกล่าวไป
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้ประกาศให้ประกวดราคาโครงการดังกล่าวด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้กำหนดคุณสมบัติผู้ประสงค์จะเสนอราคาต้องมีผลงานด้านการขาย หรือติดตั้งประเภทเดียวกับงานที่ประกวดราคาในครั้งนี้ ซึ่งมีวงเงินไม่น้อยกว่า 170 ล้านบาท ต่อหนึ่งสัญญาโดยผลงานดังกล่าวต้องเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับทางราชการ และต้องเสร็จมาแล้วไม่เกิน 5 ปี
แหล่งข่าวกล่าวว่า การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวได้เอื้อประโยชน์อย่างชัดเจนกับบริษัทที่ได้ชนะการประมูลในโครงการดังกล่าวในระยะที่ 1 ซึ่งได้ดำเนินการไปเมื่อปี 2551ในงบประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งครั้งนั้น กำหนดวงเงินไว้เพียงไม่น้อยกว่า 125 ล้านบาทต่อ 1สัญญา
นอกจากนี้ในทีโออาร์ ยังกำหนดว่า ผู้ขายต้องแสดงการเชื่อมต่อระหว่างระบบของผู้ขาย กับระบบเดิมของกรมเจ้าท่า ภายใน 120 วัน หากพ้นกำหนด ทางกรมฯสามารถบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเอื้อให้กับบริษัทรายเดิม ซึ่งได้ทำระบบดังกล่าวให้กรมฯอยู่แล้วยิ่งได้เปรียบ เพราะหากผู้ผลิตระบบรายเดิมไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้ผู้ชนะการประมูลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ กรมฯ ก็มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้
“เงื่อนไขดังกล่าวเป็นการกีดกันผู้เสนอราคา และผู้ผลิตรายอื่นๆให้ไม่สามารถเข้าแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรมได้”แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตามการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว มีบริษัทผู้รับเหมาต่างๆได้ทำหนังสือท้วงติงกรมเจ้าท่า ว่าจะเป็นการผูกขาดและขอให้แก้ไขให้เงื่อนเปิดกว้างกว่านี้ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวอาจขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเลกทรอนิกส์ เป็นการเอื้อประโยชน์ และเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 4 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว
ขณะที่กรมเจ้าท่าได้นัดผู้ประสงค์จะประกวดราคามาชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 21 ก.ย. ซึ่งผู้ประกอบการต่างท้วงติง ถึงเงื่อนไขความไม่เป็นธรรมดังกล่าวพร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว เพื่อเปิดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเลื่อนการประกวดราคาออกไปก่อนเพื่อรอ อธิบดีคนใหม่ แต่กรมเจ้าท่า ยังยืนยันจะกำหนดยื่นซองเอกสารประกวดราคาในวันที่ 4 ต.ค.นี้ และกำหนดเสนอราคาในวันที่ 29 ต.ค. ตามเดิม
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการบางราย เตรียมจะยื่นให้ทางสำงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือสตง.เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว เพื่อให้ชะลอการประมูลโครงการดังกล่าวออกไปก่อน
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้ประกาศให้ประกวดราคาโครงการดังกล่าวด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้กำหนดคุณสมบัติผู้ประสงค์จะเสนอราคาต้องมีผลงานด้านการขาย หรือติดตั้งประเภทเดียวกับงานที่ประกวดราคาในครั้งนี้ ซึ่งมีวงเงินไม่น้อยกว่า 170 ล้านบาท ต่อหนึ่งสัญญาโดยผลงานดังกล่าวต้องเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับทางราชการ และต้องเสร็จมาแล้วไม่เกิน 5 ปี
แหล่งข่าวกล่าวว่า การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวได้เอื้อประโยชน์อย่างชัดเจนกับบริษัทที่ได้ชนะการประมูลในโครงการดังกล่าวในระยะที่ 1 ซึ่งได้ดำเนินการไปเมื่อปี 2551ในงบประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งครั้งนั้น กำหนดวงเงินไว้เพียงไม่น้อยกว่า 125 ล้านบาทต่อ 1สัญญา
นอกจากนี้ในทีโออาร์ ยังกำหนดว่า ผู้ขายต้องแสดงการเชื่อมต่อระหว่างระบบของผู้ขาย กับระบบเดิมของกรมเจ้าท่า ภายใน 120 วัน หากพ้นกำหนด ทางกรมฯสามารถบอกเลิกสัญญาได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเอื้อให้กับบริษัทรายเดิม ซึ่งได้ทำระบบดังกล่าวให้กรมฯอยู่แล้วยิ่งได้เปรียบ เพราะหากผู้ผลิตระบบรายเดิมไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้ผู้ชนะการประมูลไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ กรมฯ ก็มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้
“เงื่อนไขดังกล่าวเป็นการกีดกันผู้เสนอราคา และผู้ผลิตรายอื่นๆให้ไม่สามารถเข้าแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรมได้”แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตามการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าว มีบริษัทผู้รับเหมาต่างๆได้ทำหนังสือท้วงติงกรมเจ้าท่า ว่าจะเป็นการผูกขาดและขอให้แก้ไขให้เงื่อนเปิดกว้างกว่านี้ เพราะเงื่อนไขดังกล่าวอาจขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเลกทรอนิกส์ เป็นการเอื้อประโยชน์ และเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามมาตรา 4 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว
ขณะที่กรมเจ้าท่าได้นัดผู้ประสงค์จะประกวดราคามาชี้แจงรายละเอียดในวันที่ 21 ก.ย. ซึ่งผู้ประกอบการต่างท้วงติง ถึงเงื่อนไขความไม่เป็นธรรมดังกล่าวพร้อมเรียกร้องให้มีการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว เพื่อเปิดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเลื่อนการประกวดราคาออกไปก่อนเพื่อรอ อธิบดีคนใหม่ แต่กรมเจ้าท่า ยังยืนยันจะกำหนดยื่นซองเอกสารประกวดราคาในวันที่ 4 ต.ค.นี้ และกำหนดเสนอราคาในวันที่ 29 ต.ค. ตามเดิม
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการบางราย เตรียมจะยื่นให้ทางสำงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือสตง.เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว เพื่อให้ชะลอการประมูลโครงการดังกล่าวออกไปก่อน
