xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ชายชุดดำ”ความจริงจาก คอป. ที่กำลังไล่ล่า “คนเสื้อแดง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นอารมณ์และปฏิกิริยาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทีเดียวสำหรับคนเสื้อแดงต่อ 2 เหตุการณ์สำคัญในคดีเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2553

เพราะในขณะที่พวกเขา “โห่ร้องดีใจ” กันทั้งแผ่นดินหลังจากที่ศาลอาญาอ่านคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 และนางหนูชิด คำกอง ภรรยาผู้ตายร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการตายของ “นายพัน คำกอง” คนขับแท็กซี่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ซึ่งเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีราชปรารภเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 โดยสรุปว่า นายพันเสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนกลเล็กขนาด .223 ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)

แต่ฉับพลันทันทีที่ในวันเดียวกัน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) . ซึ่งมี “นายคณิต ณ นคร” เป็นประธาน เปิดเผยรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ด้วยการยืนยันถึงการมีตัวตนของ “ชายชุดดำ” ซึ่งใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทั้งก่อนและหลังวันที่ 10 เมษายน 2553 โดยปรากฏหลักฐานมีผู้เสียชีวิตเพราะชายชุดดำ 9 คน แยกเป็นทหาร 6 คน ตำรวจ 2 คนและกลุ่มคนรักษ์สีลม 1 คน อารมณ์ของคนเสื้อแดงก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

แกนนำคนเสื้อแดงไล่ตั้งแต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ ฯลฯ รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต่างดาหน้ากันออกมาโจมตีรายงานของ คอป.กันยกใหญ่ แถมกล้าพูดอย่างไม่อายฟ้าดินว่า ไม่เคยสัมผัสและไม่เคยรับทราบเรื่องการดำรงอยู่ของชายชุดดำอีกต่างหาก

นี่คือ “เหรียญสองด้าน” แห่งความอัปยศที่ชัดเจนยิ่งของคนเสื้อแดง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ถ้าหากสิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา คนเสื้อแดงก็จะแห่แหนออกมาสรรเสริญเยินยอกันอย่างเอิกเกริก แต่ถ้าหากข้อมูลใด คำพิพากษาใดมีผลในทางลบต่อคนเสื้อแดง พวกเขาก็จะแห่แหนออกมาโจมตีด้วยชุดข้อมูลเดิมๆ เรื่อง 2 มาตรฐาน รับงานใครมา ฯลฯ

กระนั้นก็ดี สิ่งที่สังคมจะต้องทำความเข้าใจร่วมกันก็คือ ไม่ว่าแกนนำคนเสื้อแดงจะบิดเบือนข้อเท็จจริงประการใด แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ และการดำรงอยู่ของชายชุดดำก็เป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ซึ่งบทพิสูจน์ที่ชัดเจนไม่ได้มีเฉพาะแค่สิ่งที่ปรากฏในรายงานของ คอป.เท่านั้นหากแต่สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศต่างก็มีภาพยืนยันการใช้อาวุธสงครามของชายชุดดำชัดเจน

“สรุปว่ามีการปฏิบัติการของกลุ่มชายชุดดำจริง และมีการใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่อยู่ ประกอบการก่อวินาศกรรมทั้งก่อนและระหว่างการชุมนุมในหลายสิบจุด ถึงบัดนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ นอกจากคนร้ายที่ยิงเข้าไปในกระทรวงกลาโหม ปัญหาคือคนชุดดำที่มีอาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่มีความเกี่ยวพันกับใคร พบว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล คืออยู่ในกลุ่ม ไปไหนด้วยกัน และการปฏิบัติการของคนชุดดำในบางเหตุการณ์ได้รับความร่วมมือและสนับสนุน รวมทั้งรู้เห็นเป็นใจจากการ์ด นปช. แต่คนชุดดำจะมีความสัมพันธ์หรือใกล้ชิดกับแกนนำ นปช. หรือไม่ ไม่มีพยานหลักฐานที่โยงไปถึงขนาดนั้น แต่ในหลายเหตุการณ์อยู่ในพื้นที่ควบคุมโดยการ์ด นปช. ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราได้รับ ซึ่งสรุปได้ยากว่าจำนวนคนชุดดำมีเท่าไหร่ แล้วเป็นใคร”

นั่นคือบทสรุปที่ออกมาจากปากของ นายสมชาย หอมละออ คณะอนุกรรมการ คอป.ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2555 ณ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน รัชดา

นอกจากนี้ ในรายงานของคอป.ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ในเวลาประมาณ 19.00 น. ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะถูกโจมตีด้วยระเบิด มีผู้พบเห็นรถตู้สีขาวขนคนชุดดำสองสามคนพร้อมอาวุธสงครามมาส่งลงบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้านร้านหนังสือเมืองโบราณและร้านเมธาวาลัย (ศรแดง) โดยมีการ์ด นปช. คอยห้อมล้อมเดินไปทางร้านแมคโดนัลด์ หัวมุมถนนดินสอติดกับโรงเรียนสตรีวิทยา เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยการ์ด นปช. ห้ามมิให้ใครถ่ายรูป และมีผู้ชุมนุมบางคนพูดว่า “ส่งคนมาช่วยแล้ว” แต่ถูกการ์ด นปช. ห้ามไม่ให้พูด ยังปรากฏภาพรถตู้สีขาวในกล้องวงจรปิดบริเวณวงเวียนสี่กั๊กพระยาศรี 2 ครั้ง ระบุเวลา 20.19 น. และอีกครั้งในเวลา 21.01 น. และยังปรากฏภาพคนชุดดาถือเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ยืนอยู่ข้างรถตู้สีขาวจอดอยู่ในบริเวณที่มีผู้ชุมนุมอยู่แต่ไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของภาพได้ เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า หลังเหตุการณ์ความรุนแรง มีรถตู้สีขาวซึ่งมีกลุ่ม คนชุดดา มีอาวุธสงครามโดยสารมาด้วยขับผ่านมาที่บริเวณหน้าวัดตรีทศเทพ คนในรถโผล่หน้าออกมาเยาะเย้ยทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งยืนยันว่าเห็นชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสองสามคนนั่งอยู่ในรถคันดังกล่าว

นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงเผาบ้านเผาเมือง ก็จะปรากฏหลักฐานที่ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยหลักฐานชิ้นแรกเป็นภาพจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ที่ปรากฏ “ไอ้โม่ง” ถือปืนไรเฟิล ที่พยายามไล่ล่าเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเข้าไปควบคุมสถานการณ์ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ที่สำคัญคือ นิวยอร์กไทมส์ระบุชัดเจนว่า ไอ้โม่งรายดังกล่าวเป็น “การ์ดของนปช.”

นอกจากนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวยังรายงานด้วยว่า หลังจากความพยายามในการปราบปรามกลุ่มเสื้อแดงล้มเหลว เจ้าหน้าที่ทหารต่างต้องวิ่งหนีโดยใช้เกราะพลาสติกกำบัง เมื่อถูกกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งไม่พอใจ วิ่งไล่ล่าอย่างชุลมุน ขณะที่รถพยาบาลแล่นเข้าไปรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ชุมนุมต่างร้องตะโกนว่า “มีฮีโร่อีกคนแล้ว”

ประหนึ่งว่า ดีใจกับการเสียชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดง

นอกจากนิวยอร์กไทมส์แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ก็รายงานข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า แหล่งข่าวทางทหารยืนยันว่าคนเสื้อแดงได้รับอาวุธและการสนับสนุนจากฝ่ายทหารเกเรกลุ่มหนึ่ง ในจำนวนนั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ปลดเกษียณและพันธมิตรของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

สำนักข่าวระดับโลกแห่งนี้รายงานด้วยว่าภาพข่าวสถานีโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่ามีผู้ประท้วงบางส่วนถือปืนไรเฟิลและปืนกล ขณะที่ทหารถูกเล่นงานด้วยระเบิดเอ็ม79 ส่วนภาพถ่ายหลายภาพก็ปรากฏให้เห็นว่ามีมือปืนซุ่มยิงลงมาจากอาคารหลังหนึ่ง

นอกจากนั้น ยังปรากฏภาพอีกหลายภาพที่ยืนว่า กองกำลังชุดดำกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มเดียวกัน เช่น ภาพชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ สวมกางเกงทหารลายพราง สวมเสื้อกั๊กคล้ายเสื้อกันกระสุน และที่แขนขวาผูกผ้าแดงเป็นสัญลักษณ์ ยืนกำบังตัวอยู่หลังรถตู้โตโยต้าสีขาว มือถืออาวุธปืนสำหรับยิงระเบิดเอ็ม 79 ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยภาพดังกล่าวมีทั้งกำลังยิง และบรรจุกระสุน เพื่อยิงใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ เป็นน่าสังเกตว่า กลุ่มกองกำลังใส่ชุดสีดำนั้น สามารถนำรถตู้พร้อมอาวุธเข้ามาในพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงได้และไม่ถูกขัดขวางจากการ์ดคนเสื้อแดง อีกทั้งยังสามารถขนอาวุธและใช้อาวุธสงครามในพื้นที่ของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้โดยที่ไม่มีการขัดขวาง ไม่มีการห้ามปรามจาก และไม่มีการจับกุม

นอกจากนี้ ความจริงประการหนึ่งที่สังคมต้องยอมรับกันคือ ถ้าหากความตายของกลุ่มคนเสื้อแดงเกิดจากฝีมือทหารแล้ว คนที่เสียชีวิตย่อมไม่ใช่ “พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม” รองเสนาธิการ พล.ร.2 รอ. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) และพลทหารอีก 4 คนคือ พลทหารอนุพงศ์ หอมมาลี พลทหารอนุพงษ์ เมืองรำพัน พลทหารภูริวัฒน์ ประพันธ์และพลทหารสิงหา อ่อนทรง

ความจริงประการหนึ่งที่สังคมต้องยอมรับกันคือ ถ้าหากความตายของกลุ่มคนเสื้อแดงเกิดจากฝีมือทหารแล้ว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสย่อมไม่ใช่ “พล.ต.วลิต โรจนภักดี” ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ซึ่งได้รับบาดเจ็บขาด้านซ้ายหัก 3 ท่อน

นี่ไม่นับรวมถึงพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ยศและตำแหน่งงในขณะนั้น) ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง

“มันเป็นสงครามกลางเมืองที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย และไม่เคยคิดว่าตัวผมจะต้องมาพบเจอ ทหารไม่เคยคิดจะยิงประชาชน ไม่ทำร้ายประชาชน แต่ทหารเราถูกทำร้ายก่อน ถูกยิงระเบิด ถูกยิง เราก็ทำแค่ยิงป้องกันตัว ถ้าทหารเราคิดจะทำประชาชนก็คงจะยิง แล้วก็คงตายกันมากกว่านี้ แต่ทหารเราไม่ทำ เราต้องยอม” พ.ท.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 3 รักษาพระองค์ (ม.พัน.3 รอ.) เกียกกาย ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ที่ขาทั้งสองข้างให้ข้อมูล

ทั้งนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีที่ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่ถูกโพสต์ขึ้นบนยูทูป มีความยาวทั้งสิ้น 53 วินาที ซึ่งในช่วงระหว่างวินาทีที่ 8 ถึง วินาทีที่ 12 ได้จับภาพนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาซึ่งยืนอยู่บนรถกำลังยิงปืนพกสั้นขึ้นฟ้า ตามขั้นตอนการปฏิบัติการสลายการชุมนุมที่ ศอฉ.ประกาศออกมา อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่นายทหารคนดังกล่าวยิงปืนขึ้นฟ้านั้นได้ปรากฏจุดเลเซอร์สีเขียวและสีแดงขึ้นบริเวณส่วนศีรษะของทหารคนดังกล่าว คล้ายกับเป็นเลเซอร์ระบุเป้าในการโจมตีโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ขณะที่อีกไม่กี่อึดใจต่อมาก็เกิดประกายไฟและเสียงระเบิดขึ้นตามมาในหมู่เจ้าหน้าที่ทหาร และก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นตามมา

นี่คือความจริงที่แกนนำคนเสื้อแดงไม่ยอมรับ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาคงลืมไปว่า แม้คอป.ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลที่แล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการอิสระคณะเดียวที่รัฐบาลชุดนี้รับรองไว้ในการแถลงนโยบายสำคัญต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ซึ่งเหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกล เพราะผลสรุปของรายงานคือการยืนยันการมีอยู่ของชายชุดดำ ซึ่งไม่ตรงกับที่พวกเขาต้องการนั่นเอง

หมายเหตุ : ขณะนี้ 'ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์' มีเว็บเพจแล้วนะครับ ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้ที่ http://www.facebook.com/#!/Astvmanagerweekend
ภาพถ่ายการ์ดนปช.ที่สวมเสื้อสีดำและสวมหมวกไอ้โม่งสีดำถืออาวุธสงครามที่เว็บไซต์ “นิวยอร์กไทม์ส” นำมาเผยแพร่
ชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ สวมกางเกงทหารลายพราง สวมเสื้อกั๊กคล้ายเสื้อกันกระสุน และที่แขนขวาผูกผ้าแดงเป็นสัญลักษณ์ ยืนกำบังตัวอยู่หลังรถตู้โตโยต้าสีขาว มือถืออาวุธปืนสำหรับยิงระเบิดเอ็ม 79 ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยภาพดังกล่าวมีทั้งกำลังยิง และบรรจุกระสุน เพื่อยิงใหม่อีกครั้ง
ภาพจุดเลเซอร์สีเขียว-แดง บริเวณศีรษะของนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาที่สื่อต่างประเทศนำมาเผยแพร่ ที่การชี้เป้าและล็อกเป้าให้ลงมือสังหาร
ทหารที่ถูกทำร้ายร่างกายจากกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งสะเทือนใจผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม
 ภาพหนึ่งในทีมซุ่มยิงของกลุ่มก่อการร้ายที่ NBT เคยนำเสนอ
ภาพคนชุดดำบริเวณหน้าร้านเบอร์เกอร์คิงส์ กำลังยิงปืนไปในทิศทางถนนตะนาวซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติการอยู่ โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระนิติวิทยาศาสตร์ด้านอาวุธและกระสุนปืนให้ความเห็นว่าเป็น ปลย.๑
กำลังโหลดความคิดเห็น