ASTVผู้จัดการรายวัน- “ปู” อ้าง เห็นใจชาวนา เมินนักวิชาการนิด้า เตือน! จ่อรับจำนำข้าว 4 แสนล้านต่อกขช.นัดประชุมวันนี้ ทบทวนตัวเลขผลผลิตข้าวและวงเงินจำนำ 4 แสนล้านก่อนชงครม.ไฟเขียว 25 ก.ย. เพื่อให้ทันต่อการเปิดรับจำนำ 1 ต.ค.นี้ “ยรรยง”ย้อนแสบ อัดนิด้าเคยศึกษาอะไรจริงจังเรื่องข้าวหรือไม่“เหลิม” จวกทำตัวไม่ต่างฝ่ายค้านนอกสภา ไม่น่าเชื่อถือ ไร้ค่า
วานนี้ (20 ก.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนักวิชาการจากคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุว่า ในเร็วๆ นี้ทางคณะจะยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล ขอให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว เพราะโครงการนี้ทำให้ประเทศขาดทุนจำนวนมหาศาล ขณะที่ชาวนาก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้อย่างแท้จริง ซึ่งบรรดานักวิชาการต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
“เราล่ารายชื่อนักวิชาการที่เห็นความเสียหายของโครงการนี้ โดยเริ่มจากนิด้าก่อน หากนักวิชาการสถาบันอื่นจะมาร่วมก็ได้ แล้วยื่นไปที่นายกฯ ให้ยุติโครงการ ถ้าหากยังไม่ตอบรับก็จะพิจารณากำหนดแนวทางต่อไป อาจจะเป็นการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญก็ได้”
ขณะเดียวกัน ปปช.ซึ่งออกมาเตือนรัฐบาล ต่อ “โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล” ว่า เป็นการสร้างความเสียหายอย่างมาก และขณะนี้นักวิชาการหลายคนก็อึดอัดกับโครงการนี้มาก เพราะรัฐบาลยืนยันจะทำให้ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้หารือเรื่องนี้กับคณาจารย์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยนักวิชาการกำลังหาทางดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจต้องอาศัยให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้หาข้อยุติในโครงการนี้ แม้จะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
"ทั้งนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 84 (1) ระบุว่า รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรม โดยอาศัยกลไกตลาดและสนับสนุนให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยต้องยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ควบคุมธุรกิจ ซึ่งมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค
ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของโครงการรับจำนำข้าว เพราะต้องการดูแลรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปขายแข่งกับภาคเอกชน และเราก็ไม่ได้ทำโครงการนี้เพื่อแสวงหาผลกำไร เมื่อถามย้ำว่ายืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า เนื่องจากเป็นนโยบายที่เราแถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่เราก็ยินดีรับข้อห่วงใยและข้อติติงต่าง ๆ ไปปรับปรุงในครั้งหน้า ซึ่งได้ฝากข้อห่วงใยเหล่านี้ให้กับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และจากข้อมูลที่เราตรวจสอบเองก็ได้แจ้งกับ รมว.พาณิชย์ เพื่อให้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ลดข้อห่วงใยของฝ่ายต่าง ๆ
ทั้งนี้ ความจริงภาคเอกชนก็สามารถมาประมูลซื้อได้ ต้องอยู่ที่ความพึงพอใจเรื่องราคามากกว่า วันนี้รัฐบาลพยายามดูแลเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกร ดังนั้นภาครัฐก็มีสิทธิที่จะตั้งราคาในการรับจำนำตามกลไกได้ แต่เอกชนเองก็มีสิทธิในการซื้อตรงกับเกษตรกรได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าแต่ภาคเอกชนสะท้อนว่ารัฐบาลตั้งราคาจำนำสูง เหมือนเป็นการไปตัดหน้า ทำให้ไม่มีชาวนาไปขายให้เอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเชื่อว่าอีกสักพักกลไกต่าง ๆ จะดีขึ้น เราต้องเห็นใจเกษตรกรด้วย ส่วนภาคเอกชนนั้น รัฐก็ยินดีเปิดโอกาสให้ ซึ่งคงต้องเข้าไปทำความเข้าใจและดูแลว่าภาคเอกชนมีผลกระทบอะไรบ้าง ความจริงราคาข้าวของไทยดีที่สุดถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
“นโยบายแต่ละอย่างคงไม่สามารถตอบโจทย์ของทุก ๆ คนได้ วันนี้เราอยากจะดูแลทุกส่วน แต่วันนี้เกษตรกรเหมือนกันเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ และเป็นคนส่วนมากที่จะต้องได้รับการดูแล ส่วนภาคเอกชนเราก็เห็นใจ ซึ่งจะให้ทางกระทรวงพาณิชย์เข้าไปทำความเข้าใจ และดูว่าปัญหาของภาคเอกชนเราจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่21 ก.ย.นี้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนตัวเลขปริมาณผลผลิตข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งในส่วนผลผลิตข้าวนาปรังรอบพิเศษที่จะรับจำนำข้าวเปลือกจนถึงสิ้นเดือนก.ย. หลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังรอบพิเศษจาก 2 ล้านตัน เป็น 3.1 ล้านตัน และผลผลิตข้าวเปลือกนาปีที่จะเข้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/56 ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลงจากที่คาดการณ์ไว้ 25 ล้านตันอย่างไร ซึ่งอาจต้องมีการปรับตัวเลขวงเงินหมุนเวียนรับจำนำ 4.05 แสนล้านบาทด้วย
“เมื่อสรุปได้แล้ว กขช. จะนำมติดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันอังคารที่ 25 ก.ย. เพื่อให้ทันต่อการเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป”
นายบุญทรง กล่าวว่า สำหรับการมอบนโยบายหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมโครงการรับจำนำ ได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการรับจำนำต่อไป เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำปีนี้ ได้มีการปรับหลักเกณฑ์ โดยในใบประทวนที่ออกให้กับเกษตรกรและสัญญาโรงสีเข้าร่วมโครงการจะมีระบุไว้ชัดเจน หากมีการสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เกษตรกรและโรงสีจะต้องรับผิดชอบและมีความผิดตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการกับเกษตรกรและโรงสีที่ทุจริตในโครงการับจำนำฤดูกาล 2554/55 โดยส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการแล้ว
นายบุญทรง กล่าวว่า ไม่กังวลต่อเรื่องที่นักวิชาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) เตรียมรวมรวบรายชื่อประชาชนเพื่อขอยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยื่นต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และบอกว่าหากไม่มีการยุติโครงการรับจำนำจะฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ระงับโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ เพราะโครงการรับจำนำข้าวไม่มีประเด็นไหนที่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยระบบการค้าข้าวในตลาดยังคงทำงานปกติ ไม่ได้มีการกีดกันการค้าแต่อย่างใด
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อยากถามนักวิชาการนิด้าว่าเคยทำวิจัยเรื่องข้าวจริงจังหรือไม่ ก่อนที่จะมากล่าวหาภาครัฐ และตัวนักวิชาการเองก็ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง การไปล่ารายชื่อประชาชน อยากถามอีกว่าเหตุใดถึงไม่ไปถามความเห็นเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการรับจำนำข้าว เช่น ผู้ส่งออก ส่วนจะมีการฟ้องร้องภาครัฐ ก็ต้องพิสูจน์ว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ระบบการค้าของเอกชนเสียหายหรือแข่งไม่ได้จริงๆ หรือไม่
“วัตถุประสงค์ของการรับจำนำข้าว คือ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นทำการค้าเพื่อแข่งขันกับเอกชน เพราะเอกชนก็ยังสามารถหาซื้อข้าวในตลาดมาทำการค้าปกติได้ หากดูจากตัวเลขการรับจำนำข้าวนาปีที่ผ่านมา จะพบว่าปริมาณข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ ไม่ได้เข้ามาทั้งหมด มีการหมุนเวียนในตลาด เพราะเกษตรกรต้องเก็บไว้ทำพันธุ์ และบริโภคในประเทศมากถึงครึ่งหนึ่งของผลผลิตข้าวทั้งหมด ส่วนการระบายข้าวก็เป็นกลไกปกติเมื่อรัฐบาลมีสต๊อก ก็ต้องระบายออกไป ไม่ควรจะมองประเด็นกำไรหรือขาดทุน เพราะโครงการรับจำนำข้าวมุ่งเน้นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ได้ทำการค้าขายแข่งกับเอกชน”นายยรรยงกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำตัวไม่ต่างจากฝ่ายค้านนอกสภามาตลอด ไม่มีใครให้ความเชื่อถือ ไร้ค่า
วานนี้ (20 ก.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนักวิชาการจากคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุว่า ในเร็วๆ นี้ทางคณะจะยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล ขอให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าว เพราะโครงการนี้ทำให้ประเทศขาดทุนจำนวนมหาศาล ขณะที่ชาวนาก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้อย่างแท้จริง ซึ่งบรรดานักวิชาการต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ
“เราล่ารายชื่อนักวิชาการที่เห็นความเสียหายของโครงการนี้ โดยเริ่มจากนิด้าก่อน หากนักวิชาการสถาบันอื่นจะมาร่วมก็ได้ แล้วยื่นไปที่นายกฯ ให้ยุติโครงการ ถ้าหากยังไม่ตอบรับก็จะพิจารณากำหนดแนวทางต่อไป อาจจะเป็นการฟ้องศาลรัฐธรรมนูญก็ได้”
ขณะเดียวกัน ปปช.ซึ่งออกมาเตือนรัฐบาล ต่อ “โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล” ว่า เป็นการสร้างความเสียหายอย่างมาก และขณะนี้นักวิชาการหลายคนก็อึดอัดกับโครงการนี้มาก เพราะรัฐบาลยืนยันจะทำให้ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้หารือเรื่องนี้กับคณาจารย์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยนักวิชาการกำลังหาทางดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจต้องอาศัยให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้หาข้อยุติในโครงการนี้ แม้จะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
"ทั้งนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 84 (1) ระบุว่า รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีและเป็นธรรม โดยอาศัยกลไกตลาดและสนับสนุนให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยต้องยกเลิกและละเว้นการตรากฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ควบคุมธุรกิจ ซึ่งมีบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม หรือการจัดให้มีสาธารณูปโภค
ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของโครงการรับจำนำข้าว เพราะต้องการดูแลรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปขายแข่งกับภาคเอกชน และเราก็ไม่ได้ทำโครงการนี้เพื่อแสวงหาผลกำไร เมื่อถามย้ำว่ายืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า เนื่องจากเป็นนโยบายที่เราแถลงไว้ต่อรัฐสภา แต่เราก็ยินดีรับข้อห่วงใยและข้อติติงต่าง ๆ ไปปรับปรุงในครั้งหน้า ซึ่งได้ฝากข้อห่วงใยเหล่านี้ให้กับหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และจากข้อมูลที่เราตรวจสอบเองก็ได้แจ้งกับ รมว.พาณิชย์ เพื่อให้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ลดข้อห่วงใยของฝ่ายต่าง ๆ
ทั้งนี้ ความจริงภาคเอกชนก็สามารถมาประมูลซื้อได้ ต้องอยู่ที่ความพึงพอใจเรื่องราคามากกว่า วันนี้รัฐบาลพยายามดูแลเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกร ดังนั้นภาครัฐก็มีสิทธิที่จะตั้งราคาในการรับจำนำตามกลไกได้ แต่เอกชนเองก็มีสิทธิในการซื้อตรงกับเกษตรกรได้อยู่แล้ว เมื่อถามว่าแต่ภาคเอกชนสะท้อนว่ารัฐบาลตั้งราคาจำนำสูง เหมือนเป็นการไปตัดหน้า ทำให้ไม่มีชาวนาไปขายให้เอกชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเชื่อว่าอีกสักพักกลไกต่าง ๆ จะดีขึ้น เราต้องเห็นใจเกษตรกรด้วย ส่วนภาคเอกชนนั้น รัฐก็ยินดีเปิดโอกาสให้ ซึ่งคงต้องเข้าไปทำความเข้าใจและดูแลว่าภาคเอกชนมีผลกระทบอะไรบ้าง ความจริงราคาข้าวของไทยดีที่สุดถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
“นโยบายแต่ละอย่างคงไม่สามารถตอบโจทย์ของทุก ๆ คนได้ วันนี้เราอยากจะดูแลทุกส่วน แต่วันนี้เกษตรกรเหมือนกันเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ และเป็นคนส่วนมากที่จะต้องได้รับการดูแล ส่วนภาคเอกชนเราก็เห็นใจ ซึ่งจะให้ทางกระทรวงพาณิชย์เข้าไปทำความเข้าใจ และดูว่าปัญหาของภาคเอกชนเราจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร”น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่21 ก.ย.นี้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) จะประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนตัวเลขปริมาณผลผลิตข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งในส่วนผลผลิตข้าวนาปรังรอบพิเศษที่จะรับจำนำข้าวเปลือกจนถึงสิ้นเดือนก.ย. หลังจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขอเพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังรอบพิเศษจาก 2 ล้านตัน เป็น 3.1 ล้านตัน และผลผลิตข้าวเปลือกนาปีที่จะเข้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/56 ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลงจากที่คาดการณ์ไว้ 25 ล้านตันอย่างไร ซึ่งอาจต้องมีการปรับตัวเลขวงเงินหมุนเวียนรับจำนำ 4.05 แสนล้านบาทด้วย
“เมื่อสรุปได้แล้ว กขช. จะนำมติดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันอังคารที่ 25 ก.ย. เพื่อให้ทันต่อการเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป”
นายบุญทรง กล่าวว่า สำหรับการมอบนโยบายหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมโครงการรับจำนำ ได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการรับจำนำต่อไป เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำปีนี้ ได้มีการปรับหลักเกณฑ์ โดยในใบประทวนที่ออกให้กับเกษตรกรและสัญญาโรงสีเข้าร่วมโครงการจะมีระบุไว้ชัดเจน หากมีการสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เกษตรกรและโรงสีจะต้องรับผิดชอบและมีความผิดตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการกับเกษตรกรและโรงสีที่ทุจริตในโครงการับจำนำฤดูกาล 2554/55 โดยส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการแล้ว
นายบุญทรง กล่าวว่า ไม่กังวลต่อเรื่องที่นักวิชาการของสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) เตรียมรวมรวบรายชื่อประชาชนเพื่อขอยุติโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยื่นต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และบอกว่าหากไม่มีการยุติโครงการรับจำนำจะฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้ระงับโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ เพราะโครงการรับจำนำข้าวไม่มีประเด็นไหนที่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยระบบการค้าข้าวในตลาดยังคงทำงานปกติ ไม่ได้มีการกีดกันการค้าแต่อย่างใด
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อยากถามนักวิชาการนิด้าว่าเคยทำวิจัยเรื่องข้าวจริงจังหรือไม่ ก่อนที่จะมากล่าวหาภาครัฐ และตัวนักวิชาการเองก็ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการรับจำนำข้าวโดยตรง การไปล่ารายชื่อประชาชน อยากถามอีกว่าเหตุใดถึงไม่ไปถามความเห็นเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการรับจำนำข้าว เช่น ผู้ส่งออก ส่วนจะมีการฟ้องร้องภาครัฐ ก็ต้องพิสูจน์ว่าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ระบบการค้าของเอกชนเสียหายหรือแข่งไม่ได้จริงๆ หรือไม่
“วัตถุประสงค์ของการรับจำนำข้าว คือ การเพิ่มราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นทำการค้าเพื่อแข่งขันกับเอกชน เพราะเอกชนก็ยังสามารถหาซื้อข้าวในตลาดมาทำการค้าปกติได้ หากดูจากตัวเลขการรับจำนำข้าวนาปีที่ผ่านมา จะพบว่าปริมาณข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ ไม่ได้เข้ามาทั้งหมด มีการหมุนเวียนในตลาด เพราะเกษตรกรต้องเก็บไว้ทำพันธุ์ และบริโภคในประเทศมากถึงครึ่งหนึ่งของผลผลิตข้าวทั้งหมด ส่วนการระบายข้าวก็เป็นกลไกปกติเมื่อรัฐบาลมีสต๊อก ก็ต้องระบายออกไป ไม่ควรจะมองประเด็นกำไรหรือขาดทุน เพราะโครงการรับจำนำข้าวมุ่งเน้นการช่วยเหลือเกษตรกรไม่ได้ทำการค้าขายแข่งกับเอกชน”นายยรรยงกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำตัวไม่ต่างจากฝ่ายค้านนอกสภามาตลอด ไม่มีใครให้ความเชื่อถือ ไร้ค่า
